13 ส.ค. 2023 เวลา 01:00 • หนังสือ

4 กฎสำคัญ!! ที่ผู้นำยุคใหม่มองข้าม

“กฎที่คุณ ต้องทำตาม ถ้าอยากให้ผู้คนตามคุณ”
— กฎ 21 ข้อที่ไม่มีผู้นำคนไหนปฏิเสธได้
ความเป็นผู้นำ (leadership) คือ อะไร?
ใครคือผู้นำ?
ผู้นำที่ดี (Good Leader) กับ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ (Great Leader) ต่างกันอย่างไร?
วันนี้ ขอนำเสนอหนังสือ THE 21 IRREFUTABLE LAWS OF LEADERSHIP — JOHN C. MAXWELL
Review
ความอ่านง่าย เข้าใจง่าย (Readability) —4.5/5
เนื้อหาที่แปลกใหม่ (Unique Content) — 4.5/5
ทำได้จริง (Actionability) — 5/5
การจัดระเบียบเนื้อหา (Organization) — 5/5
หาจุดหักคะแนน ยากจริงเล่มนี้ ใครที่ชอบแนวตรงไปตรงมา
อ่านแล้วทำได้เลย เล่มนี้ตอบโจทย์
4 จุดต้องจำ
หนังสือนอกกระแส ที่โดนป้ายยาจาก the standard podcast พอฟังจบแล้วน่าสนใจมาก เลยตัดสินใจซื้อมาอ่านดู บอกคำเดียวว่า “คุ้มค่าจริงๆ”
ตั้งแต่ กฎของหนังสืออธิบายละเอียดเห็นภาพ มีเคสตัวอย่าง มีขั้นตอน มีสรุป มี todo list มีแบบประเมินท้ายบท มีทุกอย่างแล้ว เหลือแค่ทำตาม การันตีว่าถ้าคุณเปิดใจลองทำสิ่งใหม่ๆ ตามหนังสือเล่มนี้ ทักษะด้านความเป็นผู้นำของคุณจะดีขึ้นแน่นอน
1) Objective & Purpose
หนังสือเล่มนี้ เขียนเกี่ยวกับเบื้องหลังและเบี้องหน้าความสำเร็จของผู้นำหลายคน ผ่านกฎ 21 ข้อที่สามารถทำได้จริง เพื่อ รู้ศักยภาพตัวเองและพัฒนาความสามารถนั้น
2) Recommend for
  • ผู้นำบริษัทและองค์กรต่างๆ
  • นักเรียนนักศึกษาที่ต้องการฝึกทักษะผู้นำ
  • พนักงานเงินเดือน ที่ต้องการอัพตำแหน่ง
  • บุคคลทั่วไปที่ต้องการเคล็ดลับด้านความเป็นผู้นำ
3) Why we should Read and Why we shouldn’t
ทำไมถึงควรอ่าน
  • อ่านง่าย อ่านได้หลายแบบ อ่านข้ามบทได้ บทละไม่กี่หน้า
  • มี todo list ที่ทำได้ เป็นไปได้
  • มี case ตัวอย่างที่น่าสนใจ กับ quote ที่ดึงดูดสายตา
ทำไมถึงไม่ควรอ่าน
  • เป็นหนังสือที่ ต้องลงมือทำถึงเห็นผล ไม่เหมาะกับการอ่านคลายเครียด
  • เปรียบเทียบความเป็นผู้นำกับตัวเอง แล้วอาจรู้สึก imposter syndrome
4) Book to read next
เล่มที่ควรอ่านต่อ
  • Good to Great: Why Some Companies Make the Leap and Others Don’t — Jim Collin
  • The Lean Startup: How Today’s Entrepreneurs Use Continuous Innovation to Create Radically Successful Businesses — Eric Ries
  • Start with Why: How Great Leaders Inspire Everyone to Take Action — Simon Sinek
4 กฎสำคัญ!! ที่ผู้นำยุคใหม่มองข้าม
1) ตำแหน่งไม่ได้สร้างผู้นำ แต่ผู้นำสร้างตำแหน่งให้ตัวเอง
ตำแหน่งไม่ได้สร้างผู้นำ แต่ผู้นำสร้างตำแหน่งให้ตัวเอง
—สแตนลีย์ อัฟฟ์ตี
ผมอยากให้ลอง ตั้งคำถามกับตัวเองดู
ผู้นำ (leader) ในคำนิยามคุณนึกถึงอะไร? ใครบ้างคือผู้นำ?
หัวหน้า?
ผู้จัดการ?
CEO?
นายก?
งั้นสิ่งที่ผู้นำควรมีละ?
ตำแหน่ง?
ความรู้?
ความสามารถด้านธุรกิจ?
ความสามารถการจัดการ?
.
.
.
คำตอบ คือ ทักษะดังกล่าวไม่ได้เป็นปัจจัยหลักของการเป็นผู้นำมันเป็นเรื่องที่เข้าใจกันผิดๆ
  • ผู้นำไม่ได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง หลายบริษัทที่ผู้ถือหุ้นไม่พอใจกับ CEO ก็โดนไล่ออก
  • คนที่มีความรู้มากที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่า มีความเป็นผู้นำสูง
  • ไม่ใช่ว่าผู้ประกอบการทุกคนจะมีความสามารถในการรับมือคน
  • ผู้จัดการเหมือนกับกะลาสีเรือ คอยจัดการเรื่องต่างๆภายในเรือ แต่ก็ไม่เหมือนกับ กัปตันเรือที่ทำหน้าที่นำทางทุกคน
งั้นจริงๆแล้ว อะไรคือสิ่งที่สำคัญ ที่ผู้นำทุกคนควรมีละ?
…..อิทธิพล
โดยคำว่า อิทธิพลมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง
  • บุคลิกภาพ (คุณเป็นใคร)
  • ความสัมพันธ์ (คุณรู้จักใคร)
  • ความรู้ (คุณรู้อะไร)
  • สัญชาตญาณ (รับรู้นามธรรมได้ดีแค่ไหน)
  • ประสบการณ์ (คุณผ่านอะไรมาบ้าง)
  • ความสำเร็จในอดีต (คุณเคยทำอะไรสำเร็จ)
  • ศักยภาพ (คุณทำอะไรได้)
หัวใจสำคัญของอิทธิพล คือ การทำให้คนอื่นให้ความร่วมมือ
— แฮร์รี่ เอ. โอเวอร์สตรีต
2) ความเป็นผู้นำเกิดจากการค่อยๆ พัฒนาขึ้นทุกวัน ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ภายในวันเดียว
ความเป็นผู้นำ เหมือนกับการลงทุน
นักลงทุนที่คิดจะซื้อขายวันเดียวจบ ไม่มีทางประสบความสำเร็จ ปัจจัยที่สำคัญคือต้องทำมันทุกวัน เช่นเดียวกับ ความเป็นผู้นำที่ใช้ประสบการณ์ ความเข้มแข็งทางอารมณ์ ทักษะรับมือกับผู้คน วิสัยทัศน์ ความมีวินัย และอื่นๆ อีกมากมาย
ระดับของความเป็นผู้นำ
2.1) ฉันไม่รู้ว่าฉันไม่รู้อะไร
2.2) ฉันรู้ว่าฉันจำเป็นต้องรู้
2.3) ฉันรู้ว่าฉันไม่รู้อะไร
2.4) ฉันรู้และลงมือพัฒนา
2.5) ฉันรู้ ทำให้ฉันลงมือทำโดยอัตโนมัติ
เคล็ดลับของความสำเร็จในชีวิต คือ การเตรียมตัวให้พร้อมกับโอกาสที่มาได้ทุกเมื่อ ถ้าอยากเป็นผู้นำในวันพรุ่งนี้จงเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้
3) ผู้นำที่ยิ่งใหญ่มีอำนาจได้ด้วยการมอบอำนาจให้คนอื่น
มีคำกล่าวหนึ่งว่า ผู้นำที่ยอดเยี่ยมสามารถทำให้ องค์กรขับเคลี่อนไปข้างหน้า แม้ว่าผู้นำคนนั้นจะไม่อยู่แล้ว กฏแห่งการมอบอำนาจที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญ ที่จริงแล้วมันคือ ตัวกำหนดเลยว่าทิศทางขององค์กรคุณจะไปทางไหน
เฮนรี ฟอร์ด ทำให้ชีวิตของชาวอเมริกันเปลี่ยนไปด้วยบริษัทรถยนต์ของเขา ฟอร์ดเป็นผู้ผลิตรถยนต์เกือบครึ่งหนึ่งของตลาดทั้งหมดในอเมริกา บริษัทเขาเติบโตอย่างมากในปี 1914 แต่ ฟอร์ดกลับเป็นคนที่ยึดติดกับโมเดลเก่า ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนาโมเดลอื่น ไม่เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ และความคิดเห็นของคนในบริษัท จนบริษัทถึงวิกฤตในปี 1931
มีบริษัทหลายแห่งที่ล้มละลายจากการบั่นทอนกำลังใจคนที่เก่งๆ ความไม่มั่นใจของ ฟอร์ดทำให้เขาไม่สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นได้
ธีโอดอร์ รูสเวลต์ที่กล่าวว่า “สุดยอดผู้บริหาร คือคนที่ฉลาดพอที่จะเลือกคนที่เหมาะสมมาทำในสิ่งที่เขาอยากทำให้สำเร็จ และควบคุมตัวเองได้ดีพอที่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายการทำงานของพวกเขา” หลายครั้งเราถูกสอนมาให้เป็นผู้นำที่เก่งกว่าคนอื่น แต่การกดให้ผู้ต่ำลง มันจะทำให้คุณต่ำตามเขาไปด้วย
แล้วอะไรคือสิ่งที่ผู้นำหลายคนไม่อยากมอบอำนาจ?
3.1) ความยึดติดกับตำแหน่ง — การมอบหมายงานให้คนใดคนหนึ่งทำ เป็นการยกคววามดีความชอบให้คนอื่น ทุกคนล้วนชื่นชมนักกีฬาที่เล่นได้ดี แต่น้อยคนนักที่จะให้ตวามสำคัญกับ โค้ชผู้วางกลยุทธ์ การทำเช่นนี้ทำให้ ผู้เล่นที่มีความสามารถไม่มีใครยอมเสียสละเพื่อทีมเป็นตัวสำรองหรอก ศัตรูหมายเลขหนึ่งของการมอบอำนาจ คือ ความกลัวสูญเสียสิ่งที่มี
3.2) การต่อต้านความเปลี่ยนแปลง — คนเราส่วนใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่ผู้นำที่ดี ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลง
ทิ้งท้ายไว้เรื่อง GOOD LEADER VS GREAT LEADER สิ่งที่แตกต่างระว่าง ผู้นำที่ดีกับผู้นำที่ยิ่งใหญ่คือ การลงทุนกับผู้ตาม และการมอบอำนาจให้ผู้อื่น
4) “ผู้นำฉายเดี่ยวไม่มีจริง” ถ้าคุณฉายเดี่ยวคนเดียวจริงๆ ก็แสดงว่าคุณไม่ได้เป็นผู้นำของใคร
ทุกความสำเร็จของใครคนหนึ่ง ล้วนมีทีมอยู่ข้างหลัง ไว้ว่าวงการกีฬา/การเมือง/การแสดง/ธุรกิจ ผู้นำฉายเดี่ยวเลยไม่มีจริง เพราะคุณไม่ได้เก่งในทุกเรื่อง ฉะนั้นทีมที่ดีก็มีชัยชนะไปกว่าครึ่งแล้ว
ทีมที่ดี หน้าตาเป็นอย่างไร? เราควรจะดึงใครเข้าทีม?
คนส่วนใหญ่มักขาดกลยุทธ์ โดยดึงคนที่ตัวเองสบายใจนิสัยคล้ายๆกัน ซึ่งไม่ผิดแต่เรามาดู การตั้งทีมแบบที่ผู้นำประสบความสำเร็จก่อนดีกว่า
4.1) จริงแล้วๆ อย่างแรกเราต้องมีศักยภาพระดับหนึ่งก่อนค่อยตั้งทีม คนของคุณถึงมีโอกาสบรรลุศักยภาพนั้นได้ อันนี้ผมตีความว่า ถ้าคุณต้องการทีมที่ขยันขันแข็งคุณต้องเป็นแบบอย่างให้ได้ก่อน ซึ่งเป็นไปตามกฎของแรงดึงดูด
4.2) ลอง list คนในอุดมคติที่คุณอยากทำงานด้วยออกมาสัก 5 ข้อ ตัวอย่าง 1.มาทำงานตรงเวลา 2.คุยด้วยแล้วสบายใจ 3……..
ลองเช็คว่าที่คุณ list มาตรงกับบุคคลิกคุณแค่ไหน ถ้าเช็คแล้วไม่ถึงครึ่ง ก็มีโอกาสน้อยที่คุณจะได้ทำงานร่วมกับคนนั้น
คนที่บุคลิกคล้ายๆกัน จะอยู่ด้วยกันและส่งเสริมกันเช่นเดียวกับผู้นำหลายคน สิ่งที่ตัดสินว่าคุณจะดึงดูดคนแบบไหนเข้ามาในชีวิต ไม่ใช่ความต้องการของคุณแต่เป็นตัวตนของคุณ
4.3) ขั้นตอนต่อไป checklist สำหรับคนวงใน
พวกเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้อื่นใช่ไหม
พวกเขามีความสามารถที่ปิดจุดอ่อนฉันได้ไหม
พวกเขามีบทบาทต่อคนในองค์กรใช่ไหม
พวกเขาเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กรหรือไม่
พวกเขาสร้างผลกระทบดีๆ ให้คนในวงในของเราหรือไม่
ถ้าคำตอบทั้งหมดคือ ใช่ ก็หมายความเขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับวงในของคุณ
4.4) รักษาความสัมพันธ์
ใช้เวลากับคนวงในเป็นพิเศษ เพื่อให้คำปรึกษาและพัฒนาความสัมพันธ์
มอบหมายงานให้คนในวงใน และคาดหวังกับพวกเขาไว้สูงกว่าบุคคลทั่วไป
ยกความดีความชอบให้คนวงในเมื่อทุกอย่างราบรื่นดี และ ออกรับแทนพวกเขาเมื่อเกิดความล้มเหลว
ศักยภาพของผู้นำ ขึ้นอยู่กับผู้คนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด
#LeadershipBook
#JohnCMaxwell
#21LawsOfLeadership
#LeadershipInsights
#InfluenceMatters
#BookReview
#MustRead
#หนังสือพัฒนาตนเอง
#หนังสือความเป็นผู้นำ
#กฎ21ข้อที่ไม่มีผู้นำคนไหนปฏิเสธได้
#4จุดต้องจำ
โฆษณา