ทำไมจนท.ที่ดื่มสิ่งปฏิกูลนิวเคลียร์เมื่อ12ปีก่อน ถึงลาออกและเขาหายไปไหนมาหลายปี?
มุกเก่าๆกับ มะเร็งไขกระดูก และการเกษียณก่อนอายุราชการของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นที่ดื่มสิ่งปฏิกูลนิวเคลียร์เมื่อ 12 ปีก่อน
ทำไม ยาสุฮิโระ โซโนดะ (Yasuhiro Sonoda)ถึงลาออก และเขาไปอยู่ที่ไหนมาหลายปีแล้ว? หรือว่าเขาเสียชีวิตแล้ว
ผมขอนำทุกท่านกลับไป ในช่วงบ่ายของวันที่ 24 สิงหาคม ที่ญี่ปุ่น แม้จะมีอุปสรรคต่างๆ มากมาย แต่ก็ยืนกรานที่จะปล่อยสิ่งปฏิกูลนิวเคลียร์ลงทะเล ซึ่งดูจะก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วโลก
ในเรื่องนี้ ญี่ปุ่นอธิบายว่า "น้ำเสียนิวเคลียร์ได้รับการบำบัดก่อนระบายออก และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของมนุษย์"
จนมีคนบางกลุ่มตอบมาอย่างเลื่อมใสว่า "เนื่องจากญี่ปุ่นกล่าวว่าน้ำเสียนิวเคลียร์ฟูกูชิมะมีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตราย จึงควรใช้เพื่อการบริโภคภายในประเทศ
แทนที่จะปล่อยลงสู่มหาสมุทรที่เป็นสาธารณสมบัติ" ฮาาาาา
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ประเทศต่างๆเริ่มต่อต้านอาหารทะเลญี่ปุ่น ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมประมงของญี่ปุ่น
และชาวประมงในฟุกุชิมะก็บ่นออกมาอย่างไม่รู้จบ
เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีก่อนหน้านี้ ผู้บริหารชาวญี่ปุ่นจึงไม่ลังเลที่จะ
"ทดสอบพิษสงของมันด้วยร่างกายของตนเอง" พร้อมรับประทานต่อหน้านักข่าว และชมเชยว่า "ซาชิมิฟุกุชิมะรสชาติดีมาก หวังว่าทุกคนจะซื้อปลาจากฟุกุชิมะเพิ่ม"
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนนึกถึง Yasuhiro Sonoda เจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นที่ดื่มน้ำเสียจากนิวเคลียร์เมื่อ 12 ปีที่แล้ว เพื่อพิสูจน์ว่าน้ำเสียนั้นไม่มีพิษและไม่เป็นอันตราย
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 ยาสุฮิโระ โซโนดะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ได้ดื่มสิ่งปฏิกูลนิวเคลียร์ที่ผ่านการบำบัดแล้วครึ่งแก้ว
โดยแบ่งเป็นสองโดส ภายใต้สายตาที่จับตามองของสาธารณชนเพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งปฏิกูลนิวเคลียร์ที่ผ่านการบำบัดสามารถถึงระดับของการดื่มได้
แต่ "ความสำเร็จ" ของเขาถูกเปิดเผยในภายหลังว่า...มันไม่ใช่ความสมัครใจ
จากภาพที่ถ่ายในที่เกิดเหตุจะเห็นได้ว่ามือของเขาสั่นไม่หยุดขณะทิ้งแก้วเปล่าสิ่งปฏิกูลนิวเคลียร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ณ ตอนนั้นหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แต่ไม่ว่าในกรณีใด ยาสุฮิโระ โซโนดะ ซึ่งเป็นบุคคลแรกในญี่ปุ่นที่กล้าดื่มสิ่งปฏิกูลนิวเคลียร์ ได้ประสบความสำเร็จในการ
"มีชื่อเสียงด้วยเครื่องดื่มเพียงแก้วเดียว"
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ยาสุฮิโระ โซโนดะ ก็อยู่ในตำแหน่งทางการ เหมือนปลาในน้ำและเติบโตขึ้นทีละขั้น
Yasuhiro Sonoda เจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นที่ดื่มน้ำเสียจากนิวเคลียร์เมื่อ 12 ปีที่แล้ว เพื่อพิสูจน์ว่าน้ำเสียนั้นไม่มีพิษและไม่เป็นอันตราย
แต่สิ่งที่แปลกก็คือเขาซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดในอาชีพการงานของเขา จู่ๆ ก็ขอเกษียณออกในปี 2558 และถึงกับหยุดอัปเดตโซเชียลของเขาด้วยซ้ำ
บัญชีและเขายังไม่มีข่าวจนถึงขณะนี้ แล้วทำไม ยาสุฮิโระ โซโนดะ ถึงลาออก และเขาไปอยู่ที่ไหนมาเป็นเวลาหลายปี?
ในขณะที่ทุกคนกำลังเดาอยู่ ปาเลา ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ได้ประกาศการเสียชีวิตของยาสุฮิโระ โซโนดะ ซึ่งทำให้ปริศนานี้กระจ่าง....
ตามรายงานที่ผมได้รับมา..
Yasuhiro Sonoda อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น เข้ารับการตรวจที่ญี่ปุ่นเนื่องจากอาการไม่สบายตัวเมื่อต้นปี 2561
และสุดท้ายก็เข้ารับการรักษาที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกาโน้นนนน..
ซึ่งก็ดูจะไม่ได้ผลแล้วจึงย้ายไปสาธารณรัฐ ปาเลาพักฟื้น จากการป่วยเป็นมะเร็งไขกระดูกหลายตัวและเสียชีวิตลง
ผู้เชี่ยวชาญบางคนวิเคราะห์ว่าน้ำเสียนิวเคลียร์ครึ่งแก้วที่ โซโนดะ ยาสุฮิโระดื่มนั้นมีทริเทียม ซึ่งเป็นไอโซโทปไฮโดรเจนกัมมันตภาพรังสีที่สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านโมเลกุลของน้ำ
และรวมกับสารอื่น ๆ ในร่างกายมนุษย์เพื่อสร้างเป็นไอโซโทป
แต่ๆๆๆ ไอโซโทปนั้นไม่ได้น่ากลัว สิ่งที่แย่กว่าก็คือ ไอโซโทปจะสลายตัวต่อเป็นฮีเลียมหลังจากผ่านไป 12 วันในร่างกายมนุษย์นั่นต่างหาก และปล่อยอนุภาคบีตาพลังงานต่ำๆออกมา
ปกติแล้ว อนุภาคเบต้าจะไม่เสถียรเอามากๆ
และจะทะลุผนังเยื่อหุ้มเซลล์ของร่างกายมนุษย์และชนกับ DNA ในเซลล์ ทำให้เกิดการแตกหักและกลายพันธุ์ ส่งผลให้เซลล์ตายหรือเป็นมะเร็งได้
ดังนั้นแม้ข่าวการเสียชีวิตของ ยาสุฮิโระ โซโนดะ จะไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากญี่ปุ่น แต่ทุกคนก็ได้สรุปไว้(เงียบๆ)ในใจแล้ว
หากปัญหาสุขภาพไม่ได้รับผลกระทบ ข้าราชการที่มีชื่อเสียงคนนี้จะยอมหายตัวไปนานหลายปีตั้งแต่วันนั้นได้อย่างไร?
แม้ว่าญี่ปุ่นจะยังคงดื้อรั้นจนถึงขณะนี้โดยอ้างว่าน้ำเสียนิวเคลียร์ที่ปล่อยลงสู่ทะเลได้รับการบำบัดอย่างเข้มงวดและไม่มีอันตรายใด ๆ
อย่างไรก็ตาม จากภาพที่สื่อเปิดเผย เรามองเห็นเจ้าหน้าที่ที่ทิ้งสิ่งปฏิกูล ทุกคนสวมชุดป้องกันที่หนาแน่นจนจะเป็นลม และสวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษบนใบหน้า
หากสิ่งปฏิกูลนิวเคลียร์มีความปลอดภัยอย่างที่โฆษณาจริง ๆ ทำไมพวกเขาจึงต้องระดมกำลังเหมือนทหารและติดอาวุธครบมือ?
ดูเหมือนการหลอกลวงตนเองของญี่ปุ่นไม่เพียงแต่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดความสงสัยและการประท้วงมากขึ้น
ในปัจจุบัน หลายประเทศและภูมิภาค รวมถึงประเทศสำคัญๆ เช่น จีน เกาหลีใต้ รัสเซีย และฟิลิปปินส์ ได้แสดงการต่อต้าน และแสดงความกังวลอย่างรุนแรงต่อการปล่อยน้ำเสียนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นลงสู่ทะเล
โดยเชื่อว่านี่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อระบบนิเวศทางทะเลและมนุษย์ทั่วโลกต่อสุขภาพ.
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าน้ำเสียนิวเคลียร์ที่ปล่อยออกมาจากญี่ปุ่นจะไหลผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกภายใน 10 ปี และส่งผลกระทบต่อมหาสมุทรมากกว่า 70% ของโลก
ซึ่งหมายความว่าน้ำเสียนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นจะไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดมลพิษในพื้นที่ทะเลของตนเองเท่านั้น
แต่ยังเป็นอันตรายต่อทรัพยากรทางทะเลและผลประโยชน์ด้านการประมงของประเทศและภูมิภาคอื่นๆ ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ในน้ำเสียนิวเคลียร์ที่ปล่อยออกมาโดยญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่ทริเทียมเท่านั้นที่เป็นสารกัมมันตภาพรังสี แต่ยังรวมถึงไอโซโทปกัมมันตภาพรังสีที่อันตรายกว่าอื่นๆแถมมาด้วย เช่น สตรอนเทียม-90, ซีเซียม-137, พลูโทเนียม-239 เป็นต้น
สารกัมมันตภาพรังสีเหล่านี้มีอายุครึ่งชีวิตยาวนานในมหาสมุทร
บางชนิดอาจถึงหมื่นปีด้วยซ้ำ ซึ่งหมายความว่าสิ่งปฏิกูลนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นจะคงอยู่ในมหาสมุทรเป็นเวลานาน
ก่อให้เกิดอันตรายอย่างต่อเนื่องต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลและมนุษย์
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือในน้ำเสียนิวเคลียร์ที่ปล่อยออกมาโดยญี่ปุ่น ยังมีสารที่เรียกว่า "เศษซากของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์" อีกด้วย
นี่หมายถึงอนุภาคเล็กๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ถูกระเบิดแยกออกจากกันระหว่างการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะในปี 2554
อนุภาคเหล่านี้ประกอบด้วยธาตุโลหะหนักที่มีความเข้มข้นสูง เช่น ยูเรเนียมและพลูโทเนียม
ซึ่งมีกัมมันตภาพรังสีและเป็นพิษอย่างยิ่ง หากอนุภาคเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายมนุษย์หรือห่วงโซ่อาหาร จะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
เมื่อเผชิญกับแผนการปล่อยน้ำเสียนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น
ประชาคมระหว่างประเทศควรใช้มาตรการที่เด็ดเดี่ยวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อเรียกร้องให้ญี่ปุ่นหยุดพฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมโลกและสุขภาพของมนุษย์
ในเวลาเดียวกัน ควรเพิ่มความเข้มแข็งในการกำกับดูแลและการตรวจสอบการปล่อยน้ำเสียนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นลงสู่ทะเลเพื่อป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่นปกปิดหรือยุ่งเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ในฐานะประเทศที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
ญี่ปุ่นควรมีความสามารถและความรับผิดชอบในการจัดการกับมลพิษทางนิวเคลียร์ที่เกิดจากตัวมันเองอย่างเหมาะสม แทนที่จะส่งต่อไปยัง(ทะเล)ประเทศอื่น
ญี่ปุ่นควรเผชิญหน้ากับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเอเชียและทั้งโลกทั้งในประวัติศาสตร์และความเป็นจริง แทนที่จะหลบเลี่ยงและปฏิเสธอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
ด้วยวิธีนี้เท่านั้น (แม้จะต้องเก็บน้ำเสียนิวเคลียร์ไว้อย่างเดิม) ญี่ปุ่นจึงจะได้รับความเคารพและความไว้วางใจจากประชาคมระหว่างประเทศอย่างแท้จริง
และสร้างความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมและเป็นมิตรกับประเทศและภูมิภาคอื่นๆ
มิฉะนั้นญี่ปุ่นจะโดดเดี่ยวและสูญเสียสถานะและอิทธิพลในโลกไป....
- 11
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
