29 ส.ค. 2023 เวลา 06:32 • ความคิดเห็น

การทิ้งน้ำปนเปื้อนนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นลงทะเล เราทำอะไรไม่ได้ แต่ต้องป้องกันตนเอง

จากข่าวที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ทั่วโลก ถึงการที่ประเทศญี่ปุ่นได้ทิ้งน้ำเสียที่มีการปนเปื้อนนิวเคลียร์ จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงทะเลสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้สร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ให้กับประเทศที่อยู่ในละแวกที่มีอาณาเขตทางทะเลติดต่อกัน โดยมีประชาชนหลายประเทศออกมาเดินขบวนแสดงการต่อต้านอย่างกว้างขวาง เพราะสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้สามารถกระจายส่งผลกระทบออกไปได้เป็นวงกว้าง
แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาชี้แจงเมื่อวันเสาร์ต่อมาว่า ไม่พบปริมาณไอโซโทปในตัวอย่างปลาชุดแรกที่นำมาจากบริเวณใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ในรัศมี 5 กิโลเมตร
แต่ชาวโลกก็ยังตั้งข้อสงสัยว่า การเก็บตัวอย่างปลาเพียง 2 ตัวมาทำการทดสอบมันจะเพียงพอหรือ และผลการทดสอบที่ชี้แจงออกมามันน่าเชื่อถือแค่ไหน เพราะการวิจัยจัดทำโดยรัฐบาลญี่ปุ่นเอง ดังจะเห็นได้จากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ต่างพากันร้อนใจและเร่งหาทางป้องกัน ซึ่งประเทศไทยของเราก็ได้เฝ้าระวังป้องกันและทดสอบอย่างเข้มงวดกับผลิตัณฑ์สัตว์น้ำที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น หากตรวจพบมีการปนเปื้อนก็จะมีการระงับการน้ำเข้าและเรียกคืน
ในขณะที่ประเทศจีนไม่รีรอที่จะสั่งระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากญี่ปุ่นทันที
นอกจากนั้น เกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับพื้นที่การทิ้งน้ำเสียดังกล่าวก็ได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลอย่างมากเช่นกัน โดยผู้นำฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ออกมาตำหนิผู้นำรัฐบาลที่ให้ท้ายญี่ปุ่นกับการกระทำการนี้ พร้อมระบุว่า "การปล่อยน้ำที่ปนเปื้อนด้วยนิวเคลียร์ถือเป็นการประกาศสงครามกับประเทศต่างๆ ที่มีพรมแดนติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก"
ทางด้านรัสเซีย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ต้องได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ เหมือนกัน มีรายงานว่า หน่วยงานกักกันของรัสเซียได้เข้มงวดในการควบคุมคุณภาพของอาหารทะเลที่นำเข้าจากญี่ปุ่นมากขึ้น พร้อมระบุว่า หากตรวจพบสารกัมมันตภาพรังสีส่วนเกิน จะต้องดำเนินมาตรการที่เข้มงวดเกี่ยวกับการจัดหาสินค้าดังกล่าวจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
ในขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า หลายประเทศมีความกังวลหรือต่อต้านการตัดสินใจที่ขาดความรับผิดชอบของญี่ปุ่น โดยเฉพาะประเทศและภูมิภาคในเอเชีย แปซิฟิก แม้ว่าบางประเทศไม่ได้แสดงการต่อต้านออกมาอย่างเปิดเผย แต่พวกเขากำลังดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อระวังป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นดังกล่าว
ไปดูที่สหรัฐอเมริกา ลูกพี่ใหญ่ของญี่ปุ่น ออกมาบอกว่ามีความพอใจกับการกระบวนการที่ทำตามหลักวิทยาศาสตร์ของญี่ปุ่น แต่จากรายงานโดยอ้างข้อมูลที่เผยแพร่โดย กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น พบว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีการนำเข้าอาหารทะเลและไวน์ข้าวของญี่ปุ่นลดลงมากที่สุด เพราะพื้นที่การผลิตหลักของผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร ป่าไม้ และประมง เหล่านั้นอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการทิ้งน้ำที่ปนเปื้อนนิวเคลียร์
จะไปว่าอะไรออกนอกหน้าได้ยังไง ก็การกระทำของญี่ปุ่นครั้งนี้ ถ้าไม่ได้รับไฟเขียวจากสหรัฐอเมริกาก็คงไม่กล้าที่จะกระทำการดังกล่าว งานตีสองหน้า ปากอย่างใจอย่าง พวกอเมริกันถนัดอยู่แล้ว
มาถึงประเทศไทยเราและตัวเรา เนื่องจากมหันตภัยนิวเคลียร์ปนเปื้อนที่มากับอาหารนำเข้าเหล่านี้ ไม่สามารถมองเห็นได้และยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันภาครัฐเราก็แค่เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด คงเป็นแค่ตัวเราเองที่ต้องยึดแนวทาง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ซึ่งสามารถทำได้เลยทันทีในการป้องกันตัวเองจากภัยเหล่านี้คือ
การหลีกเลี่ยง อย่าพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อาจจะมาพร้อมกับภัยที่มองไม่เห็น นั่นคือผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้จากภาคการเกษตร ป่าไม้ และประมง ที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ก็น่าจะลดความเสี่ยงไปได้มากแล้ว
อีกหนึ่งช่องทางการติดตามข่าว
โฆษณา