30 ก.ย. 2023 เวลา 18:20 • ประวัติศาสตร์

ไทย-จีน เราคือบ้านพี่เมืองน้องกัน มิใช่ใครอื่นไกล

จีน เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์กับไทยที่ยาวนาน ถึงแม้ว่าจะมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการมาแล้วเกือบ 50 ปี ถ้าย้อนไปไกลกว่านั้น นั่นคือช่วงความสัมพันธ์แบบรัฐบรรณาการ ก็ประมาณก่อนสมัยสุโขทัย จากหลักฐานของจีนที่ปรากฎ ชาวจีนจะเรียกดินแดนไทยว่า "อาณาจักรเสียน" หรือ "เสียมหลอก๊ก"
รัชสมัยสมเด็จพระเจ้ารามราชาแห่งราชวงศ์อู่ทอง ซึ่งตรงกับสมัยจักรพรรดิหยงเล่อแห่งราชวงศ์หมิง กองเรือสำรวจของ "เจิ้งเหอ" หรือ "ซำปอกง" ได้เดินทางมาเยือนกรุงศรีอยุธยา การมาของเจิ้งเหอก็อาจจะมีความเชื่อมโยงกับพระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) วัดพนัญเชิงวรวิหาร ขณะเดียวกัน เจ้านครอินทร์แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ ก็ได้เดินทางไปเจริญพระราชไมตรีในกรุงจีนมาแล้ว ทำให้ความสัมพันธ์แบบรัฐบรรณาการระหว่างไทย-จีน พัฒนามากยิ่งขึ้น
หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง
ปี 1767 (พ.ศ.2310) หลังกรุงศรีอยุธยาล่มสลาย พระเจ้ากรุงธนบุรีได้ส่งพระราชสาสน์ไปเจริญพระราชไมตรีกับจักรพรรดิเฉียนหลงของราชวงศ์ชิง ในช่วงแรก ราชวงศ์ชิงยังไม่ยอมรับพระราชสถานพระมหากษัตริย์ของพระองค์ เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงรวมชาติได้สำเร็จ ราชวงศ์ชิงก็ค่อยๆ ยอมรับพระราชสถานะของพระเจ้ากรุงธนบุรีอย่างเต็มตัวก็ใกล้จะผลัดแผ่นดิน
(ซ้าย) พระเจ้ากรุงธนบุรี (ขวา) จักรพรรดิเฉียนหลง
เมื่อผลัดแผ่นดินสู่กรุงรัตนโกสินทร์ ความสัมพันธ์แบบรัฐบรรณาการกับจีนก็ได้รับการฟื้นฟูจนส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจไทยในสมัยนั้น ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้รับอิทธิพลทางศิลปกรรมของจีนมาใช้ในการสร้างวัดวาอาราม เรียกว่า "ศิลปะพระราชนิยม" จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 4 ความสัมพันธ์แบบรัฐบรรณาการกับจีนก็ได้ยุติลง เพราะในช่วงนั้นไทยก็หันไปติดต่อการค้าและเจริญพระราชไมตรีกับชาติตะวันตก ประกอบกับราชวงศ์ชิงก็เข้าสู่ยุคเสื่อมจากสงครามฝิ่นกับอังกฤษ
วัดราชโอรสาราม ศิลปะพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ 3  ผสมผสานระหว่างศิลปะไทย-จีน
สมัยรัชกาลที่ 5-6 เป็นช่วงของการปฏิรูปสยาม ชาวจีนโพ้นทะเลอพยพเข้าสู่ไทยมากขึ้น คาบเกี่ยวกับการล่มสลายของราชวงศ์ชิง และการปฏิวัติซินไฮ่ ในช่วงนี้มีการก่อสร้าง "ถนนเยาวราช" ก่อเกิดเป็นชุมชนชาวจีน (Chinatown) ที่ใหญ่ที่สุดของไทย ขณะเดียวกัน ดร.ซุนยัตเซน ผู้นำขบวนการปฏิวัติจีนได้มาเยี่ยมเยือนชาวจีนโพ้นทะเลในไทยที่เยาวราชด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยก็ยังคงรับรองชาวจีนเป็นพลเมืองของไทย
เยาวราช Chinatown ที่ใหญ่สุดของไทย
หลังจากการปฏิวัติสยามในปี 1932 (พ.ศ.2475) และการเถลิงอำนาจของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ประกอบกับที่ญี่ปุ่นเข้ารุกรานจีน และไทยก็เป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลก็ออกนโยบายกีดกันชาวจีนในด้านเศรษฐกิจและการศึกษา ทำให้ในช่วงหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวจีนก่อเหตุทำร้ายชาวไทย และก่อการจลาจลในย่านเยาวราช สำเพ็ง รวมถึงย่านใกล้เคียง นำไปสู่การเสด็จเยี่ยมราษฎรครั้งสำคัญของรัชกาลที่ 8
รัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เสด็จเยือนสำเพ็งและเยาวราช 3 มิถุนายน 1946 (พ.ศ.2489)
1 ตุลาคม 1949 (พ.ศ.2492) เหมาเจ๋อตุงประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ทางด้านไทย เมื่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับมาเถลิงอำนาจอีกครั้ง ตรงกับช่วงเริ่มต้นของสงครามเย็น ไทยเลือกข้างฝ่ายโลกเสรีภายใต้การนำโดยสหรัฐอเมริกา หลังจากที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ได้พบปะกับ โจวเอินไหล นายกรัฐมนตรีจีน ที่อินโดนิเซีย รัฐบาลก็มีนโยบายที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างลับๆ กับจีนด้วย โดยส่ง "คณะทูตใต้ดิน" ไปเจรจาความสัมพันธ์ฯ ในปี 1955 (พ.ศ.2498)
ขณะเดียวกัน สังข์ พันธโนทัย ที่ปรึกษาคนสนิทของจอมพล ป. ได้ส่งลูกชายและลูกสาวของเขา ไปมอบให้กับโจวเอินไหลรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เพื่อเป็นหลักประกันของความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ
วรรณไว-สิรินทร์ พันธโนทัย และโจวเอินไหล
ปี 1971 (พ.ศ.2514) สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ พร้อมขับสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ออกจากการเป็นสมาชิก จากการขานรับนโยบายจีนเดียว (One China) ปีถัดมา ริกชาร์ด นิกสัน ผู้นำของสหรัฐอเมริกาเดินทางมาเยือนจีน ทำให้หลายประเทศหันมาเปิดสัมพันธ์กับจีนมากขึ้น
ในที่สุด วันที่ 1 กรกฎาคม 1975 (พ.ศ.2518) ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เดินทางไปเยือนจีน ประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ
นับตั้งแต่บัดนั้นมา ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ได้แลกเปลี่ยนความสัมพันธ์กันในด้านต่างๆ ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การศึกษา การสาธารณสุข วัฒนธรรม และอีกมากมาย จนกลายเป็นวลีๆ หนึ่งขึ้น
จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน
中泰一家亲
พิธีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน 1 กรกฎาคม 1975 (พ.ศ.2518)
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน มาแล้วถึง 50 ครั้ง พระองค์ทรงมีผลงานพระราชนิพนธ์เกี่ยวกับจีนมากมายอยู่หลายสิบเรื่อง เช่น ย่ำแดนมังกร บทละครพูดร้านน้ำชา นารีนครา มองสังคมจีนผ่านวรรณกรรม เป็นต้น
ด้วยคุณปการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่มีต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน สีจิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน ทูลเกล้าฯถวายเครื่องอิสริยาภรณ์รัฐมิตราภรณ์ ในโอกาสวันชาติจีนครบรอบ 70 ปี 1 ตุลาคม 2019 (พ.ศ.2562)
สีจิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน ทูลเกล้าฯถวายเครื่องอิสริยาภรณ์รัฐมิตราภรณ์ แด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
โฆษณา