12 ส.ค. 2023 เวลา 05:19 • ท่องเที่ยว
ทบิลิซิ

“เที่ยวด้วย ได้เงินด้วย” จากการเป็น Digital Nomad EP.3

7 เรื่องอิหยังวะ ตอนไปอยู่จอร์เจีย
จอร์เจีย ประเทศเล็กๆบนเทือกเขาคอเคซัสที่โมไม่เคยคาดคิดว่าจะไปมาก่อนในชีวิต กลับกลายเป็นประเทศที่ทำให้ได้ลองเริ่มต้นวิถีชีวิตแบบ Digital Nomad ในช่วงไวรัสระบาด และทำให้โมได้เจอเรื่องน่าประหลาดใจ ที่บางเรื่องถือเป็น Culture Shock สำหรับโมเลย ซึ่งจะมาเล่าสู่กันฟังใน EP นี้นะคะ ใครที่อยากไปเที่ยวหรือไปอยู่ประเทศจอร์เจียจะได้เตรียมตัวไว้ก่อนเลย
ประเทศจอร์เจียค่อนข้างเป็นที่สนใจสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยในช่วงหลังๆมานี้ แต่สำหรับโมในช่วงก่อนโควิด โมแทบไม่มีข้อมูลในหัวเกี่ยวกับประเทศนี้และไม่เคยมีความคิดที่จะไปประเทศนี้มาก่อนเลย (ตอนนั้นยังเข้าใจว่าจอร์เจียคือรัฐหนึ่งในประเทศอเมริกาด้วยซ้ำ) จนได้มาเริ่มเสิร์ชหาประเทศที่เป็น Top Destination ของชาว Digital Nomad ทำให้ได้พบกับ “Tbilisi” (ทบิลิซี) เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย เรามาดูกันว่ามีเรื่องที่น่าอิหยังวะอะไรกันบ้าง เริ่ม!
1. อยู่ฟรี 1 ปีโดยไม่ต้องขอวีซ่า! แบบนี้ก็ได้เหรอพี่
ตอนนี้วีซ่าระยะยาวยังเป็นอุปสรรคสำหรับการใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad สำหรับหลายๆคน เพราะพวก Free Visa หรือ Visa on Arrival ในหลายๆประเทศจะให้อยู่ได้ไม่นานเท่าไร โดยเฉพาะคนไทยที่ยังต้องขอวีซ่าในอีกหลายๆประเทศด้วย แต่พี่จอร์เจียมาแหวกแหกทุกประเทศ ให้อยู่ได้ 365 วัน แต่ถ้าอยากอยู่ต่อก็บินออกไปเที่ยวนอกประเทศสักวันแล้วบินกลับเข้ามาใหม่ก็ได้อีก 365 วันแล้ว ใจป๋ามากเลยพี่!
2. ราคาเหมือนอยู่ไทยแต่ได้ฟีลยุโรปเฉย!
ถึงแม้บรรยากาศบ้านเมืองจะสไตล์ยุโรป แต่ค่าครองชีพพอๆกับประเทศไทยเลย ไม่ว่าค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง (ค่าแท็กซี่เริ่มต้นประมาณ 30 บาทเอง) และสินค้าบางอย่างก็ถูกกว่าไทยมาก เช่น ปลาแซลมอนนอร์เวย์ กิโลละ 700 กว่าบาท (พี่ไทยกิโลละเป็นพัน) หรือ ไวน์ เริ่มต้นขวดละ 100 กว่าบาทเท่านั้น! (ส่วนพี่ไทยคูณไปอีกหลายเท่า เพราะภาษีเอยอะไรเอย) ฉะนั้น จึงมีเหล่า Digital Nomad หลายคนที่ไม่ชอบอากาศร้อนอบอ้าวแบบบ้านเรา มาอยู่ที่นี่แทนเพราะค่าครองชีพใกล้เคียงกันเลย
3. อาหารเค็มไปไหมพี่!
ขนาดโมเป็นคนชอบกินเค็มแล้วนะ พี่จอร์เจียกินเค็มกว่ามากๆๆๆ และอาหารหลายๆอย่างก็ค่อนข้างกินยากเลยสำหรับโม แต่จะมีเมนูนึงที่โมชอบมากๆและอยากให้ทุกคนได้ลอง นั่นคือ “Khachapuri” (คาจาปุริ)
โดยอันที่แนะนำที่สุดคือ แบบ Adjarian Khachapuri ซึ่งจะเป็นแป้งโดปั้นเป็นเหมือนถ้วยวงกลมหรือวงรี แล้วจะมีชีส ไข่ และเนยอยู่ตรงกลาง เวลากินก็คนทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วก็จ้วงโลด! คนที่ชอบกินพิซซ่าและชีสอย่างโมกินแล้วฟินมาก (แต่แคลอรี่ก็เยอะมากเช่นกัน ฮือ)
Adjarian Khachapuri [ภาพจาก polinachesnakova.com]
แต่ Khachapuri จะมีรูปแบบอื่นๆด้วยนะ คือ Megruli khachapuri หน้าตาจะเหมือนพิซซ่าหน้าชีส และ Imeruli Khachapuri หน้าตาเหมือนพัฟไส้ชีส แต่ทั้งหมดหลักๆก็คือเป็นแป้งกับชีสนั่นแหละ (แต่ระวังร้านที่ทำเค็มเกินไป อาจทำให้กลายเป็นไม่อร่อยได้เหมือนกันนะ) ส่วนร้านที่โมแนะนำ คือ https://goo.gl/maps/UztQUEtipRM1pHp17
4. อาหารไทยหากินยากจังพี่จ๋า! ด้วยชื่อเสียงและความแพร่หลายของอาหารไทยในหลายๆประเทศ ทำให้เวลาโมไปต่างประเทศโดยเฉพาะเมืองหลวง ส่วนใหญ่จะหาร้านอาหารไทยกินได้ไม่อยากและหลายๆที่ก็ทำรสชาติได้เหมือนไทยแท้ แต่ที่จอร์เจียอาจจะหายากสักหน่อย ร้านที่มีอยู่ก็อาจไม่ได้รสชาติเหมือนที่ไทยมากเพราะวัตถุดิบไทยที่นี่หายาก เช่น มะละกอดิบสำหรับเมนูส้มตำ คนไทยที่นั่นเลยใช้พวกหัวไชเท้าหรือแครอทแทน รสชาติอาจไม่ค่อยถูกปาก แต่ก็พอกินแก้อยากไปก่อนได้
แต่อย่างน้อย อาหารญี่ปุ่นค่อนข้างหาง่ายในเมืองทบิลิซี ผนวกกับแซลมอนราคาถูกด้วย กินง่ายสบายกระเป๋าเลยเลยทีนี้ นอกจากนี้อาหารเกาหลีก็มีให้เห็นเยอะพอสมควรเหมือนกันนะ
5. คนรักสุขภาพหนีไป!
เพราะนอกจากอาหารที่ติดเค็มจนทรมานไตแล้ว ในตัวเมืองทบิลิซีก็ไม่ค่อยมีร้านอาหารแนวสุขภาพให้เลือกมากเท่าไรนัก รวมถึง มีฟิตเนสจำนวนไม่มากให้ไปใช้บริการ เจ้าของฟิตเนสที่โมไปบ่อยๆและเป็นเทรนเนอร์คอยเทรนให้ เขาเล่าว่าคนจอร์เจียไม่ค่อยออกกำลังกาย พวกธุรกิจฟิตเนสก็เลยไม่ค่อยเป็นที่นิยม
6. คนจอร์เจียดุ๊ดุ!
อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของโมกับแฟนที่รู้สึกว่าคนจอร์เจียไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร ไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใส เรื่องไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษนั้นพอเข้าใจได้ แต่มักจะดูหงุดหงิดที่เราพูดภาษาอังกฤษด้วย แล้วตอนนั้นเป็นช่วงโควิด เราเลยพยายามใส่แมสก์ตลอดเวลาออกไปข้างนอก ก็เคยโดนคนเข้ามาต่อว่าหรือล้อเลียนที่ใส่แมสก์ แล้วบอกว่าโควิดไม่มีอยู่จริงหรอก!
ส่วนเทรนเนอร์ชาวจอร์เจียนที่เทรนให้โม คนนี้ก็ท่าทางเคร่งขรึมดุดันน่ากลัว แต่พอได้รู้จักจริงๆแล้วเป็นคนใจดีมากๆเลย อาจไม่ได้แสดงออกด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่แสดงออกผ่านการกระทำมากกว่า
7. หมาแมวจะเป็นมิตรไปไหน! (ต่างกับคนจอร์เจียจุง)
ถ้าประเทศในแถบบ้านเรา หมาแมวจรจัดที่เจอจะค่อนข้างดุหรือไม่ก็ขี้กลัว แต่หมาแมวจรจัดที่นี่เฟรนด์ลี่มากๆ ได้ยินมาว่าคนจอร์เจียใจดีกับหมาแมวจรจัดและมักจะให้อาหารมันจนมันไม่ค่อยอดอยากและเป็นมิตรกับคน (เห็นหน้าดุๆแต่จริงๆแอบใจดีนะเนี่ยพี่จอร์เจี้ยน)
ทีนี้เวลาเดินไปตามถนนในทบิลิซีเลยเหมือนได้ไปคาเฟ่หมาแมวทุกวันเลย ชอบมีน้องแมวมาคลอเคลียเล่นด้วยตลอด ส่วนน้องหมาก็ชอบทำหน้าที่บอดี้การ์ดและไกด์คอยนำเที่ยว คอยเดินนำและเห่าคนที่เข้ามาใกล้เราบ้าง หรือพาเดินเที่ยวไปส่งตามที่ต่างๆบ้าง ฉลาดและน่ารักกันมากๆเลย
แต่มีสิ่งนึงที่อยากเตือนให้ระวังในการเดินเล่นในเมืองทบิลิซี คือ ระวังเหยียบกับระเบิดที่น้องๆปล่อยไว้ตามถนนนะ โมโดนบ่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน อิอิ
และนี่ก็เป็น 7 อย่างที่โมรู้สึกอิหยังวะในการมาอาศัยอยู่ในเมืองทบิลิซีตลอด 3 เดือน ใครเคยเจอข้อไหนหรือมีประสบการณ์อะไรนอกจากนี้ในประเทศจอร์เจียที่อยากมาแชร์ คอมเม้นท์คุยกันได้เลยน้า สำหรับตอนหน้ามาคุยเรื่องบาหลีกันบ้าง จะมีอะไรน่าสนใจ รอติดตามนะฮะ
สำหรับ EP นี้คงเท่านี้ก่อน ใครอยากอ่านต่อ ช่วยกดไลค์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ถ้ามีคนสนใจเยอะก็จะรีบเขียนต่อเลย แล้วก็อย่าลืมกดติดตามจะได้ไม่พลาดบทความต่อๆไปที่จะมาเล่าทั้งประสบการณ์และแบ่งปันวิธีหาเงินออนไลน์ยังไงให้ได้ใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad นะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามกันนะคะ เจอกัน EP หน้าค่า
ช่องทางติดตามอื่นๆ
YouTube : sMo Nomad
Instagram : smonomad
Tiktok : sMo Nomad
Facebook : sMo Nomad
#sMoNomad #DigitalNomad #WorkFromAnywhere #เที่ยวด้วยได้เงินด้วย #ลาออกไปเช็กอิน
โฆษณา