10 ส.ค. 2023 เวลา 00:30 • ข่าวรอบโลก

สายสัมพันธ์รัสเซีย ~ ยูเครน : อำนาจศาสนจักรใน "โลกของรัสเซีย"

บนดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกัน และผูกพันมายาวนาน ชนชาติที่เราเรียกว่า Ukrainians และ Russians ได้เดินทางในวงโคจรทางการเมืองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ยูเครนและรัสเซียมีรากฐานความคิดทางการเมือง และจินตนาการทางการเมืองที่ต่างกัน รัสเซียสร้างบนแนวคิดของรัฐที่มีอำนาจเป็นลำดับชั้นที่ต้องมีผู้นำที่มีอำนาจสูงสุด เป็นความคิดทางการเมืองแบบอำนาจรวมศูนย์ ในขณะที่ความคิดทางการเมืองของยูเครนนั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แนวคิดที่มีอิทธิพลขับเคลื่อนชีวิตทางการเมืองของยูเครน คือมีศูนย์กลางอำนาจหลายแห่ง เป็นรัฐที่มีระดับการกระจายอำนาจสูง
อย่างไรก็ตาม รัสเซียถือว่าชาวรัสเซียและชาวยูเครนเป็นพี่น้องกันและเติบโตมาในครอบครัวออร์โธดอกซ์เดียวกัน
ในปี ค.ศ. 988 เมื่อศาสนาคริสต์ได้รับการยอมรับเป็นศาสนาของ Kievan Rus' ซึ่งเป็นรัฐในยุคกลางที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของยูเครน เบลารุส โดยอยู่ภายใต้การปกครองศาสนจักรแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล
ยุคที่อำนาจแห่งศาสนจักรครอบคลุมการเมือง การแข่งขันและท้าทายอำนาจกันระหว่างพระสังฆราชแห่งคอนสแตนติโนเปิลและสมเด็จพระสันตะปาปาในกรุงโรมถึงจุดแตกแยกครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1054 แยกโลกคริสเตียนออกเป็น "ตะวันตก" ของคาทอลิกและ "ตะวันออก" ของออโธดอกซ์
อารามแห่งถ้ำในเคียฟ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 โดยสถาปนิกจากคอนสแตนติโนเปิล ถือเป็นแหล่งกำเนิดของทั้งรัสเซียและยูเครนออร์ทอดอกซ์ AP Photo / Efrem Lukatsky
ช่วงปลายทศวรรษที่ 1230 เมื่อเคียฟถูกมองโกลปิดล้อม คอนสแตนติโนเปิล อนุญาตให้ย้ายคริสตจักรไปทางเหนือ และในศตวรรษที่ 13 คริสตจักรก็ได้ย้ายไปที่กรุงมอสโก ซึ่งได้กลายเป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองของภูมิภาคต่อมาอีก 300 ปี จนมีอำนาจมากพอที่จะยืนยันอำนาจของตนเหนือคอนสแตนติโนเปิล มอสโกก็ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งโบสถ์ออโธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดและมั่งคั่งที่สุดเพื่อก่อตั้งเขตปกครองของพระราชาคณะ (patriarchate) ของตนเอง
ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีการต่อสู้แย่งดินแดนระหว่างเครือจักรภพโปแลนด์–ลิทัวเนีย (Polish-Lithuanian Commonwealth) และอาณาจักรซาร์รัสเซีย (Tsardom of Russia) เมื่อสิ้นสุดการแบ่งแยกดินแดนยูเครนซึ่งกินเวลานานกว่าร้อยปี โดยฝั่งตะวันตกเป็นของเครือจักรภพและตะวันออกเป็นของอาณาจักรซาร์รัสเซีย มีแม่น้ำนีเปอร์ (Dnieper) กั้นระหว่างสองฝั่ง
ในปี ค.ศ. 1793 ยูเครนฝั่งตะวันตกก็ถูกผนวกกับจักรวรรดิรัสเซีย นำไปสู่การใช้นโยบาย “การทำให้เป็นรัสเซีย” (Russification) ซึ่งห้ามการใช้และสอนภาษายูเครน และผู้คนถูกกดดันให้นับถือศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียออโธดอกซ์
ในยุคสหภาพโซเวียต การผนวกยูเครนทางตะวันตกในปี ค.ศ. 1939 เกิดขึ้นอีกครั้งด้วยการร่วมมือกับเยอรมนี ในสงครามโลกครั้งที่สอง และนี่คือรอยร้าวของประวัติศาสตร์ ที่ยูเครนทางตะวันออกกลายเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจรัสเซียอยู่เสมอ ในขณะที่ยูเครนตะวันตกมักอยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจของยุโรป ความแตกต่างนี้ทำให้ชาวยูเครนทางตะวันออกมีแนวโน้มสนับสนุนนักการเมืองจุดยืนเข้าข้างรัสเซียในทางกลับกัน ยูเครนตะวันตกมักสนับสนุนนักการเมืองเข้าข้างชาติตะวันตก
นอกจากนี้ชาวยูเครนตะวันออกมักพูดภาษารัสเซียและนับถือศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ ในขณะที่ชาวตะวันตกมักพูดภาษายูเครนและนับถือคริสต์คาทอลิก
ยูเครนออโธดอกซ์อยู่ภายใต้เขตอำนาจของคริสตจักรรัสเซียมานานกว่า 300 ปีจนถึงปี ค.ศ. 2019 และด้วยตำแหน่งภูมิรัฐศาสตร์ของยูเครนอยู่ระหว่างคริสต์ศาสนาตะวันตกและตะวันออกทำให้คริสเตียนยูเครนอยู่ระหว่างอำนาจของมอสโก โรม และคอนสแตนติโนเปิล
การปฏิวัติไมดาน นำไปสู่การผนวกไครเมียและสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง การคอร์รัปชัน และเศรษฐกิจถดถอย ผลักดันให้ยูเครนเข้าไปมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหภาพยุโรปมากยิ่งขึ้น นำไปสู่การประท้วง Euromaidan ในปี 2013 และการแบ่งแยกดินแดนของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์และลูฮันสค์ ในปี 2014 โดยผู้นำยูเครนในขณะนั้นมองว่า การที่ยูเครนออโธดอกซ์ออกจากมอสโกจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเดินทางสู่เอกราชทางการเมืองของยูเครน
คริสตจักรออโธดอกซ์ไม่มีสังฆราชสูงสุดซึ่งแตกต่างจากคริสตจักรคาทอลิก ความเป็นผู้นำดำเนินการโดยคริสตจักร autocephalous ในท้องถิ่นหลายแห่ง หนึ่งใน autocephaly ดังกล่าวคือ Russian Orthodox Church (ROC) หรือ Moscow Patriarchate (MP)
ROC ไม่พอใจกับการเป็นเพียงคริสตจักรเดียว แต่ตั้งใจที่จะแผ่ขยายอิทธิพลไปยัง คริสตจักรออโธดอกซ์ในทุกประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ด้วยเหตุนี้จึงรับบทบาทของ "คริสตจักรแม่" กำหนดกฎหมายและกฎเกณฑ์กับประเทศเพื่อนบ้านจำนวนหนึ่ง
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2021 ROC Synod ตัดสินใจจัดตั้งเขตปกครองตนเองในแอฟริกาซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างคริสตจักรออโธดอกซ์และรุกล้ำขอบเขตตามบัญญัติของ Patriarchate of Alexandria
พระสังฆราชคิริลล์ออร์โธดอกซ์แห่งรัสเซีย (AP Photo/Alexander Zemlianichenko)
ROC มีชื่อเสียงในด้านการทุจริต การสนับสนุนลัทธิบริโภคนิยมทางศาสนา เช่น การสร้าง "คริสเตียนดิสนีย์แลนด์" ในสถานที่แสวงบุญ นอกจากนี้ พระสังฆราชคิริลล์ แห่งรัสเซียออโธดอกซ์ยังชอบนาฬิกา Breguet และ Ulysse Nardin ราคาแพงหลายหมื่นดอลลาร์ และเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2022 ในตอนท้ายของคำปราศรัย พระสังฆราชอวยพรกองทัพรัสเซียและเรียกสงครามนี้ว่า "ความรักชาติ" แสดงถึงความเห็นชอบในการรุกล้ำพรมแดนอธิปไตยของยูเครน
ทหารรัสเซียเข้าร่วมพิธีใน Cathedral of Christ's Resurrection ซึ่งเป็นอาสนวิหารรัสเซียออโธดอกซ์หลักของกองทัพรัสเซีย ในสวน Patriot ใน Kubinka นอกกรุงมอสโก ภาพถ่าย EPA, Sergei Ilnitsky
เมื่อรัสเซียบุกยูเครน คริสตจักรออโธดอกซ์รัสเซีย (ROC) ไม่ลังเลเลยที่จะให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังสงคราม ทั้งนี้ ก็เพื่อรักษาสถาบันของคริสตจักร ROC เป็นสถาบันที่มีมอสโกเป็นศูนย์กลางเพียงแห่งเดียวที่สามารถดำเนินการต่อไปได้ทั่วทั้งพื้นที่กว้างใหญ่ของอดีตสหภาพโซเวียตนับตั้งแต่การล่มสลาย ดังนั้น ROC จึงมีขนาดใหญ่และเก่าแก่กว่ารัฐ
ภายใต้กฎหมายของคริสตจักร ทำให้คริสตจักรที่เป็นส่วนประกอบเหล่านี้ไม่สามารถแยกออกจาก ROC ได้โดยอิสระ แน่นอนว่าคริสตจักรออโธดอกซ์ยูเครน (UOC) ที่พบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด ได้ประกาศเอกราชจาก ROC แต่ก็ล้มเหลว ทำให้นักบวชอาวุโสหลายคนออกจากยูเครนไปรัสเซีย และคนอื่นๆ กำลังถูกสอบสวนในข้อหากบฏ
คริสตจักรออโธดอกซ์แห่งยูเครนกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชุมชนคริสเตียนทางตะวันตก ล่าสุดได้สมัครเป็นสมาชิกของ Conference of European Churches (KEK) ขณะนี้คณะกรรมการได้อนุมัติคำขอนี้แล้ว
ศาสนจักรสามารถใช้เป็นเครื่องมือที่นุ่มนวล หรือ Soft Power ในอาชญากรรมสงคราม ด้วยการหว่านเมล็ดพันธุ์ความเกลียดชังให้เกิดมากขึ้น และทำให้สังคมแตกแยกมากขึ้น ไม่เพียงระหว่างคริสตจักรออโธดอกซ์ยูเครน (UOC) กับคริสตจักรออโธดอกซ์รัสเซีย (ROC) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงระหว่างชุมชนโลกออโธดอกซ์ทั้งหมดกับรัสเซียออโธดอกซ์ด้วย
ชายคนหนึ่งกำลังเก็บเศษซากของโบสถ์ที่เสียหายหลังจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธในเมืองโอเดสซา ทางตอนใต้ของยูเครน ท่ามกลางการรุกรานของรัสเซีย ภาพถ่าย EPA, Igor Tkachenko
การที่พระสังฆราชคิริลล์สนับสนุนอาชญากรสงคราม ทำให้ชาวออโธดอกซ์ทั่วโลกไม่พอใจกับคำกล่าวอ้างของเขาและการละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้าอย่างโจ่งแจ้ง Human Rights Without Frontiers เรียกร้องให้มีการดำเนินการ เพื่อรับผิดชอบเป็นการส่วนตัวและดำเนินคดีกับ Vladimir Mikailovitch Goundiaiev หรือที่รู้จักในชื่อสังฆราชคิริลล์แห่งรัสเซีย ในข้อหายุยง ช่วยเหลือ และสนับสนุนอาชญากรรมสงคราม (มาตรา 8 ของกฎหมายกรุงโรม) และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (มาตรา 7) ก่อการและปลุกปั่นโดยกองทัพรัสเซียในยูเครน
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสและวลาดิมีร์ ปูตินในเดือนมิถุนายน 2558 Reuters/Ria Novosti
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงขอร้องไม่ให้คิริลล์เป็น 'เด็กชายแท่นบูชาของปูติน' เนื่องจากภาษาการเมืองไม่ใช่ภาษาของพระเยซู และมีความพยายามจากสหภาพยุโรปในการคว่ำบาตรพระสังฆราชคิริลล์ แต่ไม่สำเร็จ ทางที่จะขับไล่ ROC ออกจากตระกูล Orthodox คงต้องทำให้พระสังฆราชคิริลล์ เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบจากศาลโดยสภาสังฆราชออโธดอกซ์
ประธานาธิบดี ปูติน เป็นผู้นำสายอนุรักษ์นิยม-ชาตินิยม และมีศาสนจักรออโธดอกซ์หนุนหลังอยู่เสมอ เขาพยายามยกคุณค่าทางศีลธรรมแบบออโธดอกซ์ให้เห็นว่า ชาวตะวันตกโดยเฉพาะยุโรปและอเมริกา ได้ละทิ้งรากเหง้าธรรมเนียมคริสเตียนของตน กลายเป็นเอทิสต์หรือผู้ปฏิเสธพระเจ้า และสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจมากที่สุดก็คือ การเปิดกว้างต่อความหลากหลายทางเพศในที่สาธารณะ ซึ่งผิดหลักศีลธรรมของชาวคริสต์สายอนุรักษ์นิยมอย่างชาวรัสเซียออโธดอกซ์อย่างรุนแรง การเป็นเกย์จึงกลายเป็นสิ่งต้องห้ามในวัฒนธรรมรัสเซีย
เพื่อรองรับเอกลักษณ์ของชาติที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมต่อของเอเชียและยุโรป ปูตินได้ยกระดับศาสนาอิสลามควบคู่ไปกับศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ของรัสเซียให้เป็นหนึ่งในสองศาสนาหลักของประเทศ ชาวมุสลิมประมาณ 20 ล้านคนอาศัยอยู่ในรัสเซีย ซึ่งคิดเป็น 14% ของประชากรทั้งหมด และทำให้รัสเซียมีประชากรมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
ตัวแทนของ 4 ศาสนาดั้งเดิมของรัสเซีย ออโธดอกซ์ อิสลาม ยูดาย และพุทธ ในวันเอกภาพแห่งชาติในปี 2555
ประธานาธิบดี ปูตินไม่เพียงแต่ปกป้องอิสลามในฐานะชนพื้นเมืองดั้งเดิมของวัฒนธรรมรัสเซียเท่านั้น เขายังสนับสนุนข้อเสนอที่ว่าศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์มีความใกล้ชิดกับอิสลามมากกว่านิกายโรมันคาทอลิก ในขณะที่ชาวโปรเตสแตนต์ตะวันตกยืนยันค่านิยมเสรีนิยมของพวกเขาผ่านการสนับสนุนการทำแท้งและการรักร่วมเพศ ปูตินกล่าวว่า อิสลามและ ROC ผูกพันกับระบบค่านิยมแบบดั้งเดิม
การที่รัสเซียผู้ประกาศตนเป็นศูนย์กลางศาสนจักรออโธดอกซ์ แต่กลับไม่ได้ครอบครองดินแดนดั้งเดิมอันเป็นจุดกำเนิดศาสนาคริสต์ของชาวสลาฟ ถูกนำมาตั้งเป็นคำถามว่า จะเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหนกับการที่รัสเซียต้องการจะผนวกกรุงเคียฟให้ได้
บทความของประธานาธิบดี ปูติน ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์รัฐบาลรัสเซีย เมื่อปี 2021 อธิบายว่า “ชาวรัสเซีย” และ “ชาวยูเครน” นั้นเป็น “ชนชาติหนึ่งเดียวกัน” บนเอกภาพทางประวัติศาสตร์เดียวกัน บทความดังกล่าวนอกจากพยายามเชื่อมโยงประวัติศาสตร์ชนชาติรัสเซีย-ยูเครน แล้ว ยังแสดงถึงมายาคติของผู้นำรัสเซีย ว่าอย่างไรเสีย ยูเครนก็คือ "Little Russia"
โฆษณา