“ความรักนั้นทำให้
อะไรที่ดูจะเป็นไปไม่ได้
สามารถเป็นไปได้ทุกเมื่อ”
.
.
.
กับเรื่องราวของ “ชิโฮ”
หนุ่มใหญ่ นักวิจัยอาหารตัวตึง
จากบริษัทขนมกรุบกรอบ
ที่ใช้ชีวิตเป็นเส้นตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด
ตื่นนอน ทำงาน เด้งจากเก้าอี้
กลับบ้าน นอน ตื่นใหม่
ช่วงพักหรือวันหยุดก็ไม่มีอะไร
นอกจากจอสี่เหลี่ยมของทีวี
ออกแนวเฉิ่มๆ ค่อนไปทางเอ๋อ
ไม่คิดเจอหรือปฏิสัมพันธ์กับผู้ใด
เข้ากับใครไม่ค่อยเป็น เรียกได้ว่า
จืดชืดทุกกระเบียดนิ้ว
แถมยังมีพี่ชายผีพนัน นักโทษเก่า
คอยวางก้าม ดูดเงินเขาอยู่ตลอด
และ “อิลยอง” สาววัยไล่เลี่ยกัน
ที่ต้องใช้ชีวิตขุ่นแม่เลี้ยงเดี่ยว
อยู่กับลูกสาวซึ่งกำลัง
เข้าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่
พร้อมปมอดีตรักเก่าฝังใจ
และหนี้สินพะรุงพะรัง
ติดเหล้างอมแงม
กระเสือกกระสนจนได้งาน
มาเป็นคอลเซ็นเตอร์บริษัทเงินกู้
คนหนึ่งไม่สนโลกและมีภาระ
อีกคนแค่ตัวเองยังไม่รอด
แค่ความต่างนี้ก็ดู
ไม่มีทีท่าจะไปรักใครได้
จนถึงคราวบุพเพอาละวาด
ลิขิตให้พวกเขามาเจอกันแบบงงๆ
เรื่องอลม่านวายป่วงจึงเกิดตามมา
รสชาติชีวิตที่จืดสิ้นดีก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
เป็นหนังที่สื่ออารมณ์แนวรอมคอม
หรือ Romantic + Comedy ได้ชัดเจน
ให้ความรู้สึกแบบ “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีมุข”
ประมาณนั้นเลย55+
คือหยอดความฮาเบาๆ ตลอดทาง
บางอย่างไม่คิดว่าจะฮา แต่ก็เออได้ว่ะ
แอบยิ้มแอบขำตาม หน้าเปื้อนยิ้มเลย
ชอบที่มีมุขหลายแบบดี
ตลกแบบน่ารักๆ ไม่ล้น
หรือหยาบโลนใดๆ
ก็ฮีลใจเราได้แล้วล่ะ
เสียดายหน่อยที่ดำเนินเรื่อง
ค่อนข้างเนือยจนบางช่วงจิหลับ
บางจุดกระชับได้ก็น่าจะ
กลมกล่อมกว่านี้มาก
และความรักของพระนาง
ที่ผมแอบรู้สึกว่าทั้งคู่
รักกัน “ง่ายไปหน่อย”
มันเลยขาดมิติให้เราลุ้นว่า
กว่าจะรักกันได้จนมีวันนี้
มันไม่ง่ายเลยนะ
แต่ก็ยังทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาได้
ดึงความสนใจเราด้วยการ
เสิร์ฟดราม่าเข้มจัดๆ
เมื่อถึงจุดพีคที่ต้องขยี้
ก็นับว่าทำได้ดีเกินคาดมากๆ
แบบค่อยๆ ไต่ระดับอารมณ์ขึ้น
จนอารมณ์มันทะลักตาม
จุดนี้ขอชมทีมนักแสดงจากใจ
เล่นได้ดีทุกคนทั้งตัวหลักตัวรอง
โดยเฉพาะการแสดงของพระเอก “ยูแฮจิน”
ที่ตีบทแตกสุดๆ พาให้เชื่อว่า
เขาดูเอ๋อตามในเรื่อง
ทว่าพอเอาจริงขึ้นมาก็
ใส่เข้มเต็มอารมณ์สุดๆ
แอบนึกถึง Tom Hank
ในบท Forrest Gump เลย
ถึงจะเป็นตาทึ่มในสายตาใคร
พอเป็นเรื่องของหัวใจ
รักเขานั้นยิ่งใหญ่ บริสุทธิ์
เท่าที่โลกนี้จะมีได้เลย
รู้ตัวอีกทีน้ำใสๆ ก็ไหลรินจากตา
นานแล้วที่ไม่ได้ดูหนังรัก
แล้วร้องไห้เหมียนหมาขนาดนี้
ต้องยอมรับว่าเรื่องการแคสนักแสดง
เกาหลีเขาอยู่ในระดับชั้นนำจริงๆ
ไม่ว่าหนังหรือซีรีส์ก็คัดมาดีถึงใจ
รวมถึงอีกจุดเด่นคือการสอดแทรก
ความเป็น Soft Power ประจำชาติ
ทั้งตัวตน วิถีชีวิต และ “อาหาร”
ที่มักจะได้เห็นกันบ่อยๆ
จนอยากหาร้านไปกินตาม
เรื่องนี้ก็เช่นกัน ดูจบก็เชื่อว่า
หลายคนน่าจะอยากลองเมนูนี้
ไม่น้อยไปกว่าผมเลย
โดยรวมบอกได้ว่า
ถ้าใครเป็นคอหนังรอมคอม
ที่อยากผ่อนคลาย ฮีลใจ
วางเหตุผลบางอย่างไว้ชั่วคราว
ถอดสมองแล้วใช้หัวใจดู
ก็จะรู้ว่าเรื่องนี้ให้อะไรเยอะทีเดียว
เลยพอจะมองข้ามมุมที่
พระนางรักกันง่ายไปได้
เพราะยังมีแก่นสำคัญกว่านั้น
ทั้งในแง่ของความรักที่
ไม่ว่าเราจะพบเจอในวัยไหน
จะรูปร่าง ฐานะเป็นยังไง
รักก็ยังคงความงดงาม
ให้ความกระชุ่มกระชวยซาบซ่าน
เหมือนวัยแรกรุ่นได้ทุกครั้งไป
ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ
เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้นได้
ซึ่งเสน่ห์ของหนังหาใช่
รักแล้วดีขึ้นมาได้เลย
หากแต่เป็นการสื่อให้เห็น
“ระหว่างทาง” ของการเปลี่ยนแปลง
ว่าตัวละครค่อยๆ ปรับพัฒนายังไง
พร้อมให้แง่มุมทั้งคุณค่าแห่ง “ครอบครัว”
การดิ้นรนของชนชั้นกลาง-ล่าง
ที่แม้จะเบื่อความจำเจ
ก็ไม่อาจหลุดจากกรอบชีวิตเดิมไปได้ง่ายๆ
กลายเป็นชินกับความจำเจนั้นไป
คำถามคือจะ “เติมรสชาติ” ยังไง
ให้ความจืดมันจี๊ดขึ้นมาบ้าง
ตรงนี้แหละที่ต้องหาคำตอบกัน
“Honey Sweet รักโคตรจี๊ดของนายโคตรจืด”
วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์!
ดูตัวอย่างหนังได้ที่ 🥔 คลิก 📞
ขอบคุณ Filmment เพจพาร์ทเนอร์ใจดี
ที่ชวนกันไปเสมอนะครับ,,, 🇰🇷🇰🇷
แสดงความคิดเห็นของคุณ...
  • 1
    โฆษณา