Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อ่านแล้วรีวิว
•
ติดตาม
2 ก.ย. 2023 เวลา 07:33 • หนังสือ
ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย (7 เล่มจบ)
กวนซินเจ๋อล่วน เขียน
ถังเจวียน แปล
โปรยสำนักพิมพ์แจ่มใส :
ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ‘เฉิงเซ่าซาง’ ไม่เคยได้พบหน้าบุพการีที่ทำสงครามอยู่ต่างเมืองเลย
นางถูกอาสะใภ้รองผู้ร้ายกาจตั้งใจเลี้ยงดูมาให้เสียคน กลายเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ
สมองกลวงโบ๋ เกียจคร้านไม่ชอบอ่านตำรา ความสามารถอื่นใดล้วนไม่มี
ทว่าในที่สุดเฉิงเซ่าซางก็ได้พบหน้าบิดามารดาที่กลับมาอยู่บ้านสักที
ทางบิดานั้นแทบจะปรี่มาหานางอย่างตื่นเต้น ไม่ว่ามีของดีอะไรก็ล้วนมอบให้
ตรงกันข้ามกับมารดา อีกฝ่ายมีเพียงสายตาจ้องจับผิด ไม่ว่านางพูดหรือทำอะไรก็ไม่เคยได้ดั่งใจ
ไม่เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้เหมือนญาติผู้พี่ ‘เฉิงยาง’ ที่มารดาตามใจ ทั้งเอ่ยชมไม่ขาดปาก
หากว่าร่างนี้เป็นเฉิงเซ่าซาง ‘คนเดิม’ ก็คงร่ำไห้ตัดพ้อว่ามารดาไม่รักไปแล้ว
แต่กับเฉิงเซ่าซาง ‘คนใหม่’ นี้ นางก็แค่ใช้ชีวิตตามใจตนต่อไป อยากลงโทษอย่างไรก็ลงโทษอย่างนั้น
จะให้เปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อแลกกับความรักของมารดาหรือ... ไม่ใช่กับนางหรอก!
หลังอ่านอย่างละเมียด อ่านจบเล่ม 7 แล้วเริ่มพลิกเล่ม 1 ใหม่ :
นี่คือเรื่องราวของคนสองคน คนหนึ่งมีฉากหน้าเป็นแม่นางน้อยโฉมงามอ่อนหวาน เพราะวัยเด็กถูกอาสะใภ้จิตริษยาหลอกล่อให้บิดามารดาทิ้งนางไว้กับครอบครัวที่มีท่านย่าผู้ลักปิดลักเปิด หูเบา ตั้งใจเลี้ยงนางให้เสียผู้เสียคน จึงเติบโตมาไม่รู้หนังสือ อารมณ์ร้าย วันหนึ่งถูกอาสะใภ้เล่นงานจนป่วยตรอมตรม จากโลกนี้ไปอย่างเงียบๆ ในบ้านเรือนสวนแห่งหนึ่ง
“อวี๋ไฉ่หลิง” สตรีหลังยุคจีนเปลี่ยนแปลงการปกครอง “อันธพาลหญิงตัวน้อย” พลันทะลุมิติมาใช้ชีวิตในร่างนี้ต่อ อดีตยามเยาว์ของอวี๋ไฉ่หลิงก็แทบไม่ต่างจากแม่นางสี่สกุลเฉิง พ่อแม่แยกทางกัน อยู่ท่ามกลางสังคมที่ต้องขันแข่งเอาตัวรอด นางจึงมีสิ่งยึดมั่นถือมั่นแบบสาวยุคใหม่ที่ว่า “ใจกว้างนั้นย่อมได้ แต่ต้องใจกว้างแบบหยิบยืมกำลังจากผู้อื่น อย่าได้ใจกว้างแบบเบียดเบียนตนเอง”
ดังนั้น เฉิงเซ่าซางคนใหม่จึงเป็นจอมเสแสร้ง เจ้าเล่ห์แสนกล ไม่รู้ธรรมเนียม แล้งน้ำใจ ดิ้นรนเอาตัวรอด พยายามพึ่งพาตนเอง “นางอยากกระทำการโดยอิสรเสรี อยากออกไปข้างนอกอย่างสง่าผ่าเผย อยากรู้จักสภาพของผุ้คนสารพันอาชีพ รวมถึงหนทางที่จะยืนด้วยลำแข้งตนเองในภายภาคหน้า นางไม่ต้องการจะถูกกักให้นั่งกลัดกลุ้มอยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ แห่งนี้อีกแล้ว!"
ทั้งที่น้ำใสใจจริงแล้ว ไม่ว่าจะอวี๋ไฉ่หลิงหรือเฉิงเซ่าซางต่างกระหายความรักความอบอุ่นจากครอบครัวตัวเองเหลือเกิน เมื่ออวี๋ไฉ่หลิงรุ้ตัวว่าต้องมาอยู่ในยุคโบราณ นางก็พยายามปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างมุ่งมั่น มีความหวังกับบิดามารดาที่โลกยุคนี้ส่งมาให้ ทว่า “แม้นางเป็นถึงบุตรสาวภรรยาเอกของผู้นำตระกูลทว่าสถานะกลับน่าเป็นห่วง หากวันนี้ไม่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกัน ชั่วชีวิตก็จะถูกกดถูกกระทำ ได้แต่หดมือหดเท้าไม่มีวันจะพลิกตัวขึ้นมาตลอดไป”
ดังนี้ ในยุคสมัยที่สตรีจำต้องเก็บปากเก็บคำ กล้ำกลืนความรู้สึก จำยอมอดทน เฉิงเซ่าซางจึงเป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต กล้าหาญเด็ดเดี่ยวจนออกแนวก้าวร้าวในสายตาผู้ใหญ่ ไม่ยอมคน วางแผนชีวิตตัวเองอย่างเป็นขั้นตอน ด้วยวิธีคิดแบบเด็กสายวิทย์ เคมี ชีวะที่ติดตัวมาในชาติก่อน ส่งผลให้มีตรรกะและทักษะชีวิตที่แม่นางน้อยยุคนี้ไม่มี กลายเป็นเสน่ห์ดอกท้อที่ดึงดูดฝูงผึ้งมาตอมไต่อยู่เนืองๆ
เมื่อต้องผิดหวังกับครอบครัวที่ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา แม้ว่าท่านพ่อเฉิงกับพี่ชายทั้งหลายจะเป็นที่พึ่งพาให้นางได้ และนางก็ยอมรับนับถือ หากพึ่งพาตนเองสิจึงดีที่สุด นางจึงมองหาบุรุษอ่อนโยนใจดีควบคุมง่าย เพื่อแต่งงานออกไปใช้ชีวิตท่ามกลางภูเขาสายน้ำไหลอย่างแน่วแน่ ส่วนเรื่องรักไว้ทีหลัง ความสบายใจต้องมาก่อน
ทว่านางกลับได้พบเขาในคืนโคมไฟสว่างเรือง เขาคนนี้มีฉากหน้าเพียบพร้อมทุกอย่าง รูปโฉมเหนือสามัญอย่างยิ่ง (เราจะได้อ่านนักเขียนบรรยายความสง่างามหล่อเหล่าของพระเอกตลอด 7 เล่ม ล้วนไม่ซ้ำ! ขยับมือนิดหนึ่งก็ตระหนักถึงความหล่อเหนือปกติได้แล้ว!)
บุตรบุญธรรมนาม “คุณชายสิบเอ็ด” ของฮ่องเต้ ได้รับอำนาจปกครองกองทัพและบริหารบ้านเมืองในตำแหน่งสูงศักดิ์ นับเป็นหนุ่มรูปงามอันดับต้นของเมืองหลวง มีสาวๆ ร่อนดอกไม้แอบชายตารอเขาเบือนหน้ากลับมานับหมื่นแสน บุ๋นบู๊เก่งกาจปราดเปรื่อง เพราะฮ่องเต้ผู้เปรื่องปราดยิ่งกว่าถ่ายทอดทุกทักษะวิชาให้เขาประดุจลูกชายแท้ๆ
เหตุที่ได้รับความเอ็นดูจากฟ้าเช่นนี้เพราะ “หลิงปู้อี๋” เป็นทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่ของฝั่งตระกูลฮั่วฝ่ายมารดา ฮั่วชง แม่ทัพใหญ่ผู้เป็นลุง พี่ชายร่วมสาบานของฮ่องเต้ สละเลือดเนื้อปกป้องเมืองโดดเดี่ยวเพื่อมิให้การศึกของฮ่องเต้ซึ่งขณะนั้นยังควบรวมใต้หล้าได้ไม่มั่นคงต้องพะวง เมื่อแม่ลูกรอดกลับมาเมืองหลวง กลับพบว่า หลิงอี้ พ่อของพระเอกแต่งงานรับอนุซึ่งเรียกขานเป็นพี่สาวน้องสาวกับฮั่วจวินหวา ทำให้แม่หลิงปู้อี๋โวยวายหย่าขาด และสติฟั่นเฟือนในภายหลัง
ภายใต้ความกร้าวแกร่งเฉียบขาด บัญชาทัพเหี้ยมเกรียม แม่นยำกลศึก เก่งกางกลยุทธ์หาตัวจับยาก ประเมินผู้อื่นและคาดการณ์ต่างๆ ได้กระจ่างยิ่ง หลิงปู้อี๋กลับจมจ่อมอยู่ในความคับแค้นสิ้นหวังอย่างยิ่ง บรรยากาศรอบตัวมักเย็นชาไร้ใจ เมื่ออ่านไปถึงเล่ม 6 ก็จะยิ่งเข้าใจและเห็นใจว่ายังมีเบื้องหลังดำมืดที่ซับซ้อนยิ่งกว่านั้น ส่งผลให้เกิดการตัดสินใจพลิกชีวิตหนุ่มสาวทั้งคู่ตามมา
1
เพราะเซ่าซางและหลิงปู้อี๋เป็นคนชนิดเดียวกัน คนแรกแสวงหาชีวิตที่ตามใจตัวเองเป็นหลัก จึงกระโจนไปหมั้นกับโหลวเหยา หนุ่มน้อยแสนซื่อซึ่งนางสามารถบงการชี้นำเขาได้ทั้งชีวิต คนหลังประทับใจในความร่าเริงมีชีวิตชีวาของนางแต่แรกพบ ทว่าด้วยความกดดันที่รับมาแต่อ้อนแต่ออก รู้ว่าตัวเองอาจมีจุดจบไม่ดีนัก ทำให้เขาได้แต่ชื่นชมเพียงไกลๆ
แต่อย่างที่บอก คนชนิดเดียวกันย่อมดึงดูดเข้าหากัน แม้เซ่าซางจะพยายามหลีกหนีหลิงปู้อี๋อย่างยิ่ง หากนางก็ถวิลหาความช่วยเหลือแสนอ่อนโยนของเขา ส่วนเขาก็ยินดีเอื้อเฟื้อนางเพราะคิดว่านางมีใจ!
นางเอกของเรามีบุคลิกเผื่อทางรอดให้ตัวเองเสมอ เหล่าภมรที่ถูกล่อลวงมาติดกับดักจึงมีมิใช่น้อย แถมเป็นตัวเอ้ของเมืองหลวง นอกจากโหลวเหยา ยังมีหยวนซั่นเจี้ยน หลิงปู้อี๋ และหนุ่มๆ อีกมากมาย แต่ว่าศึกชิงนางในเรื่องนี้เป็นไปอย่างสุภาพบุรุษยิ่ง ยอมถอยเมื่อคู่ต่อสู้คว้าชัย รุกทันทีเมื่อคู่ต่อสู้แพ้ภัย เราจะเอ็นดูทุกหนุ่มในเรื่องเพราะแต่ละคนมีข้อดีของตนเอง
เมื่อโหลวเหยาพลาดชะตาลิขิตครั้งนี้ไป พระเอกของเราก็ยื่นมือเข้ามาทันทีอย่างรวดเร็วฉับไว ไม่มีเวลาให้เซ่าซางตรึกตรองถี่ถ้วน ชีวิตนางก็คล้ายตกอยู่ในการควบคุมของหลิงปู้อี๋โดยสิ้นเชิง ทำให้ตลอดชีวิตการคบกันและหมั้นหมายของสองคนย่อมเป็น “ตีกันสามวัน ดีกันสามวัน ทะเลาะกันอีกสามวัน” ตลอดเวลา ท่ามกลางการลุ้นเอาใจช่วย หาช่องทางสนับสนุนของฮ่องเต้ผู้รัก “จื่อเซิ่ง” ราวลูกแท้ๆ
คนหนึ่งรักเต็มร้อยแต่ต้นจึงดูแลเอาใจใส่จนเหมือนควบคุมชีวิต อีกคนหนึ่งเพียงเห็นเขาอยู่สูงส่ง ไม่เคยคิดอาจเอื้อม บัดนี้ต้องมาใช้ชีวิตเรียนรู้ทางลัดด้วยกัน ย่อมมีคราวพยศ ประลองวิชา ตบตี ขบกัด (จริงๆ) และการเปลี่ยนชีวิตครั้งนี้ทำให้เซ่าซางได้พบกับเซวียนฮองเฮา สตรีที่นางฝากฝังความรักความพึ่งพาไว้ได้อย่างเต็มที่เป็นคนแรก เปลี่ยนสาวน้อยผู้กระโดกกระเดก พูดจาไม่คิด เอาดีเข้าตัว ลอบแทงคนอื่นอยู่บ้าง ให้เริ่มมีคมเขี้ยวบาดลึกภายใต้โฉมหน้างดงามอ่อนหวาน ละมุนละไมดุจสายน้ำ
สองคนพัฒนาความสัมพันธ์ที่แรกๆ ลุ่มๆ ดอนๆ ต่างคนต่างเอาแต่ใจ จนค่อยๆ รับรู้ความใส่ใจในกันและกัน ร่วมสืบคดี ร่วมทุกข์สุข ร่วมรบ ร่วมปรึกษาหารือ เป็นกำลังใจให้กันและกัน ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนหนุ่มสาวที่เคยผยองถือดีวันวานให้รู้จักความอ่อนโยนของโลกใบนี้ เพราะมีเซ่าซาง จื่อเซิ่งสุดหล่อจึงเริ่มมีกลิ่นอายของมนุษย์เสียที
แต่แล้วสายฟ้าก็ฟาดโครมลงมาก่อนแต่งงานเพียงสามวัน เปลี่ยนแปลงชีวิตคนสองคนไปห้าปี ต่างคิดว่าทำเพื่ออีกคน ทว่าเมื่อค่อยๆ อยู่ห่างกัน เมื่อคิดว่าตัดใจแล้ว ต่างก็ค่อยๆ เติบโตไปอีกหลายขั้น
เมื่อกลับมาพบกันอีกครั้ง เซ่าซางหมั้นเป็นครั้งที่สาม จื่อเซิ่งมีข่าวลือน่ายินดีกับลั่วจี้ทง แม้จะเก็บงำความรู้สึกไว้ในใจมากมาย แต่ก็เหมือนทำนบพังทลาย จื่อเซิ่งผู้สลายปมคับแค้นในใจไปหมดแล้วกระทำตัวเป็นบุรุษดื้อด้าน กลับมาตามตอแยนางอีกครั้ง ทั้งบอกให้หยวนซั่นเจี้ยนถอนหมั้นนางเสียด้วย!
รายละเอียดในเล่ม 6-7 ลงลึกกว่าในซีรีส์มาก อธิบายว่าทำไมเซ่าซางจึงอภัยให้จื่อเซิ่ง เขาทำอะไรเพื่อนางบ้างตลอด 5 ปีที่แยกจากกัน ความขมขื่นเสียใจที่ตัดสินใจผิดพลาดไปเมื่อ 5 ปีก่อนนำพาบทเรียนแสนแพงให้ทั้งคู่อย่างไร เปลี่ยนแปลงคนสองคนที่เคยโดดเดี่ยวคิดว่าไม่มีใครรักไม่มีใครให้พึ่งพา ให้กลายเป็นชายหนุ่มหญิงสาวที่มีหัวใจอบอุ่น ยินดีเผชิญกับลมฝนได้อย่างไม่พรั่นพรึงด้วยรู้ว่ามีคนๆ หนึ่งคอยห่วงหาเราอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ไกลกันเพียงใดในที่สุด
1
บุคลิกของนางเอกกวนซินเจ๋อล่วนมักคล้ายกัน คือรักตัวเอง พึ่งพาตัวเอง และยินดีรักคนอื่นมากกว่าตนเองในตอนท้ายเมื่อผ่านประสบการณ์ชีวิตฝนฟ้าคะนองมรสุมพัดโหม และตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทนั้นเลอค่าเพียงใด บทบรรยายและบทสนทนาตลอดเรื่องเต็มไปด้วยแง่คิด คมคายยิ่ง แทรกอารมณ์ขันอย่างเหมาะเจาะ สอนวิธีการใช้ชีวิตผ่านการเล่าปมของตัวละครมากมายในเรื่อง ล้วนมีเสน่ห์ในแบบของตัวเองทั้งสิ้น
เพราะมีเหตุจึงมีผล นิยายรักของคนสองคนเรื่องนี้บอกเราเช่นนั้น เพราะเซ่าซางมีอดีตที่เจ็บแล้วต้องจำ เพราะจื่อเซิ่งมีปมความแค้นลึกล้ำไม่อาจถ่ายถอน ผนวกกับแม่อย่างฮั่วจวินหวากรอกหูซ้ำๆ ให้ล้างแค้น เพราะเซียวฮูหยินอยากสั่งสอนบุตรสาวตามแบบของตนเอง จึงยิ่งสอนยิ่งไล่ให้ลูกสาวคนนี้ออกห่าง เพราะรัชทายาทใจดีไม่เด็ดขาด เพราะองค์ชายสามมีใจอยากเห็นบ้านเมืองสงบสันติ ฯลฯ
แค่เล่าถึงสองตัวละครหลักก็ยาวขนาดนี้แล้ว ถ้าจะให้เล่าถึงตัวละครอื่นอีกคงกลายเป็นเรื่องสั้น บอกได้เพียงว่าทุกตัวละครจะทำให้เราซาบซึ้ง ก่นด่า ยิ้มหัว และร้องไห้น้ำตาคลอได้ในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะความฉลาดเฉียบแหลมของฮ่องเต้ในเรื่องที่ดลบันดาลสานวาสนาชะตารักคู่นี้อย่างแท้จริง เป็นฮ่องเต้ที่รับรองว่าคนอ่านจะหลงรัก และเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่วังหลังของฮ่องเต้ปรองดองยิ่งด้วยเหตุผลที่ต้องอ่านเอง ดีมากๆ
เทียบกับในซีรีส์ซึ่งเราดูก่อนจะอ่านนิยาย บอกได้ว่าถอดกันออกมา 80% พระนางซ้อนทับแนบสนิท อ่านไปนึกถึงหน้าอู๋เหล่ยกับจ้าวลู่ซือไปคือใช่เลย เพียงแต่นิสัยของพระเอกในนิยายจะควบคุมเข้มงวดกว่า เอาแต่ใจกว่า บ้ากว่า คลั่งรักกว่า ตอนกลับมาจากเนรเทศห้าปีตามตื๊อขอคืนดีนางเอกอย่างหน้าไม่อายยิ่ง ส่วนเซ่าซางในหนังสือไม่ยี่หระ และเอาตัวรอดหน้าตายกว่ามาก ถึงขนาดตามขอแต่งงานบุรุษสองคนที่ใครก็ตกใจอีกต่างหาก
บทพิเศษสี่บทขยายความอยากรู้อยากเห็นของคนอ่านว่าหลังแต่งงานสองคนใช้ชีวิตอย่างไร เล่าผ่านตัวละครที่เกี่ยวพัน ชอบบทสุดท้ายที่เล่าผ่านพี่ชายฝาแฝดกับอดีตคู่หมั้นหมายเลขสาม คู่นี้เล่าในยามชรา อ่านแล้วทั้งสุขทั้งซึ้ง จบเล่มอย่างประทับใจเป็นที่สุด
ยกให้เป็นหนึ่งในห้าอันดับนิยายจีนแปลที่เราชอบที่สุดในปีนี้ เส้นเรื่องหลักแม้จะเป็นของสองคนคลั่งรักที่คนหนึ่งรู้ตัวดี อีกคนไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ท้ายเรื่องแล้ว แต่แก่นของเรื่องยังบอกผลลัพธ์ของสอนสั่งอบรมบุตรหลานในแต่ละแบบ คนเป็นพ่อแม่ถ้าทำตัวไม่ให้บุตรกตัญญู บุตรเพียงดูแลตามสมควรก็พอ การตัดสินใจบางอย่างถ้าพลาดไปคือพลาดชั่วชีวิต โอกาสจะกลับมาได้ใหม่คือศูนย์
แต่ถ้าได้รับโอกาสที่พลาดไปแล้วนั้นกลับมาอีกครั้ง ย่อมถนอมดูแลเอาใจใส่ด้วยชีวิตทั้งชีวิต
ไลฟ์สไตล์
หนังสือ
2 บันทึก
3
3
5
2
3
3
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย