15 ต.ค. 2023 เวลา 03:25 • ท่องเที่ยว
Central London

ที่เที่ยวไม่ลับสุดคูล ไม่ไปไม่ได้แล้ว (ใครว่าลอนดอนมีแต่ที่ Shopping)

Chapter 64/10: Central London and Beyond
และแล้วก็มาถึง Blog สุดท้ายของทริปลอนดอนซะที ลากยาวมาจนถึงตอนที่ 10 กันเลยทีเดียว ขอบคุณคนอ่านผู้น่ารักที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ ดีใจมากๆ ที่ Blog ลอนดอนของเราได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ เลย
1
แต่สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามาเจอ Blog นี้ ก็ขอฝากซีรีส์ England July 2023 ของเราไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ 😄🙏 (คลิกลิงค์ด้านล่างเลยค่ะ)
ม่ะ…ไม่มัวพูดพร่ำทำเพลงละ เพราะ Blog นี้ก็จะมีที่เที่ยวมาเล่าให้ฟังเยอะเลย มาเริ่มจากที่นี่ก่อน Battersea Power Station ซึ่งจริงๆ ไปมาตั้งแต่ตอนที่กลับเข้าลอนดอนแล้วล่ะ แต่นึกได้ว่าลืมเขียนถึง
Battersea Power Station
Battersea Power Station เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินเก่าที่เลิกใช้งานไปแล้ว สร้างโดยบริษัท London Power Company (LPC) ตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำเทมส์ ใน Nine Elms เมือง Battersea เขต Wandsworth เป็นหนึ่งในอาคารอิฐที่ใหญ่ที่สุดในโลก และโดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์อาร์ตเดโค
ภายในประกอบไปด้วยโรงไฟฟ้า 2 แห่งได้แก่ โรงไฟฟ้า Battersea A ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1929 ถึง 1935 และโรงไฟฟ้า Battersea B ที่สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1955
รูปจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Battersea_Power_Station
โรงงานทั้ง 2 แห่งถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องจนถึงปี ค.ศ. 1975 โรงไฟฟ้า A ก็ได้ถูกปิดตัวลงและมีข่าวว่าโรงไฟฟ้า B กำลังจะถูกปิดตามมาด้วย จึงได้มีการพยายามรักษาอาคารแห่งนี้ไว้ให้เป็นมรดกแห่งชาติเพื่อที่ตัวอาคารจะได้ไม่ถูกทำลาย
ภายใน Battersea Power Station ยังเห็นโครงอาคารเก่า
จนในปี ค.ศ. 1980 Battersea Power Station ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น Listed Buildings Grade II (หมายถึงอาคารที่มีความสำคัญที่ควรอนุรักษ์ไว้) แต่จนแล้วจนรอดในวันที่ 31 ตุลาคม 1983 โรงไฟฟ้า B ก็ได้ยุติการทำงานอย่างถาวรหลังจากเปิดดำเนินการมาเกือบ 30 ปี
ข้างในเป็น Shopping Mall สุดหรู
สาเหตุที่ Battersea Power Station ต้องถูกปิดตัวลงเนื่องมาจากอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าที่เริ่มล้าสมัย ต้นทุนในการดูแลรักษาที่เพิ่มมากขึ้น และเกิดทางเลือกใหม่ในการหาเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าที่เปลี่ยนจากถ่านหินไปเป็นน้ำมันก๊าซและพลังงานนิวเคลียร์
อันนี้คืออะไรไม่รู้ เป็นกล่องแก้วขึงสลิงลอยอยู่กลางอากาศ
และหลังจากที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมานานเกือบ 40 ปี Battersea Power Station ก็ถูกทำให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2022 ที่ผ่านมา โดยภายในตัวอาคารได้ถูกปรับปรุงใหม่ให้เป็น Shopping Mall ที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร โรงหนัง พื้นที่แสดงงานศิลปะ และสำนักงาน โดยที่ตัวอาคารภายนอกยังคงรักษาสภาพเดิมไว้ทั้งหมด
Battersea Power Station
และรอบๆ Battersea Power Station ยังถูกจัดสรรให้เป็น Apartment สำหรับอยู่อาศัยอีกด้วย และจะมีการสร้างสวนสาธารณะริมแม่น้ำแห่งใหม่ทางตอนเหนือของโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย เป็นโครงการใหญ่ยักษ์จริงๆ
ข้างในเป็น Shopping Mall ที่ดูสวยดี และก็ได้ความรู้สึกว่าเดินอยู่ในโรงงานจริงด้วยนะ เพราะเพดานที่โล่งโปร่งด้วยโครงสร้างของอาคารเก่า ส่วนด้านนอกก็เป็นพื้นที่สาธารณะที่คนทั่วไปเข้ามาใช้ได้ และก็ยังมีร้านขายของ ร้านอาหาร ด้านนอกตึกอีกเพียบเลย เป็นที่ที่น่ามาเดินเล่นเลยแหละ
จาก Battersea Power Station เราจะข้ามช็อตไปวันสุดท้ายที่เราเดินเที่ยวอยู่ในลอนดอนกันเลยนะ
ภารกิจหลักของวันนี้คือต้องไป Sky Garden ซึ่งจองเวลาไว้ตอน 6 โมงเย็น ช่วงเช้าก็หาไรทำซะ "เวลาอันมีค่าของเราต้องอย่าให้สูญเปล่า" เพื่อนชาวลอนดอนกล่าวไว้ และวันนี้เป็นวันเสาร์พอดี เพื่อนมันว่างก็เลยจัดแจงพาเราเดินซะทั่วใจกลางกรุงลอนดอนกันเลย ขอย้ำ "เดิน" จริงๆ 😩 โคดเหนื่อยเลยแต่ก็สนุกมากๆ 😄
เริ่มจากที่แรกซึ่งเป็นที่ที่เราเคยมาเมื่อตอน Christmas ปีที่แล้ว แต่ครั้งนั้นมาตอนช่วงหัวค่ำก็เลยค่อนข้างร้างผู้คน คราวนี้มาตอน summer แถมเป็นช่วงเช้าวันเสาร์ด้วยจะได้เห็นความคึกคักของที่นี่ว่าเป็นไงมั่ง
ถึงละค่ะ Coal Drops Yard อยู่ด้านหลัง King's Cross Station
Coal Drops Yard
สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก Coal Drops Yard สามารถอ่านได้ใน Blog ด้านล่างนี้เลย (คลิกลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ) น่าสนใจไม่แพ้ Battersea Power Station เลยแหละ
เอาย่อๆ นะ Coal Drops Yard เป็นการรีโนเวทพื้นที่โกดังถ่านหินร้างให้กลับมามีชีวิตใหม่กลายเป็น Lifestyle Mall ที่ทันสมัยเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย และยังใช้เป็นสถานที่เอนกประสงค์ให้ผู้คนได้มาพักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน
Coal Drops Yard
วันนี้คนเยอะจริงๆ ด้วย อัฒจันทร์ที่เคยเห็นโล่งโจ้งวันนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่มานั่งพักผ่อนอาบแดดกัน และลานนี้เค้ามักจะมีหนังมาฉายให้ดูฟรีด้วยนะ
Coal Drops Yard
ข้างๆ จะเป็น Regent's Canal ซึ่งเป็นคลองที่ขุดขึ้นมาเพื่อใช้ขนถ่ายสินค้าในสมัยก่อน
Regent's Canal
ปัจจุบัน Regent's Canal ไม่ได้ถูกใช้เพื่อการขนส่งสินค้าอีกต่อไป แต่เปลี่ยนฐานะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนเมืองแทน และเคยอ่านมาว่าชาวลอนดอนบางคนที่ต้องการหนีค่าใช้จ่ายในการเช่าบ้านในเมืองที่แพงเหลือหลายก็ย้ายนิวาสถานมาซื้อเรืออยู่บริเวณนี้แทนก็มี
เรือบ้านที่ Regent's Canal
เราเดินเข้าไปในโซน Shopping Mall กันมั่ง มีร้านค้าร้านอาหารเยอะเลย และราคาก็แพงใช่เล่น
Coal Drops Yard
เดินผ่านลานเปตอง เพื่อนดันชวนเล่นอีก เกิดมาก็เพิ่งเคยเล่นเปตองเนี่ยแหละ
หนุกดีเหมือนกันนะ แข่งสกิลสายตายาวกะเพื่อน 🤣
ตรงนี้เป็นลานกิจกรรมให้คนมาเล่นฟรี ใครจะเล่นก็แค่ไปลงชื่อขอใช้อุปกรณ์ในห้อง reception เล่นเสร็จแล้วก็เอาไปคืน
ข้างๆ Coal Drops Yard อีกฝั่งจะเป็น Apartment ชื่อ Gasholders ซึ่งเจ้า Gasholders เนี่ยเดิมเป็นถังบรรจุแก๊สขนาดใหญ่ ซึ่งในอดีตเค้าจะส่งแก๊สไปตามท่อไปยังอาคารบ้านเรือนในลอนดอนเพื่อใช้ทำความร้อน
Gasholders
Gasholders เหล่านี้ถูกปลดประจำการไปเมื่อปี ค.ศ. 2000 จากนั้นก็ถูกดัดแปลงให้กลายเป็น Apartment สุดหรูที่เท่มาก โดยที่ยังคงเก็บโครงสร้างภายนอกเดิมไว้
เราชอบความลอนดอนก็ตรงนี้แหละ เมืองเค้ามีการฟื้นฟูพื้นที่รกร้างเสื่อมโทรมหลายๆ ที่ให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้แบบครบวงจร คือเป็นทั้งที่อยู่อาศัย เป็นที่ท่องเที่ยว เป็น Shopping Mall ที่แฮงค์เอ๊าท์ และสร้างงานสร้างรายได้กลับมาได้ด้วย
ไปที่ต่อไปกัน Guildhall Art Gallery หรือ หอศิลป์กิลด์ฮอลล์
Guildhall Art Gallery
Guildhall Art Gallery เปิดทำการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1885 เพื่อใช้เป็นที่จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยในยุควิคตอเรียน ซึ่งค่านิยมในสมัยนั้นต้องการให้ผู้คนได้เสพงานศิลปะกันให้มากขึ้น
Guildhall Art Gallery
ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หอศิลป์แห่งนี้ก็ถูกทำลายไปเกือบทั้งหมดจากการโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงของกองทัพเยอรมันในช่วงปี 1941 ที่เรียกว่า "The Blitz"
เจอน้องกลุ่มนี้อีกแล้ว
ในระหว่างนั้น มีการพยายามย้ายคอลเลกชั่นภาพวาดและงานประติมากรรมไปเก็บไว้ในห้องใต้ดินที่เมืองวิลต์เชียร์ แต่ก็ยังมีงานอีก 164 ชิ้นที่สูญหายไป
Guildhall Art Gallery
ต่อมาในปี 1985 เมืองลอนดอนตัดสินใจปรับปรุงหอศิลป์นี้ขึ้นใหม่ และมีการต่อเติมแกลเลอรี่ส่วนอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย
Guildhall Art Gallery
ในปี 1988 ระหว่างการรื้อถอนซากอาคารเดิมเพื่อเตรียมสร้างหอศิลป์แห่งใหม่ นักโบราณคดีก็ได้ค้นพบซากของ Roman Amphitheatre หรืออัฒจันทร์โรมันที่ซ่อนอยู่ภายใต้อาคาร Guildhall เดิมลึกลงไป 20 ฟุต
Roman Amphitheatre
ในยุคโรมันเค้าจะใช้ Amphitheatre เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางศาสนา ใช้เป็นลานต่อสู้แบบกลาดิเอเตอร์หรือต่อสู้กับสัตว์ และใช้เป็นลานประหารชีวิต
Roman Amphitheatre
Roman amphitheatre ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เราจะยังคงเห็นซากของสิ่งก่อสร้างในอดีตได้อยู่เลย
แผนที่กรุงลอนดอนโบราณ
ที่นี่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมได้ฟรี และเค้าใช้สื่อแบบ interactive ในการให้ความรู้ซึ่งจะเป็นการใช้ภาพ วิดีโอ และเสียง มาช่วยด้วย น่าสนใจดี
จาก Guildhall ก็เดินต่อไปที่ Leadenhall Market ระหว่างทางก็เจออะไรสวยๆ ตลอดทาง
รถเมล์ให้เช่าสำหรับงานแต่งงาน น่ารักดี
เดินผ่านอาคารสวยๆ
แวะ Leadenhall Market ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี เป็นตลาดที่สวยมากๆ จนต้องมาถ่ายรูปซ้ำ
Leadenhall Market
ตามตรอกซอกซอยในตลาดก็ตกแต่งแบบเดียวกันทั้งหมดเลย สวยมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าในสมัยก่อนเคยเป็นตลาดขายเนื้อสัตว์มาก่อน
Leadenhall Market
แต่ร้านค้าที่เห็นเปิดทำการมีไม่เยอะนะ ส่วนใหญ่จะเป็นห้องโล่งๆ มีร้านเด่นๆ อยู่แค่ไม่กี่ร้านตรงทางเข้า
มีร้านนึงที่เคยอยู่ในฉากเรื่อง Harry Potter ด้วยนะ เป็นร้านเลขที่ 44 อันนี้
Leadenhall Market
ได้เวลาไป Sky Garden ละค่ะ
Sky Garden
เราไปถึงก่อนเวลาที่จองไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ลองเดินไปถาม จนท.ดู เค้าก็ให้เข้าได้เลย แถมไม่ขอดูตั๋วอีก 😳 นี่ชั้นอุส่าห์จองด้วยความลำบากยากเย็นนะเนี่ยยย
Sky Garden เป็นที่เที่ยวที่ hot hit มาก ความที่อยู่บนยอดตึกและมีพื้นที่จำกัด รับคนเข้าชมได้เป็นรอบๆ ก็เลยต้องให้จองเข้าไป โดยเค้าจะเปิดให้จองตั๋วล่วงหน้า 3 อาทิตย์ และที่นี่เข้าฟรี ! นะคะ
Sky Garden
Sky Garden เป็นสวนสาธารณะที่สูงที่สุดในลอนดอนออกแบบโดยบริษัท Gillespies ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิสถาปัตยกรรมที่เคยได้รับรางวัลการออกแบบมามากมาย
ต้นไม้ที่ปลูกนี่ก็ไม่ได้ปลูกกันเล่นๆ นะ เค้าทำงานร่วมกับ Thrive ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ใช้การปลูกต้นไม้เพื่อช่วยบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพกายและใจให้กับผู้คน ซึ่งพันธุ์ไม้ที่นำมาปลูกก็จะเป็นพันธุ์ไม้จากแถบเมดิเตอร์เรเนียนและแอฟริกาใต้
วิวบน Sky Garden
นอกจากจะเป็นโอเอซิสกลางเมืองแล้ว ที่นี่ยังมีจุดชมวิวเมืองลอนดอนแบบพานอรามา 360 องศาอีกด้วย จะเห็นสถานที่ท่องเที่ยวจากบนนี้ได้เกือบหมดเลย
คหสต. สำหรับเรา เราว่ามันเหมือนสวนที่ตึก Helix ที่ Emquartier เลยอ่ะ 🙂 คือมันเป็นไม้เขตร้อนเหมือนบ้านเราไง ดูแล้วก็เลยไม่ได้ถึงกับว้าวอะไร แต่วิวนี่ว้าวจริง ว่าแต่…เห็นมะ สวนบ้านเราก็เริ่ดนาาาา
จาก Sky Garden เราก็เดินข้าม London Bridge ไปที่ Southwark กันต่อ ตลอดทางเห็นนักท่องเที่ยวเยอะมากๆ (ที่รู้เพราะได้ยินจากภาษาที่เค้าคุยกันนี่แหละ)
เราเดินไปจนถึง Hay's Galleria
Hay's Galleria
ที่นี่เดิมชื่อ Hay's Wharf ตั้งชื่อตามเจ้าของเดิมที่เป็นพ่อค้าคือ Alexander Hay สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นโกดังและท่าเทียบเรือสำหรับขนถ่ายสินค้า สร้างมาตั้งแต่ปี 1856 แล้วและถูกใช้งานมาอย่างยาวนาน
จนต่อมาเมื่อเริ่มมีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาใช้อย่างแพร่หลายในช่วงทศวรรษที่ 1960 เลยส่งผลให้การขนส่งสินค้าย้ายไปยังท่าเรือน้ำลึกที่อยู่ไกลออกไป จนในปี 1970 ท่าเรือ Hay's Wharf ก็ได้ถูกปิดตัวลง
Hay's Galleria
และก็เช่นกัน ช่วงปี 1986 ที่นี่ก็ได้ถูกทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เป็นอาคารแบบ Mix Used ซึ่งภายในจะเป็นอาคารสำนักงาน ร้านอาหาร ร้านค้า และที่อยู่อาศัย และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Hay's Galleria ที่นี่ก็สวยดีเหมือนกันนะ
จาก Hay's Galleria เราเดินทะลุออกมาที่ Bermondsey ต่อ
Bermondsey
ย่านนี้เค้าก็มีสตอรี่นะ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 Bermondsey ถือเป็นย่านเสื่อมโทรมของลอนดอนเลย เพราะเต็มไปด้วยคนงานที่มาทำงานที่ท่าเรือใน Southwark ซึ่ง Charles Dickens ก็เคยใช้ที่นี่เป็นฉากในนวนิยายเรื่อง Oliver Twist ด้วย โดยเค้าบรรยายว่าที่นี่คือสลัมที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม
Bermondsey
ต่อมาเมื่อยุคอุตสาหกรรมเฟื่องฟูขึ้น Bermondsey ก็ได้เปลี่ยนจากสลัมกลายเป็นศูนย์กลางของการฟอกหนัง และเป็นแหล่งรวมการค้าเครื่องหนังและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการสร้างอาคารขึ้นในบริเวณนี้มากมาย
Bermondsey
และปัจจุบันอาคารต่างๆ รวมถึงโกดังเก็บสินค้าเหล่านี้ก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นที่พักสุดคูล จน Bermondsey ถูกจัดอันดับให้เป็นย่านที่ดีที่สุดสำหรับการอยู่อาศัยในลอนดอนในปี 2018 เลย
เดินมาถึงก็เจอเข้ากับ Vinegar Yard พอดี
Vinegar Yard
Vinegar Yard เป็นเหมือนผับกลางแจ้งที่ขายอาหาร เครื่องดื่ม มีจอทีวีให้คนมาเชียร์กีฬา และมาแฮงค์เอาท์กัน
คนเยอะมากๆ คึกคักสุดๆ
ป.ล. ถ้าใครจะเข้าไปในงาน เค้าจะตรวจบัตร ID ก่อนเข้างานด้วยนะเพราะมีขายเครื่องดื่มแอลข้างใน
จาก Bermondsey เราก็เดินต่อมาที่ Borough Market ซึ่งเราก็เคยเขียนเล่าเรื่องที่นี่เมื่อน๊านนนนมาละ (อ่านได้ในลิงค์ข้างล่างค่ะ)
คราวนี้มาถึงเอาซะเกือบ 6 โมงร้านเค้าก็ปิดหมดแล้วล่ะ เสียดายจังต้องกลับไปหาข้าวเย็นกินแถวบ้านเลย
The Anchor Pub ที่สวยที่สุดในย่าน Southwark
จาก Borough Market เราก็ขึ้นรถเมล์กลับบ้านกันละค่ะ ไม่ไหวละ ร่างยับเยินมากๆ ดูนาฬิกา แม่เจ้า…สถิติสูงสุดเท่าที่เคยทำมา วันนี้เดินไปทั้งหมดประมาณ 18 กม. ปาเข้าไปกว่า 25,000 ก้าวอ่ะเท๊ออออ แต่ก็เป็นวันที่สนุกมากๆ เลย ได้รู้จักที่ใหม่ๆ ตั้งหลายที่
เราพบว่าลอนดอนเป็นเมืองที่หลอมรวมความทันสมัยซ้อนทับไว้อยู่กับเรื่องราวในอดีตได้อย่างลงตัว หลายๆ ที่ที่เราไปคงอธิบายได้เป็นอย่างดี และเราว่านี่แหละเสน่ห์อย่างนึงของลอนดอน โอกาสหน้าคงได้มาอีก…แน่นวล
กลับบ้านแล้ว
สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและมาทำความรู้จักกันนะคะ 😊 แล้วพบกันใหม่ Blog หน้า จะเป็นที่เที่ยวที่ไหน อย่าลืมติดตามกันนะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา