19 ก.ย. 2023 เวลา 14:00 • กีฬา

สืบเนื่องจากรูเบียเลส : ทำไมทีมชาติหญิงสเปนอยากเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสมาคมฟุตบอล

จากเหตุการณ์ที่ หลุยส์ รูเบียเลส อดีตประธานสมาคมฟุตบอลสเปน ก่อเรื่องอื้อฉาวจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีที่ไปจูบ เจนนี่ เอร์โมโซ นักเตะหญิงทีมชาติ ตอนที่ทัพสตรีกระทิงดุคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกหญิง 2023 จนเป็นเหตุให้รูเบียเลสต้องลาออกจากตำแหน่ง ทั้งยังถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) สั่งพักงาน
1
นี่ถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่มากที่สุดครั้งหนึ่งของวงการฟุตบอลแดนกระทิง ชนิดที่ว่าสั่นสะเทือนทั้งโครงสร้างการบริหาร เพราะตั้งแต่เรื่องราวนี้เกิดขึ้น หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะบุคลากรหญิงภายในสมาคมทั้งอดีตและปัจจุบันต่างพร้อมใจกันสะท้อนถึงปัญหาและออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองเป็นวงกว้าง
ถึงขั้นที่ว่านักเตะหญิงสแปนิชหลาย ๆ คนตัดสินใจหันหลังให้ทีมชาติ จนกว่าสมาคมฯ จะดำเนินการปฏิรูปอย่างจริงจัง
ปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับทีมชาติหญิงในสมาคมฟุตบอลสเปนเป็นอย่างไร และเสียงสะท้อนจากใครหลาย ๆ คนในช่วงเวลาหลังเรื่องอื้อฉาวของรูเบียเลสมีประเด็นใดชวนให้รับรู้ต่อบ้าง
ติดตามได้ไปพร้อม ๆ กับ Main Stand
ปัญหาที่เรื้อรังมานาน
กรณีของ หลุยส์ รูเบียเลส ไม่ใช่ครั้งแรกที่บ่งชี้ว่าวงการฟุตบอลสเปนมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลหญิงของประเทศ โดยเฉพาะทีมชาติหญิงสเปน
ย้อนกลับไปในช่วงไม่นานมานี้กับศึกฟุตบอลโลกหญิง 2015 ที่ซึ่งทัพลา โรฆา สาว ตีตั๋วเข้าสู่รอบสุดท้ายได้เป็นหนแรก แน่นอนว่าถ้าเรามองในมุมทั่วไป ทุก ๆ สมาคมฟุตบอลย่อมซัปพอร์ตนักเตะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในฐานะนักกีฬาทีมชาติ
แต่สมาคมฟุตบอลสเปนกลับไม่ได้ปฏิบัติตามแบบทั่ว ๆ ไป โดยนักเตะหญิงทีมชาติสเปนก็รู้สึกเช่นนั้น เพราะแทนที่สมาคมฟุตบอลจะสนับสนุนทีมชาติหญิงไปจนสุดทาง แต่กลับมีปัญหาตลอดทางตั้งแต่ต้นจนจบทัวร์นาเมนต์ ที่ซึ่งทีมกระทิงดุหญิงตกรอบแรก
“ฉันยังจำสิ่งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ RFEF (สมาคมฟุตบอลสเปน) บอกเราหลังจากที่เราตกรอบ เขาบอกว่า: “นี่เป็นวิถีทางที่พวกเธอตอบแทนเรา สำหรับการพาพวกเธอมาแข่งขันที่นี่อย่างนั้นเหรอ - แทนที่เราจะได้พักผ่อนอยู่กับครอบครัว โคตรเสียเวลาเลย” เวโร โบเกเต้ (Vero Boquete) อดีตทีมชาติหญิงสเปน เปิดใจ
“นี่คือความคิดของคนส่วนใหญ่ใน RFEF พวกเขาไม่เห็นเราเป็นนักฟุตบอล นั่นคือสิ่งที่ฉันประสบพบเจอมาตลอดช่วงเวลา 14 ปีกับทีมชาติ และมันคือสิ่งที่ฉันยังคงเห็นอยู่ในทุกวันนี้”
“ไม่เป็นมืออาชีพ” อาจเป็นคำกล่าวที่บ่งบอกถึงสถานการณ์นี้ได้ดีที่สุด นั่นเพราะทีมชาติหญิงสเปนเจอทั้งสถานการณ์ที่ต้องโดยสารโดยเครื่องบินชั้นประหยัด (Economy class) จอดแวะพักเครื่องบ่อยครั้ง ก่อนแข่งขันก็ไม่ได้มีแมตช์กระชับมิตรให้เหล่าแข้งหญิงได้โม่แข้งชนิดกินเวลาแตะ 6 เดือนเต็ม ๆ
มากไปกว่านั้น ที่พักของเหล่าแข้งสาวแดนกระทิงก็ถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัวขั้นสุด เมื่อ อิกนาซิโอ เกเรดา กุนซือทีมชาติหญิงในเวลานั้น ซึ่งอยู่คุมทีมมาตั้งแต่ปี 1988 ขอให้นักเตะหญิงทุกคนเปิดประตูห้องตัวเองไว้จนถึงเที่ยงคืน ด้วยเหตุผลเรื่องพฤติกรรมนักเตะ
“เมื่อทีมเข้าพักในโรงแรม เกเรดาขอให้ผู้เล่นเปิดประตูห้องไว้จนถึงเที่ยงคืน เขาจะเดินไปตามทางเดิน เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของพวกเธอโดยไม่ขออนุญาต นอกจากนี้เขายังขอให้พวกเธอเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจเช็กสิ่งของด้วย” ลาเอีย เซอร์เวลโล่ เอร์เรโร่ นักข่าวสายฟุตบอลสเปนของ The Athletic เผยข้อมูลสำคัญ
“เกเรดาเป็นเผด็จการ เขามีอำนาจทั้งหมด เขาเป็นหัวหน้าของคนที่ทำงานในภาคส่วนของวงการฟุตบอลหญิงสเปนทุกคน” โบเกเต้ กล่าว
อนึ่ง ดูเหมือนว่าการเทคแอ็กชั่น (Take action) หรือการแสดงจุดยืนของกลุ่มสมาชิกเพศหญิงหลาย ๆ คนในสมาคมฟุตบอลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่านักเตะทีมชาติ แปรเปลี่ยนให้การทำหน้าที่กุนซือใหญ่ในเวลานั้นกว่า 27 ปีของเกเรดาต้องจบลง
กุนซือใหม่ แต่ความรู้สึกคงเดิม
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งอย่างกลับไม่ได้ดีขึ้น เมื่อกุนซือคนใหม่นาม ฮอร์เก้ บิลดา ที่เข้ามาแทนที่ของอดีตโค้ชขรัวเฒ่า ได้รับคำปรามาสน้อยใหญ่จากทั้งตัวนักเตะไปจนถึงนักวิจารณ์ฟุตบอลในประเทศ กับความเหมาะสมในการเข้ามารับตำแหน่งกุนซือใหญ่ทีมชาติหญิง
นั่นเพราะคนในวงการฟุตบอลสเปนจำนวนไม่น้อยมองว่าบิลดาเข้ามารับตำแหน่งนี้ได้ด้วยเส้นสาย เนื่องจากมีพ่อคือ อังเคล บิลดา ทำงานในสมาคมฟุตบอลสเปนมาก่อนและมีประสบการณ์คุมทีมหญิงชุดเยาวชนมา เป็นเหตุให้งานแรกของฮอร์เก้กับทีมชาติหญิงคือการเป็นผู้ช่วยโค้ชของพ่อของเขา
เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่ว่าบิลดายังคงยึดแบบแผนกับที่โค้ชคนเก่าทำในบางข้อ เช่นการขอตรวจสัมภาระนักเตะ
ขณะที่ผลงานร่วมกับทีมชาติสเปนหญิงก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ถูกตั้งคำถามเรื่อยมาไม่แพ้กับการถูกแต่งตั้งเพราะเส้นสาย เพราะนับตั้งแต่ที่สเปนลงแข่งทีมชาติ (นับก่อนทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกหญิง 2023) ฮอร์เก้ บิลดา ไม่เคยพาทีมประสบความสำเร็จใด ๆ เลย
ไล่มาตั้งแต่ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในยูโรหญิง 2017 ตามมาด้วยการตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกหญิง 2019 ไปจนถึงตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในยูโรหญิง 2022
จากเหตุผลทั้งหมดนี้นำมาซึ่งเหตุการณ์แข้งหญิงทีมชาติจำนวน 15 คนส่งจดหมายเปิดผนึก รวมกับอีก 3 คนที่ส่งแบบไม่ได้เผยตัวตน กลายเป็นเหตุการณ์ชื่อดัง “Las 15+3” ซึ่งใจความสำคัญคือจะไม่ขอลงเล่นทีมชาติหากยังมี ฮอร์เก้ บิลดา คุมทัพอยู่ จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตมาแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ที่สุดแล้ว “เสียง” ของนักเตะหญิงสเปนที่ส่งไปหาสมาคมฟุตบอลในประเทศก็ยังไม่ดังพอ ฮอร์เก้ยังได้คุมทีมชาติลุยเวิลด์คัพหญิงต่อไป ซึ่งคนที่มีส่วนในการสนับสนุนคือประธานสมาคมฯ อย่าง หลุยส์ รูเบียเลส
เวลาต่อมา แม้ฮอร์เก้จะคุมสเปนเป็นแชมป์โลกหญิงปี 2023 ได้ ทว่าอดีตกุนซือชุดเยาวชนทีมชาติสเปนรายนี้กลับได้รับเครดิตน้อยกว่าที่ควรจะได้รับในฐานะกุนซือแชมป์โลก แน่นอนว่าเขาไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากคนในอย่างกลุ่มนักเตะทีมชาติ เนื่องด้วยกระแสจากเหตุการณ์ “Las 15+3” ที่ยังไม่มีบทสรุปที่เป็นทางออกที่ดีสำหรับกลุ่มนักเตะ
กระทั่งโอกาสคุมทีมชาติสเปนของเขาก็มาหมดลงในช่วงที่อายุสัญญาคุมทีมสิ้นสุดหลังจบฟุตบอลโลกที่ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์
พร้อมกันนี้ ยังเป็นช่วงที่เขาก้าวลงไปพร้อม ๆ กับคนที่เคยสนับสนุนให้เขาอยู่คุมทีมชาติต่ออย่างรูเบียเลสที่มีเรื่องอื้อฉาวกับนักเตะทีมชาติหญิงในเวลาไล่เลี่ยกับที่ฮอร์เก้เป็นกุนซือทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลก
ถึงเวลาสังคายนา ?
จากเหตุการณ์ที่ หลุยส์ รูเบียเลส ไปจูบ เจนนี่ เอร์โมโซ โดยที่แข้งวัย 33 ปีรายนี้ “ไม่ยินยอม”
นี่ถือเป็นแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ของแวดวงฟุตบอลหญิงทีมชาติสเปน ที่แม้แต่เหล่านักเตะทีมชายบางคนก็ออกมาแสดงจุดยืน เช่น บอร์ฆา อีเกลเซียส และ เอคตอร์ เบเยริน สองดาวเตะเรอัล เบติส ไปจนถึง อิเคร์ กาซิญาส และ ดาบิด เด เคอา อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติสเปน
เช่นเดียวกับสังคมสเปนที่ “รับไม่ได้” กับเหตุการณ์ฉาวโฉ่นี้ จากโพลของหนังสือพิมพ์ El Pais ที่สำรวจชาวสเปนถึงพฤติกรรมของรูเบียเลส ปรากฏว่ามีคนร่วมแสดงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันถึงร้อยละ 72 ว่านี่คือการกระทำที่ยากจะยอมรับ
ผลกระทบที่เป็นวงกว้างมากที่สุดคือการรวมกันของทั้งอดีตและนักเตะหญิงชุดปัจจุบันของทีมชาติสเปนจำนวน 81 คน เช่นเดียวกับทีมสตาฟอีกราว 11 คน เพื่อออกมาเรียกร้องให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางสมาคมฟุตบอลชาติทำการเปลี่ยนแปลงระบบและโครงสร้างสมาคมเสียที
โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับทีมชาติหญิง รวมถึงเรื่องสิทธิสตรีภายในองค์กรมากกว่าที่เคยเป็น จุดยืนแรกของการเรียกร้องคือการประกาศกร้าวว่าจะไม่ขอเล่นให้สเปนจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญภายในสมาคมฯ
จนกระทั่งในช่วงปลายเดือนสิงหาคม สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติตัดสินใจสั่งพักงานรูเบียเลสเป็นเวลาอย่างน้อย 90 วัน โดยให้เหตุผลว่ากำลังพิจารณาความผิดทางวินัย
และจากนั้นราวสองสัปดาห์ก็ถึงคราวที่รูเบียเลส “ยอมรับ” กับกระแสสังคมที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขา ที่สุดแล้วเขาได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการของ เพียร์ส มอร์แกน พิธีกรฝีปากกล้าจากอังกฤษ ว่าตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวเรือใหญ่องค์กรลูกหนังของประเทศ รวมถึงลาออกจากตำแหน่งรองประธานยูฟ่าอีกหนึ่งตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย
ในระหว่างที่เขารอต่อสู้กับคดีต่าง ๆ ที่โดนแจ้งเข้ามา ไม่ว่าจะคดีล่วงละเมิดทางเพศ ไปจนถึงบังคับขู่เข็ญ ตลอดจนการสู้คดีกับกระทรวงกีฬาในประเทศที่สั่งลงโทษไม่ให้ หลุยส์ รูเบียเลส ยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอล 2 ปี
สืบเนื่องจากที่รูเบียเลสลาออกจากตำแหน่งประธานใหญ่ ทางสมาคมฟุตบอลสเปนก็แต่งตั้ง เปโดร โรชา ทำหน้าที่ประธานรักษาการ
ทว่าเรื่องนี้ก็ยังมีข้อครหาอีกอยู่ดี ว่ากันว่ารูเบียเลสยังคงเป็นคนจัดแจงเรื่องตัวแทนของเขาตั้งแต่ก่อนประกาศอำลาตำแหน่ง แถมภายใต้แถลงการพักงานอย่างน้อย 90 วัน ฟีฟ่าเป็นเพียงองค์กรเดียวที่กระทำต่อเขา ในขณะที่สมาคมฟุตบอลสเปนไม่ได้สั่งแบนควบคู่ไปด้วย
และต่อให้งานแรกของประธานคนใหม่อย่างโรชาจะเลือกไม่ต่อสัญญากับ ฮอร์เก้ บิลดา ทว่าคนที่มาทำหน้าที่เป็นกุนซือใหม่อย่าง มอนต์เซ โตเม (Montse Tome) แม้จะเป็นเพศหญิงแต่ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนสมาคมยึดระบบอุปถัมภ์อยู่ดี เพราะโตเมก็เคยเป็นมือขวาของฮอร์เก้มาก่อน
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับกลุ่มนักเตะหญิงที่อยากเห็นสมาคมจัดตั้งกุนซือที่มีชื่อชั้นและประสบการณ์เข้ามาพัฒนาทีมชาติหญิงมากกว่านี้
จากการแต่งตั้งดังกล่าว จนถึงในเวลานี้ (19 กันยายน 2023) จุดยืนของ 81 แข้งหญิงทีมชาติสเปนก็ยังคงหนักแน่นในแนวทางเดิม คือเลือกคว่ำบาตรสมาคมฯ แถมบางส่วนยังรู้สึกประหลาดใจกับการถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ ชุดเตรียมสู้ศึกเนชั่น ลีกส์ กับสวีเดน ในวันที่ 22 กันยายนนี้ เพราะมองว่าสมาคมฟุตบอลสเปนยังตอบสนองกับข้อเรียกร้องไม่ตรงจุด
“ในทางทฤษฎี เราอาจมีประสบการณ์ที่ต้องเผชิญกับความจริงที่แตกต่างกัน” เวโร โบเกเต้ ว่าต่อ
“แต่พื้นฐานเราเจอปัญหาในเรื่องที่เหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมวิธีแก้ปัญหาจึงไม่ใช่แค่การไล่รูเบียเลส, บิลด้า หรือคนอื่น ๆ ออกเท่านั้น มีปัญหาที่ใหญ่กว่ามาก นั่นคือวัฒนธรรม (องค์กร) - มันคือปัญหาภายใน RFEF”
ตราบใดที่จุดยืนและการเรียกร้องถึงสิทธิที่ตัวนักเตะหญิงทีมชาติสเปนพึงได้รับยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าจะลดลง
เชื่อเหลือเกินว่า สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงอาจพัดเข้ามาไม่วันใดก็วันหนึ่ง
บทความโดย พชรพล เกตุจินากูล
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา