8 ต.ค. 2023 เวลา 06:46 • ท่องเที่ยว
บริกซ์ตัน

เพลินตาเพลินใจที่ Brixton ย่านสุดเก๋ในลอนดอน

Chapter 64/9: Brixton
โห มาลอนดอนคราวนี้เขียนมาถึงตอนที่ 9 ละเหรอเนี่ย !!! งงตัวเองเหมือนกัน 🤣 แต่พอมานั่งนึกดู จะไม่ให้เยอะขนาดนี้ได้ไง ก็วันๆ เจ๊เอาแต่เดินๆๆๆ และเดินสำรวจลอนดอนมันไปเรื่อย จบทริปนี่ร่างเกือบพัง (แต่ไอ้ที่พังจริงๆ รออ่านตอนหน้านะ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง 😁) 
และ Blog นี้ก็ยังคงมีที่เที่ยวที่น่าสนใจในลอนดอนมาฝากอีกหลายที่เลย ไม่ได้มีแค่ Brixton ที่จั่วหัวไว้ข้างบนนะ
ม่ะ…เรามาเริ่มจากที่แรกกันก่อนเลย Charles Dickens Museum อยู่ที่ Doughty Street ค่ะ
1
Charles Dickens Museum
คิดว่าหลายคนน่าจะรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อ Charles Dickens มาบ้าง เค้าเป็นนักเขียนชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงมาก มีชื่อจริงว่า Charles John Huffam Dickens เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1812 ที่เมือง Portsmouth ประเทศอังกฤษ
เข้าชมที่นี่ต้องซื้อตั๋วด้วยนะ 12.50 ปอนด์ ซื้อ online หรือซื้อด้านในก็ได้ค่ะ
Charles Dickens ถือว่าเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุควิคตอเรียน หนังสือหลายเล่มของเค้าไม่ว่าจะเป็น A Christmas Carol, David Copperfield, Bleak House, A Tale of Two Cities, Great Expectations ล้วนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
เข้ามาก็จะเจอกับห้องทานข้าวและห้องนั่งเล่น
และหนังสือที่โด่งดังที่สุดของเค้าคือเรื่อง Oliver Twist ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างเลวร้าย และต้องเติบโตมาในสังคมอุตสาหกรรมที่โหดร้าย
ลงไปชั้นล่างจะเป็นห้องครัว
ซึ่งเราก็รู้จัก Charles Dickens จากนวนิยายเรื่องนี้นี่แหละ เคยอ่านหนังสือและได้ดูหนัง และขอบอก !!! หนังเรื่องนี้มันไม่ใช่ชีวิตเด็กใสๆ แต่อย่างใดเลย ตรงกันข้ามเป็นชีวิตที่ดูหดหู่มาก แต่โชคดีที่จบแบบ Happy Ending
ห้องนี้เป็นห้องซักล้าง ไม่ใช่ห้องน้ำนะ
ส่วนอันนี้เป็นเครื่องซักผ้าในสมัยก่อน…ไม่ใช่โถส้วมเด้อ
จุดพลิกผันของ Charles Dickens เริ่มขึ้นเมื่อตอนที่เค้าอายุได้ 12 ปี เมื่อพ่อของเค้าต้องติดคุกเพราะถูกเจ้าหนี้ฟ้อง ทำให้เค้าต้องออกจากโรงเรียนและถูกบังคับให้ไปทำงานในโรงงาน ต้องเจอสภาพการทำงานที่แย่ในโรงงานที่ทั้งสกปรกและเก่า ซึ่งต่อมาเค้าได้เขียนเล่าเรื่องชีวิตในช่วงนี้ในหนังสือนิยายกึ่งชีวะประวัติของตัวเองชื่อ David Copperfield
ชั้นสองเป็นห้องอ่านหนังสือ, ห้องเขียนหนังสือ และโต๊ะที่ Dickens ใช้เป็นประจำ
ต่อมาปี ค.ศ. 1829 เค้าก็เริ่มทำงานเป็นนักข่าวอิสระให้กับสมาคมทนายความ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นอาชีพนักเขียนของเค้า จากงานเขียนสั้นๆ ลงแม็กกาซีนรายเดือน The Monthly Magazine โดย Dickens ใช้นามปากกาว่า Boz
ห้องแต่งตัว
ห้องนอนและห้องเลี้ยงเด็ก
นวนิยายเรื่องแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับเค้าคือ The Pickwick Papers ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก จนทำให้เค้าตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาเป็นนักเขียนนิยายเต็มตัว
โซนนี้แสดงถึงช่วงเวลาอันยากลำบากของ Dickens เมื่อตอนที่พ่อของเค้าต้องติดคุกและเค้าต้องไปทำงานในโรงงาน
ผลงานของ Charles Dickens จะโดดเด่นในเรื่องของการแสดงให้เห็นถึงด้านมืดของลอนดอน ความโหดร้ายของชีวิต การกดขี่ที่เกิดขึ้นในสังคม รวมไปถึงต้องการให้ผู้อ่านเกิดจิตสำนึกในการแสดงความเมตตาและความมีน้ำใจต่อกัน
หนังสือของ Dickens มักจะบรรยายให้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในลอนดอนในสมัยนั้นที่เต็มไปด้วยหมอกควันจากโรงงานอุตสาหกรรม
Charles Dickens เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ปี 1870 เมื่ออายุได้ 58 ปี
Charles Dickens
และถ้าสังเกตุดูดีๆ เวลาเดินอยู่ในลอนดอนเราจะเห็นป้ายโลหะสีน้ำเงินที่เรียกว่า Blue Plaque แบบนี้อยู่บ่อยมาก มันเป็นป้ายเพื่อแสดงว่าสถานที่นั้นมีความเชื่อมโยงกับบุคคลที่มีชื่อเสียงของอังกฤษคนใดคนหนึ่งนั่นเอง
Blue Plaque
ออกจาก Charles Dickens Museum เราไปเดินเล่นต่อที่ Exmouth Market (อ่านว่า เอ็กซ์มัธ) ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่เดินประมาณ 15 นาทีก็ถึง
Exmouth Market
Exmouth Market เป็น Street Market ที่อยู่ในย่าน Clerkenwell เป็นถนนคนเดินที่จะมีแผงลอยขายอาหาร ขายของกระจุ๊กกระจิ๊กมากมาย ซึ่งเราก็กะว่าจะไปเดินดูซักหน่อย แต่ปรากฎว่าเค้าเก็บร้านหมดแล้วจ้า เหลือแต่ร้านอาหาร 2 ข้างทาง
Exmouth Market
ก่อนหน้านี้พื้นที่แถวนี้ถือเป็นย่านที่ทรุดโทรมของลอนดอน ต่อมาช่วงปลายยุค 90 ก็ได้รับการฟื้นฟูและกลายเป็นตลาด Exmouth Market ในเวลาต่อมา
ร้านค้าแถวนี้ก็น่ารักมากๆ
ใกล้ๆ กับ Exmouth Market จะเป็น Spa Fields สวนสาธารณะเล็กๆ
Spa Fields
เพราะความที่สวนนี้อยู่ในชุมชนก็เลยเป็นที่นิยมในหมู่พนักงานออฟฟิศแถวนี้มาก เราเดินทะลุสวนเข้าไปด้านใน ดูสะอาดและไม่น่ากลัวเลยนะ มีคนมานั่งเล่นรับแดดกันพอสมควร
ลอนดอนนี่ดีจัง มีสวนสาธารณะเต็มไปหมด
เดินเล่นฆ่าเวลารอเพื่อนเลิกงานกันมาหลายที่ละ ป่ะ…ได้เวลาไป Brixton จุดหมาย highlight ของเราในวันนี้กันละค่ะ
Brixton อยู่ทางใต้ของลอนดอน เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1860 แล้ว เดิมทีที่นี่เป็นแค่ตลาดกลางแจ้งริมถนนที่ขายของสดและของใช้ให้กับคนในท้องถิ่น แต่ต่อมาเมื่อประชากรใน Brixton เพิ่มมากขึ้น ตลาดก็ขยายและพัฒนาตาม มีแผงขายของและร้านค้าเปิดใหม่เพิ่มขึ้นมากมาย จน Brixton กลายเป็นศูนย์กลางแหล่งช็อปปิ้งของลอนดอนทางใต้ไปเลย
Brixton
ผู้คนที่เข้ามาอยู่ในย่านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนเชื้อสายแอฟโฟร-แคริบเบียน ทำให้ Brixton เป็นย่านที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาก ถึงกับมีการจัดอันดับให้ Brixton เป็นชุมชนที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในลอนดอนเลย
ก็สมควรจะเป็นย่านที่มีชีวิตชีวาแหละเพราะพอลงจากรถเมล์ปุ๊บก็เจอผู้คนคึกคักจอแจเต็มถนนเลย เท่าที่เห็นไม่มีนักท่องเที่ยวนะ มีแต่คนท้องถิ่นที่เป็นคนอังกฤษจริงๆ และคนแอฟริกัน
เดินเขาไปก็จะเจอกับร้านค้าและแผงลอยขายของเยอะมาก มีทั้งข้าวของเครื่องใช้ ถ้วยถังกาละมังหม้อ อาหารสด อาหารแห้งเต็มไปหมด ดูๆ ไปเหมือนตลาดนัดบ้านเราเลย
Brixton
บรรดาพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่มีเชื้อสายแอฟโฟร-แคริบเบียนนั่นแหละ เลยทำให้ที่นี่คึกคักมาก เพราะเวลาเค้าขายของก็จะตะโกนขายกันเสียงดังๆ หน่อย มีต่อราคามั่งแนะนำสินค้ามั่ง ดูสนุกดี
เดินออกจากตัวตลาดมาที่ Brixton Village ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
จากบริเวณตลาดเราเดินตรงไปที่ Brixton Village ที่ตั้งใจจะมา ตอนแรกก็เกือบหาทางเข้าไม่เจอเพราะทางเข้าจะดูเป็นซอยเล็กๆ แต่พอเดินเข้ามาข้างในบรรยากาศจะแตกต่างจากตลาดด้านนอกโดยสิ้นเชิง
Brixton Village
Brixton Village (เดิมเค้าชื่อ Granville Arcade) ข้างในนี้จะเต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านขายของที่ตกแต่งกันน่ารักมากๆ มีร้านอาหารแบบนานาชาติเลย ทั้งไทย จีน อินเดีย ยุโรป อเมริกัน และที่ขาดไม่ได้...ผับบาร์เก๋ๆ เต็มเลย 😁
Brixton Village
ทางเดินมันจะเป็นซอยๆ แฉกๆ แยกไปแต่ละซอย และแต่ละซอยก็จะมีร้านอาหาร ร้านขายของเช่นกัน
Brixton Village
ประทับใจ Brixton และ Brixton Village มากๆ เลย มันน่ารักและดูคึกคักมีชีวิตชีวามากๆ ไม่เสียแรงที่นั่งรถเมล์ฝ่ารถติดมาครึ่งชั่วโมง 😁
Brixton Village
หิวละ หาไรกินดีกว่า มีแต่ร้านน่ากินๆ ทั้งนั้นเลย
เราเดินสำรวจจนทั่วทุกซอย และสรุปว่าร้านนี้ดูน่าเจี๊ยะมากๆ เลยปักหลักที่ร้านนี้เลย เป็นร้านขายเบอร์เกอร์และซี่โครง BBQ ที่หอมมาก
The Joint อร่อยจริง โดยเฉพาะมันฝรั่งมันหวานทอด 😋
ร้านเค้ามีกิมมิคด้วยนะ เค้าให้ลูกค้าไปเขียนที่กำแพงร้านเป็นที่ระลึกด้วย ซึ่งเราก็ไม่พลาดขอไปประทับตราเครื่องหมายการค้า jwanderlust ไว้ซักหน่อย…อิอิ
Blog นี้ก็มีที่เที่ยวมาฝากประมาณนี้ค่ะ อาจจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังหาที่เที่ยวสำรวจลอนดอนสนุกๆ แบบเรา อ้อ !!! จะบอกว่า Blog ต่อไปนี่ก็สนุกเหมือนกันนะ จะเป็นการเดินแบบมาราธอนสุดๆ เช้ายันเย็น ขานี่ถึงกะง่อยเปลี้ยกันเลยทีเดียว แล้วมาอ่านกันนะว่าเราจะพาไปเที่ยวที่ไหนในลอนดอนกันอีก
 
สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา