25 ส.ค. 2023 เวลา 13:20 • สิ่งแวดล้อม

กากกาแฟ อย่าทิ้ง

Gunter Pauli นักวิจัยด้านความยั่งยืนกล่าวว่าการผลิตกาแฟทั่วโลกสร้างขยะมากกว่า 23 ล้านตันทุกปี ตั้งแต่เนื้อเชอร์รี่กาแฟสดไปจนถึงการบรรจุเมล็ดคั่ว มีเพียง 0.2 เปอร์เซ็นต์ของเมล็ดกาแฟที่ใช้ในการชงกาแฟหนึ่งถ้วย ส่วนที่เหลือ 99.8% จะสูญเปล่า กากกาแฟที่ใช้แล้วที่เราทิ้งลงในขยะหลังจากการชงสดแต่ละครั้ง เป็นข้อบ่งชี้ที่โดดเด่นที่สุดของห่วงโซ่อุปทาน
อุตสาหกรรมกาแฟมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสําคัญ ทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานกาแฟใช้พลังงานและทรัพยากรตั้งแต่การเติบโต การแปรรูป ไปจนถึงการขนส่งและการคั่ว ดังนั้นจึงมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้น
รวมถึงการดื่มกาแฟทําให้เกิดกากกาแฟที่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นผลพลอยได้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่พวกเราหลายคนเชื่อว่าการทิ้งกาแฟบดกับขยะออร์แกนิกอื่นๆ เป็นที่ยอมรับ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เมื่อกากกาแฟที่ใช้แล้วเหล่านี้พร้อมกับกากกาแฟอื่นๆ ถูกกําจัดในหลุมฝังกลบ อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการจัดการกากกาแฟจึงกลายเป็นปัญหาหนึ่งที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน
เร็วๆนี้ก็มีคนเล็งเห็นปัญหา และพยายามที่จะนำเปลือกและกากกาแฟมาใช้ อาทิ
1. Kaffeefoam ถ้วยกาแฟที่มีส่วนผสมจากกากกาแฟที่นำมาเป็นวัตถุดิบหมุนเวียน
2. Singtex ถือสิทธิบัตรในไต้หวันสําหรับวิธีการผลิตเส้นด้ายจากกากกาแฟ คุณสมบัติของกากกาแฟ มีคุณสมบัติ anti-odor ตามธรรมชาติ แห้งเร็วกว่าผ้าฝ้าย และให้การป้องกันรังสียูวีที่เหนือกว่าฝ้าย ทําสิ่งของได้หลากหลาย รวมถึงเสื้อเชิ้ต เตียง และรองเท้า น้ํามันกาแฟที่ได้มาจากการบดกาแฟจะถูกใช้ในเครื่องสําอางและเสื้อผ้า
3. Smile Plastics เฟอร์นิเจอร์สํานักงานที่มีวัสดุจากกากกาแฟที่ทิ้งแล้วและพลาสติกรีไซเคิล วัสดุที่สร้างขึ้นด้วยวิธีนี้จึงมีความทนทานสูง กันน้ํา และทนต่อรอยขีดข่วน
4. Coffee logs เชื้อเพลิงแปรรูปท่อนกาแฟที่ทําจากกากกาแฟ 25 ถ้วย ชื่อว่า bio-bean ให้ความร้อนกว่า 20% มากกว่าไม้เตาเผาทั่วไป นอกจากนี้ยังอ้างว่าการเผาท่อนซุงกาแฟนี้ทําให้เกิดการปล่อยมลพิษน้อยกว่าการส่งกากกาแฟไปฝังกลบถึง 80%
5. Silverskin เปลือกผลเชอรี่ ที่มีงานวิจัยว่าสามารถต้านอนุมูลอิสระและนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางได้
#กากกาแฟ #รีไซเคิล
โฆษณา