22 ส.ค. 2023 เวลา 12:18 • ไลฟ์สไตล์

เศษ.. จากการให้และรับ

เคยไหม บางทีเรารู้สึกว่า การรับ(ให้)ของจากใครบางคนแล้ว มันยังไง ๆ มันรู้สึกทะแม่งทะแม่ง ๆ หรือเพื่อนเราให้ของขวัญมา งัยไม่รู้?หรือ เคยไหม การให้ของเราบางครั้งมันยังงไง ๆ อยู่ เพราะอะไร มันไม่โล่งโปร่งสบาย? เพราะอะไรความรู้สักมันหนัก ๆ บอกไม่ถูก
การให้ที่มีเงื่อนไข มักเหลือเศษทิ้งไว้ที่ใจคนให้ และคนรับเสมอ ว่ามะ หรือทุกคนคิดเห็นว่าอย่างไร??
ชุ้นว่า ใดใด ลึก ๆ แล้ว เราสามารถรับรู้ได้ ชุ้นว่ามันเป็นเรื่องแปลกนะ เรื่องของความรู้สึกเนี่ยนะ พอพูดถึงแล้ว มันจับต้องไม่ได้ก็จริง แต่รู้สึกรับรู้ได้อย่างจริงจัง แม้เราจะไม่จริงจังในการรับรู้ก็ตาม แบบว่า เวลาที่เรา ชอบพูดว่า "เรารู้สึก..." กับ "เรารู้สึกว่า..." อะไรเทือก ๆ นี้
ความรู้สึกจากการให้ การรับ เป็นเรื่องของคนสองคน ถึงจะให้เป็นหมู่คณะ หรือจะให้เป็นการส่วนตัวหรือรายบุคคลก็ตาม แต่ความรู้สึกเป็นเรื่องการรับรู้ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองฝ่ายที่สามารถรับรู้ได้แบบเรียกว่าส่วนตัว (สำหรับชุ้นนะ แต่คนอื่นชุ้นก็อยากถามเหมือนกันว่ารู้สึกเหมือนกันหรือป่าว)
หากเราจะพูดถึงเรื่องของการให้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของความรู้สึกของคนให้และคนรับ ไม่ว่าการให้นั้นจะเป็นเป็นสิ่งที่จับต้องได้หรือไม่ก็ตาม เช่น รางวัล ของขวัญ จนรวมถึงนามธรรม ความเป็นเพื่อน น้ำใจ น้ำใสใจจริงของผู้คน ความเป็นมิตร ความเป็นกันเอง รวมเลยไปถึงความยุติธรรม หรือความเป็นเหตุเป็นผลก็มี สิ่งเหล่านี้ รวมเลยคือการให้ด้วยกันทั้งนั้น
การให้ ความต้องการ การได้รับ ขึ้นอยู่กับเหตุผล วิธีการ สถานการณ์ ความรู้สึกว่าได้รับหรือไม่ได้รับ สมควรได้หรือไม่สมควรได้ ทั้งคนให้และคนรับ ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างในความรู้สึกบางอย่าง เรื่องแบบนี้ ก็ตามแต่เหตุผลของแต่ละบุคคล เพราะแต่ละบุคคล ก็ต่างเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่ชุ้นอยากพูดถึงก็อยู่ตรงประเด็นที่ว่า
เมื่อเราหยิบยื่นอะไรออกไปให้ใครแล้วนั้น ย่อมมีสิ่งหนึ่งที่ติดไปด้วยเสมอนั้นคือ “ความรู้สึก” และ “เศษเสี้ยว” ของความรู้สึกที่อาจตกค้างระหว่างคนให้และคนรับ ที่อาจจะทิ้งไว้ หรือหลงเหลืออะไรบางอย่างในความรู้สึกไว้ใหกับคนตรงหน้าในทุก ๆ การการให้... ของเราก็เป็นได้ ไม่ว่าสิ่งของที่เราให้นั้นจะจับต้องได้หรือไม่ก็ตาม แต่ที่แน่ ๆ คือ ทุกการให้ของเรา คนรับนั้น ย่อมจับความรู้สึกใดความรู้สึกหนึ่งของผู้ให้ได้ แล้วสามารถรับรู้ และรู้สึกได้อย่างแน่นอนในทุก ๆ การให้อย่างไม่ต้องสงสัย
หากการให้ มาคู่กับการคาดหวัง แม้ว่า การคาดหวังนั้นจะเป็นความสุขของคนตรงหน้า ก็ตาม แต่หากครั้งหน้า เราไม่คาดหวัง เราแค่ใช้คำว่า เมตตาแทน ใช้คำว่า พรหมวิหาร 4 เข้ามาช่วย “ทำร้อนให้เย็น” คลายทุกข์ให้สุข แม้ว่าเราจะช่วยอะไรคนตรงหน้าไม่ได้ เงินไม่ได้มีมาก แค่ทำสิ่งนี้ละ แค่ 2 ข้อ คือ
1. รับฟัง โดยการไม่ตัดสินใคร
2. กลับไปดูข้อ 1 ใหม่อีกครั้ง (555)
การให้ของเราจะปราศจากเงื่อนไข เมื่อการให้เป็นการให้ที่ปราศจากเงื่อน จากความสุขที่ได้รับตอบแทนจากการให้ จะค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็น “ความสงบ” ที่เกิดขึ้นในใจเข้ามาแทน คือ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน เมื่อให้ไปแล้ว ก็แล้วกัน ไม่ได้หวังว่าคนรับนั้นจะตอบแทนบุญคุณที่เราได้ช่วยเขาหรือไม่ เขาจะนำคำแนะนำของเราไปปฏิบัติหรือไม่ หรือเขาจะลืมเราไหม เขาจะว่าเราทีหลังหรือเปล่า หรือ.. และหรือ.. และหรือ.. ความกังวลใจจากสิ่งที่ตามมาจะลดลง และสุดท้าย ความสงบที่ได้จะเปลี่ยนเป็น “อิสระ”
สำหรับชุ้น การให้การรับที่มีคุณภาพ คือ การมีเอกภาพจากสิ่งทั้งปวง เรียกว่า ทำแล้วก็แล้วกัน ให้แล้วก็แล้วกัน เรียกว่า .. “ไม่หวังผล” ของแท้ ก็เรียกอีกทีก็คือ “จริงใจ” นั่นนะ เขียนเท่ห์ดูดี ก็คือ
ไม่หวังผล = จริงใจ
เพื่อนมาขอยืมเงิน เรียกหมื่นให้พัน ก็ให้แล้ว ๆ กัน จะคืนไม่คืน ก็เรื่องของเอ็ง ข้าฯไม่ทวงว่างั้น แบบนี้ เศษเสี้ยวของความรู้สึก ทั้งคนให้และคนรับย่อมไม่ โล่งใจ โดยเฉพาะคนให้ (จริงไม่จริง)
ในเมื่อการให้คือ เรื่องดี เพราะฉะนั้น อย่าให้มันเป็นเรื่องที่ให้กลับมาทำร้ายเราทั้งสองฝ่าย เมื่อเป็นการตัดสินใจของคนทั้งคู่คือ ทั้งคนให้ก็อยากให้ ทั้งคนรับ ก็ตัดสินใจรับแล้ว ก็อย่าให้เหลือเศษเสี้ยวของความรู้สึกที่ต่างทิ้งเอาไว้ให้คาใจ เมื่อหวนนึกถึง อย่างน้อยก็ควรที่จะเหลือแค่ความรู้สึกทั้ง 3 ความรู้สึกนี้ คือ
-ความโล่งใจเบาใจสบายใจ
-ความสงบ
-ความมีอิสระ
จริงหรือไม่ลองถามใจเราดู.. ในทุกครั้งที่มีการให้และรับ... ชุ้นว่านะ
#บันทึกของชุ้น
#Mindattitude
#การให้ที่ไม่มีเงื่อนไข
#สบายกว่ากันเยอะ
-----
สิ่งที่ได้กับสิ่งที่ให้
วันนี้หากได้ให้อะไรกับใครไป
อย่า “คาดหวัง” ในสิ่งใดๆ กลับมาเลย
หวังแค่ “ความสุข” ของคนที่เราให้ก็พอ
อย่าคิดมากมายว่า “ได้ทำคุณกับใคร”
ในเมื่อไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง
สิ่งที่เราทำให้ไปแล้ว ก็คือ “ไม่ใช่ของเราแล้ว”
วันนี้ตามดูใจตัวเอง
ดูว่า “เราปล่อยวางกับสิ่งที่ได้ให้ไปจริงไหม”
บางคนคาดหวังการ “ขอบคุณ” กลับมา
บางคนคาดหวังว่า “จะได้รับการช่วยเหลือตอบ”
ลองวางใจกับสิ่งเเหล่านี้ ไม่ไปหวังกับการตอบแทนใดๆ แล้วกลับมาดูใจเราว่า “ทำแล้วปล่อยวางได้ไหม”
ฝึกให้ด้วยการไม่หวังผลใดๆ
ฝึกวางในสิ่งที่ให้ไปแล้วว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นของเราจริง
วันข้างหน้าใจเราจะคุ้นชินกับการให้
และสามารถให้ได้ด้วยความจริงใจ จากใจจริงๆ
cr. บทความดีๆ
#บันทึกของชุ้น
#Mindattitude
#การให้ที่ไม่มีเงื่อนไข
#สบายกว่ากันเยอะ
เจ้าของภาพ #ห้วงคำนึงดวงใจนิรันตร์
โฆษณา