จิตลับ หัวใจรัก (สองเล่มจบ)
เช่อเยี่ยหลิวเซียง เขียน
พันมัย แปล
โปรย สำนักพิมพ์อรุณ :
'หลานไห่ซิง' จิตแพทย์ฝีมือดี ผู้มีความชำนาญในด้านการสะกดจิต เธอมักจะเข้าไปช่วยเหลือการสืบสวนคดีต่าง ๆ ของทีมตำรวจ เนื่องจาก ฉู่เฉี่ยวซื่อ ตำรวจหนุ่มเพื่อนสนิทของเธอจะเอาคดีต่าง ๆ มาปรึกษาเธออยู่เสมอ ในขณะเดียวกันทางตำรวจก็จะไปขอคำแนะนำจาก 'ไป๋อี้' อาจารย์ปริญญาเอกด้านจิตวิทยาผู้แสนเย็นชา ทำให้เขาแลเธอต้องร่วมกันสืบคดีต่าง ๆ ด้วยกัน
แต่ละคดีนั้นต่างก็มีความเชื่อมโยงกัน โดยมี “WRENCH” บุคคลปริศนาที่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง ในระหว่างนั้นหลานไห่ซิงได้รับการว่าจ้างอย่างลับ ๆ จาก เฮ่อเจินเจิน แม่เลี้ยงของไป๋อี้ให้ช่วยรักษาอาการความจำเสื่อมของเขา เธอสืบจนรู้ว่าไป๋อี้มีสองบุคลิก เขาสร้างอีกตัวตนขึ้นมา คือ ไป๋เจวี๋ย
เพื่อที่จะสืบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ และอะไรคืออดีตที่เขาหลงลืมไป ยิ่งสืบก็ยิ่งทำให้เธอได้ค้นพบความลับที่ถูกซ่อนไว้มากขึ้น และยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว
หลังอ่าน :
“คำเตือน” หนังสือเล่มนี้เหมาะกับสายอ่านที่ต้องการคิดวิเคราะห์ ชอบตรรกะ ชอบการเชื่อมโยง ชอบบทสนทนาฉลาดปราดเปรื่องที่ยกทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ รวมถึงศาสตร์ต่าง ๆ ในโลกนี้มาผสมผสานกัน ผ่านนางเอกผู้มีอาชีพจิตแพทย์ พูดจาตรงไปตรงมา (จนถึงขั้นก้าวร้าว ไม่รักษาน้ำใจคนฟัง) ชอบใช้หลักทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้นมาตอบโต้คู่สนทนา
ส่วนพระเอกคืออาจารย์ปริญญาเอกด้านจิตวิทยา มีใบหน้าและรูปร่างดึงดูดสายตาสตรีทุกคนแต่พอคุยด้วยแล้วต้องค่อย ๆ ถอยห่างเพราะฮีเย็นชาหน้านิ่ง เวลาคุยก็งัดตรรกะเดียวกับนางเอกมาต่อบทสนทนา ต่อให้หล่อเหลายังไงก็ไปต่อไม่ไหว
ทั้งคู่มาเจอกันเพราะคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่โยงใยปริศนาเป็นวงกลม นางเอกชอบให้คำปรึกษากรมตำรวจด้วยข้อเสนอแนะที่เฉียบคม เป็นจิตแพทย์คนเก่งที่ใคร ๆ ก็ต้องการตัวแม้จะกลัวฝีปากแบบสับ ๆ ของเธอมิใช่น้อย เหตุนี้จึงทำให้หลานไห่ซิงเข้าไปเกี่ยวข้องกับพระเอกไป๋อี้ที่ดูเบื้องหน้าสูงส่งสันโดษ แต่กลับมีอีกฉากหน้าเป็นบุคลิกรองที่แสนกรุ้มกริ่มและลึกลับ
หลานไห่ซิงทำความรู้จักและติดตาม ไป๋เจวี๋ย อีกภาคหนึ่งของ ไป๋อี้ จนตกหลุมรักทั้งสองบุคลิกของเขา ในขณะเดียวกัน คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นไม่หยุดได้ลากเส้นไปสู่ใครบางคนที่กำลังควบคุม บงการ อยู่เหนือพวกเขาจนเกิดความระแวงในกลุ่มที่กำลังสืบเสาะความเกี่ยวโยงนี้ด้วยกัน พระเอกไป๋อี้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาต้องเข้ามาช่วยแนะเป็นนัย ๆ ให้คดีทั้งหมดนี้สาวไปถึงต้นตอให้ได้
ระหว่างการสืบคดีที่สาวลึกขึ้นไปเรื่อย ๆ หลานไห่ซิงได้พบความลับดำมืดในอดีตของไป๋อี้ เผชิญความน่าสะพรึงของผู้ไล่ล่า ขณะที่คนอ่านก็เกิดคำถามตลอดเวลาว่าใครคือลาสบอส? เพราะทุกประเด็นพุ่งไปยังพระเอกของเราผู้มีโรคหลายบุคลิก มีแววตาที่บางครั้งอ่านไม่ออกเช่นนั้นจริงหรือ?
ท่ามกลางอาการอ่านไปคิดไปตรึกตรองไปปวดหัวไปกับเหล่าประโยคสนทนาเต็มไปด้วยตรรกะของพระนาง เส้นเรื่องก็ค่อย ๆ หักมุมไปสู่เงื่อนงำที่มืดหม่นยิ่งกว่าของนางเอก ตรงนี้ไม่สามารถสปอยล์มากกว่านี้ได้ เพราะครึ่งเล่มหลังคือภาวะตื่นตะลึงที่แท้จริงของคนอ่าน
เอาเป็นว่าถ้าสามารถผ่านตรรกะอัดแน่นในค่อนเล่มแรกที่อ่านไปแปลความหมายของศาสตร์วิชาเหล่านี้ไปได้ เมื่อความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกชัดเจนขึ้น ก็จะเริ่มสนุกติดหนึบ สำนวนแปลสละสลวย อ่านแล้วรู้ว่าผู้แปลก็พยายามสื่อสารให้คนอ่านเข้าใจง่ายที่สุดแล้วล่ะ แต่ถ้าสายวิทย์ เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ มาอ่าน อาจจะอ่านรวดเดียวจบ ไม่ต้องอ่านไปกุมขมับไปแบบสายศิลป์อย่างเราก็ได้นะ
มีปมเกี่ยวกับแม่พระเอกเท่านั้นที่เราอ่านแล้วยังไม่กระจ่างเท่าใด ความรักของพระนางจัดว่าซึมลึกมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าเราเป็นพระเอกหรือนางเอกก็ต้องชอบคนนี้แหละ คุยภาษายาก ๆ เหมือนกันแล้วเข้าใจกัน คิดดูว่าคนรอบข้างเวลาเจอสองคนนี้คุยกันยังต้องมองด้วยความนับถือเลย
สรุปว่าเป็นหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนที่หักมุมแบบหักศอกเบรกหน้าทิ่มหัวคะมำในเล่มหลัง สายอ่านหนักหน่วงน่าจะชอบ ไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหนังสืออ่านผ่อนคลายก่อนนอน เพราะจะนอนไม่หลับแบบเรา
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
