10 ต.ค. 2023 เวลา 03:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

มนต์รักนักพากย์ (2023) – ถวิลหาเสียงไมค์หอน

น้อยครั้งที่เราอาจจะได้เห็นหนังไทยพีเรียด น้อยครั้งที่เราไม่ค่อยได้เห็นที่พูดถึงวงการหนังไทย และมันก็ยิ่งน้อยลงไปที่เราจะได้เห็นหนังไทยพีเรียดที่พูดถึงวงการหนังไทย หากแต่ด้วยผลงานล่าสุดของผู้กำกับ ฯ อย่าง นนทรีย์ นิมิบุตร ที่เป็นดั่งจดหมายรักแด่วงการหนังไทย และพระเอกตลอดกาล มิตร ชัยบัญชา คือการถวิลหาความเรืองรองของวงการหนังไทยยุคก่อน ด้วยผลงานอย่าง มนต์รักนักพากย์
มนต์รักนักพากย์ เล่าเรื่องราวของการตามหาความฝันของหน่วยเร่ขายยาหน่วยที่ 18 ของบริษัทขายยาโอสถเทพยดาที่เรียกลูกค้าด้วยการฉายและพากย์หนังกลางแปลง พวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทาย ในยุคที่วงการภาพยนตร์มาถึงการเปลี่ยนผ่าน โดยที่ทั้ง 4 ชีวิตในทีมต้องฝ่าฟันความท้าทายมากมายเพื่อมุ่งไปให้ถึงฝั่งฝัน โดยมีมิตร ชัยบัญชา เป็นแรงบันดาลใจ
ตัวหนังเริ่มอย่างเรียบง่าย ผ่านเสียงบรรยายที่กำลังจะเล่าถึงกลุ่มฉายหนังเร่ขายยา ที่จะทำการฉายหนังและพากย์เสียงสด พลางคั่นจังหวะฉายหนังด้วยการขายยาให้ครบตามโควต้า แต่ความนิยมของกลุ่มหนังล้อมผ้าที่มากกว่า ทำให้กลุ่มฉายหนังเร่ฯ ต้องปรับตัว การมาของเรืองแข สมาชิกหญิงสาวเดียวในกลุ่ม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทีม พร้อมผลักตัวหนังให้มาพร้อมบรรยากาศเชิงโร้ดทริป ที่เต็มไปด้วยการเดินทางท่ามกลางทัศนียภาพต่างจังหวัดในช่วงปีพ.ศ. 2513
ขณะที่ตัวหนัง ดำเนินไปด้วยพล็อตที่ถูกตั้งมาอย่างง่ายดาย ของการเดินทางของกลุ่มหนังเร่ขายยา ที่เป็นพีระมิดขั้นสุดท้าย ทั้งในบริษัทขายยาหรือกระทั่งหน่วยฉายหนังเอง ที่หนังล้อมผ้าได้ความนิยมมากกว่า ตัวหนังใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการให้ได้ทำความรู้จัก กับตัวละครในกลุ่มหนังเร่ขายยาฯ หน่วยที่ 18 ผ่านตัวละครอย่าง หัวหน้ามานิตย์ นักพากย์ 5 เสียง, ไอ้เก่า เจ้าหนูนักโปรยเสน่ห์, ลุงหมาน นักขับพาหนะคู่ใจอย่าง “อีแก่” และ เรืองแข เจ้าของเสียงพากย์ผู้หญิงแสนพิมพ์ใจ
ความน่าสนใจก็คือ ตัวหนังไม่ได้บีบบังคับเส้นเรื่องให้ผลักไปข้างหน้าด้วยพล็อต แต่ปล่อยให้เรา ได้เดินทางร่วมไปกับคณะเร่ฯ คณะนี้ ที่ร่วมหัวจมท้ายกันในหลายสถานการณ์ ส่งผลให้เราได้รู้จักมิติทางตัวละคร
ทั้งการเป็นหัวหน้าที่มีความฝันอันแรงกล้า และความคลั่งใคล้ในรูปแบบที่นักดูหนัง น่าจะเข้าใจได้, การเป็นไอ้หนุ่มที่ยังเปี่ยมไปด้วยไฟ และเป็นจุดสร้างเสียงหัวเราะภายในคณะ, ชายแก่ผู้เป็นเสมือนจุดย้ำเตือน เพื่อบอกให้ทุกคนเตรียนกินข้าวเช้าและพร้อมทำงาน หรือกระทั่ง หญิงสาว ที่มีความฝันเช่นกันเดียวกัน แต่ขอเริ่มต้นใหม่ พร้อมมุมมองที่ทันต่อสังคม
และเมื่อประกอบกับ เคมีการแสดงของนักแสดงทั้งสี่ ที่แสนจะเข้าขา เป็นธรรมชาติ แถมมากไปด้วยเสน่ห์ ลงในเรื่องราวที่ใส่ซึ่งหัวใจและจิตวิญญาณผ่านตัวละครกลุ่มหนังเร่ขายยา เพื่อบ่งบอกถึงการเทิดทูนให้เกียรติหนังไทย และพระเอกตลอดกาลอย่าง มิตร ชัยบัญชา มันก็ทำให้เรา พร้อมจะเทใจไปกับหนังทั้งเรื่อง พร้อมหัวเราะ และปาดน้ำตาไปอย่างง่ายดาย
ถึงแม้ตัวหนังจะแทบไม่มีอะไรหวือหวา หรือไม่ได้มาพร้อมเทคนิคแพรวพราวแต่อย่างใด แถมยังมาด้วยลูกไม้แสนเชยอย่างเห็นได้ชัด อย่างการนำเสนอเรื่องราวมนต์รักฉบับนักพากย์ ก็ยังไม่วาย ใส่เส้นเรื่องความรักเข้าไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากแต่มันเล่าทั้งหมด ด้วยความสัตย์ซื่อจริงใจ พลางจะพูดถึงความรัก มันก็ยังดูเป็นแง่มุมผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลก มากกว่าจะเป็นเพียงแค่เรื่องราวรักใคร่อะไรทำนองนั้น
แถมการใส่ มิตร ชัยบัญญา ให้เป็นเสมือนกาวใจหลักของทีม ก็สะท้อนต่อการทำหน้าที่เป็นดั่ง หัวใจหลักของหนังเรื่องนี้ เพราะด้วยการนำเสนอ ที่ชวนให้รู้สึกเทิดทูนและเคารพอย่างยิ่งยวด ผ่านการฉายหนังเก่าที่มีมิตรร่วมแสดง แทรกด้วยฉากและบทสนทนาที่สื่อถึงสถานการณ์ในเรื่องราว ณ ตอนนั้น
กลายเป็นว่า เราได้เห็นทั้งท่าที หรือกระทั่งการออกลีลาการแสดงของเขาไปโดยปริยาย รู้ตัวอีกที เราก็ได้เห็นหน้าคาดตาบ่อยพอ จนจะรับรู้ถึงความอิทธิพล ที่เขาได้ส่งถึงผู้คนในยุคสมัยนั้น จนทำให้ในฉากสำคัญ ประกอบเข้ากับการแสดงของ ศุกลวัฒน์ คณารศ มันก็ทรงพลังจนไม่อาจจะต้านทานได้
ในยุคสมัยที่ภาพยนตร์ผันเปลี่ยนมาหลายรูปแบบ จากฉายในโรง สู่ตระเวณฉาย หรือฉายบนจอ จนมาฉายในแพลตฟอร์ม ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ภาพยนตร์ ได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้คนโดยทั่วถึงกันในทุกพื้นที่ การฉายภาพของหนังไทยในยุคพ.ศ. 2513 ยังเป็นข้อพิสูจน์ชั้นดี ที่ภาพยนตร์ ยังคงเป็นสื่อกลางหรือสื่อบันเทิงที่เชื่อมถึงผู้คน ด้วยภาพและเสียงที่เร่งเร้าโสตทัศน์ โดยที่ไม่ว่ามันจะมาพร้อมเรื่องราวบู๊สะบั้นหั่นแหลก หรือเรื่องราวความรักแสนธรรมดาก็ตาม
การสะท้อนภาพของตัวละครหนังเร่ขายยา พร้อมกับการเสียชีวิตจนเป็นที่โจษจันของมิตร ชัยบัญชา บอกผ่านกาลเวลาและการผลัดเปลี่ยนยุคสมัยของวงการภาพยนตร์ไทยได้อย่างคมคาย เพราะไม่เพียงแต่ มันจะเรื่องราวเนื้อหาสุดท้ายจะไม่ได้เกินคาด ว่าท้ายสุด พวกเขาก็ไม่อาจจะตามรถตู้ของคณะกัมปนาทได้เลยสักหน สื่อถึงการไม่มีวันเอาชนะธารกระแสของยุคสมัยใหม่
แต่ก็เฉกเช่นตัวภาพยนตร์เอง ที่ยังมีอิทธิพลเหนือกาลเวลา พวกเขาก็ยังไม่หยุดทำตามฝัน ในการเป็นผู้ให้เสียงมิตร ชัยบัญชา ที่ยังคงโลดแล่นอยู่บนจอเงิน เพราะตราบใดที่หลอดไฟของเครื่องฉายยังคงทำงาน ตราบใดที่ถาดรองฟิล์มยังคงหมุนต่อเนื่อง และไมค์ในมือของนักพากย์ ยังคงดังก้องจนลำโพงหอนก็ตาม
มิตร ชัยบัญชา พระเอกตลอดคนนั้น.. ก็ยังคงมีชีวิตเป็นอมตะ ตราบจนนิจนิรันดร์
สรุปแล้ว มนต์รักนักพากย์ เป็นหนังไทยของผู้กำกับ ฯ นนทรีย์ นิมิบุตร ถ่ายทอดอิทธิพลของหนังไทย และ มิตร ชัยบัญชา ในช่วงเวลานั้น ผ่านการผลัดเปลี่ยนยุคสมัยด้วยกลุ่มตัวละครฉายหนังเร่ขายยา ที่ต้องปรับตัวและพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง มาพร้อมกลิ่นอายที่ถวิลหายุคก่อน ผ่านงานสร้างที่เนรมิตยุคเก่า และกลวิธีการเล่าเรื่องแสนเชย แต่ด้วยหัวใจและจิตวิญญาณอันเต็มเปี่ยม และเคมีการแสดงอันแสนธรรมชาติ เพื่อเชิดชูถึงอิทธิพลที่ภาพยนตร์ยังคงมีเหนือกาลเวลา ได้อย่างน่าประทับใจ
4 / 5
มนต์รักนักพากย์ - Once Upon A Star (2023)
Directed by Nonzee Nimibutr
Written for the screen by Ek Iemchuen & Nonzee Nimibutr
Based on the idea by Visute Poolvoralaks
มนต์รักนักพากย์ มีกำหนดการสตรีมมิ่งบน Netflix ในวันที่ 11 ตุลาคม 2023

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา