Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เหลาจนคม
•
ติดตาม
20 ต.ค. 2023 เวลา 14:09 • ประวัติศาสตร์
พันท้ายนรสิงห์ นายท้ายเรือผู้ซื่อสัตย์ หรือเป็นเพียงแค่ตำนาน น้ำจิ้มสุกี้ ?
พันท้ายนรสิงห์ เป็นตำนานของนายท้ายเรือพระที่นั่งที่พายเรือพระที่นั่งเอกไชยเข้าชนกิ่งไม้ แล้วทูลขอให้สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) สั่งประหารชีวิตตนเองเพื่อรักษากฎมณเฑียรบาลและความจงรักภักดี พันท้ายนรสิงห์จึงได้รับการยกย่องให้เป็นวีรชนผู้ซื่อสัตย์ มีศาลตั้งไว้เพื่อสักการะบูชาอยู่ริมคลองโคกขาม หรือคลองมหาชัยในปัจจุบัน ซึ่งเป็นคลองที่เกิดเหตุ และตำนานนี้ก็เป็นที่ไปที่มาของการขุดคลองมหาชัยด้วย
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ตำนานของพันท้ายนรสิงห์ปรากฎอยู่ใน "พระราชพงศาวดารกรุงสยาม ฉบับบริติชมิวเซียม" เป็นที่แรก ซึ่งพระราชพงศาวดารฉบับนี้ชำระขึ้นในปลายรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เนื้อความเกี่ยวกับพันท้ายนรสิงห์จากพระราชพงศาวดารกรุงสยาม ฉบับบริติชมิวเซียม ความว่า (สะกดตามต้นฉบับ)
"....ลุศักราชได้ ๑๐๖๖ ปีวอก ฉ่อศก ขะณะนั้นสมเดจ์พระเจ้าแผ่นดีน เสดจ์ด้วยเรือพระธินั่งเอกไชย จไปประภาษทรงเบจ์ณะปากน้ำเมืองษาครบูรี ครั้นเรือพระธินั่งไปถึ่งตำบลโขกฃาม แลคลองที่นั้นคตเคียวนัก แลพันท้ายนรสิงฆซึ่งถือท้ายเรือพระธินั่ง คัดแก้ไขมิทันที แลศิศะเรือพระธินั่งนั้นโดนกระทบกิ้งไม้อันใหญ่เข้าก็หักตกลงในน้ำ
พันท้ายนรสิงฆ์เหนดังนั้นก็ตกใจ จึ่งโดษขึ้นเสียจากเรือพระธินั่ง แลขึ้นอยู่บนฝั่งแล้วร้องกราบทูลพระกรรุณาว่า ฃอเดชฝาลอองทุลีพระบาทปกเกล้าพระราชอาชญาเปนล้นเกล้า ฃองจงทรงพระกรรุณาโปรฎให้ทำสารขึ้นที่นี้สูงประมารเพียงตา แล้วจงตัษเอาศิศข้าพระพุทธเจ้ากับศิศเรือพระธินั่งซึ่งหักตกน้ำลงไปนั้น ขึ้นบ่วงส่วงไว้ด้วยกันที่นี้ ตามพระราชกำหนฎในบถพระไอยการเถีษ
จึ่งมีพระราชโองการตรัษว่า ไอ้พันท้ายซึ่งโทษเองนั้นถึ่งตายก็ชอบอยู่แล้ว แต่ทว่าบัดนี้กูจยกโทษเสีย ไม่เอาโทษเองแล้ว เองจงคืนมาลงเรือไปด้วยกูเถีด ซึ่งศิศเรือที่หักนั้นกูจทำต่อเอาใหม่แล้ว เองอย่าวิตกเลย
พันท้ายนรสิงฆจึ่งกราบทูลว่า ซึ่งทรงพระกรรุณาโปรฎมิได้เอาโทษข้าพระพุทธิเจ้านั้นพระเดชะพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ทว่าจเสียทำนบทำเนียมในพระราชกำหนฎกฎหมายไป แลซึ่งสมเดจ์พระเจ้าอยู่หัว จมาละพระราชกำหนฎสำหรับแผ่นดินเสิยดังนี้ดูมิควรยิงนัก นารไปภายหน้าเหนว่าคนทังปวง จล่วงคะระหาติเตียนดูหมินได้ แลพระเจ้าอยู่หัวอย่าทรงพระอาไลยแก่ข้าพระพุทธิเจ้า ผู้ถึ่งแก่มรณโทษนี้เลยจงทรงพระอาไลยถึงพระราชประเพณีย์ อย่าให้เสิยขนบทำเนียมไปนั้นดีกว่า
อันพระราชกำหนฎมีมาแต่บูรานนั้นว่า ถ้าแลพันท้ายผู้ใดถือท้ายเรือพระธินั่งให้ศิศเรือพระธินั่งนั้นหัก ท่านว่าพันท้ายผู้นั้น ถึ่งมรณโทษให้ตัดศิศเสีย แลพระเจ้าอยู่หัวจงทรงพระกรรุณาโปรฎให้ตัดศิศข้าพระพุทธิเจ้าเสีย ตามโปราณราชกำหนฎนั้นเถีด
จึ่งมีพระราชดำหรัสสั่งให้ฝีภายทังปวงปั้นมูลดินเปนรูบพันท้ายนรสิงฆ์ขึ้นแล้ว ก็ให้ตัดศิศรูบดินนั้นเสีย แล้วดำหรัสว่าไอ้พันท้าย ซึ่งโทษเองถึ่งตายนั้น กูจประหารชีวิตร์เองเสีย ภ่อเปนเหตุแทนตัวแล้วเองอย่าตายเลย จงกลับมาลงเรือไปด้วยกูเถีด พันท้ายนระสิงฆ์เหนดังนั้น ก็มีความละอายนัก ด้วยกลัวว่าจเสียพระราชกำหนฎ โดยขนบทำเนียมโบราณไป เกรงคนทังปวงจะครหาติเตียนดูหมินในสมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวแห่งตนได้ สู้เสียสะละชีวิตรของตัวมิได้อาไลย
จึ่งกราบทูลไปว่าฃ่อพระราชทานซึ่งทรงพระกรรุณาโปรดฎข้าพระพุทธิเจ้าทังนี้ พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่ทว่าซึ่งตัดศิศรูบดินแทนตัว ข้าพระพุทธิเจ้าดังนี้ดูเปนทำเล่นไป คนทังหลายจล่วงคระหาติเตียนได้ ฃ่อพระองค์จงทรงพระกรรุณาโปรฎตัดศิศข้าพระพุทธิเจ้าเสิยโดยฉันจริงเถีด อย่าให้เสิยขนบทำเนียมในพระราชกำหนฎไปเลย ข้าพระพุทธิเจ้าจฃอกราบทูลฝากบุตรภรรยา แล้วก็จกราบถวายบังคมลาตายไปโดยลักษณยะถาโทษอันกราบทูลไว้นั้น
สมเดจ์พระเจ้าแผ่นดีนตรัษได้ทรงฟังดังนั้น ก็ดำหรัสวิงวรไปเปนหลายครั้ง พันท้ายนระสิงฆก็มิยอมอยู่ สมเดจ์พระเจ้าอยู่หัวทรงพระมหาการุญภาพแก่พันท้ายนรสิงฆ์เปนอันมาก จนกลั่นน้ำพระเนตรนั้นไว้มิได้จำเปนจำทำตามพระราชกำหนฎ จึ่งดำหรัสสั่งนายเพชฆาฎ ให้ประหารชีวิตรพันท้ายนระสิงฆ์เสีย
แล้วให้ทำสารขึ้นสูงเพียงตา แลให้เอาศิศพันท้ายนรสิงกับศิศเรือพระธินั่งซึ่งหักนั้น ขึ้นพลิกรรมไว้ด้วยกันบนสานนั้น แล้วให้ออกเรือพระธินั่งไปประภาษทรงเบจ์ณปากน้ำเมืองษาครบูรีย แล้วเสดจ์กลับยังพระมหานคร และสารเทภารักษที่ตำบลโฃกฃามนั้น ก็มีปรากฏมาตราบท้าวทุกวันนี้
จึ่งพระบาทบรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระราชตำหริว่า ณะคลองโฃกฃามนั้นคตเคียวนัก คนทังปวงจเดีรเรือเข้าออกก็ยาก ต้องอ้อมวงไปไกลกันดานหนัก ควรเราจให้ฃุดลัดตัดเสียให้ตรงจึ่งจชอบ อหนึ่งพันท้ายนรสิงฆ์ซึ่งตายเสิยนั้น เปนคนสัจซือมั่นคงนัก สู้เสียสะละชีวิตรหมิได้อาไลยกลัวว่าเราจเสียพระราชประเพณียไป เรามีความเสิยดายนัก ด้วยเปนข้าหลวงเดีมมาแต่ก่อน อันจหาผู้ซึ่งรักใคร่ซื่อตรงต่อจ้าว เหมือนพันท้ายนระสิงฆ์นี้ยากนัก
แล้วดำหรัสให้เอากะเฬวระพันท้ายนระสิงฆ์นั้น มาแต่งการถาปณะกิจพระราชทานเพลีง แลบุตรภรรยานั้นก็พระราชทานเงีนทองสิงฃองเปนอันมาก
แล้วมีพระราชโองการตรัษสั่งสมุหนายก ให้กะเกนเลกหัวเมืองให้ได้ ๓๐๐๐๐ ไปขุดคลองโขกฃาม แลให้ขุดลัดตัดให้ตรงตลอดไป โดยฦกหกศอกบ์ากคลองกว้างแปดวา พืนคลองกว้างห้าวาแลให้พระราชสงครามเปนแม่กอง คุมพลหัวเมืองทังปวงขุดคลองจงแล้วสำเรจ์ดุจพระราชกำหนฎ ...."
พระราชพงศาวดารฉบับอื่นๆ ที่ชำระขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ปรากฎเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์อยู่เช่นกัน อย่างเช่น พระราชพงศาวดารฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ฯลฯ โดยมีพระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียมเป็นต้นแบบ
แต่ทว่า พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ซึ่งเป็นฉบับที่ชำระในสมัยรัตนโกสินทร์เช่นกัน กลับไม่ปรากฎเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์แต่อย่างใด แม้กระทั่ง พระราชพงศาวดารฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ซึ่งเขียนชำระขึ้นในสมัยราชวงศ์บ้านพลูหลวงของกรุงศรีอยุธยา ก็ไม่ปรากฎเรื่องของพันท้ายนรสิงห์เลย
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ประเภทคำให้การ เช่น คำให้การชาวกรุงเก่า คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ก็ไม่ได้ปรากฎเรื่องของพันท้ายนรสิงห์ แต่จะปรากฎเรื่องของกวีเอกที่ชื่อ "ศรีปราชญ์" แทน โดยเนื้อเรื่องของศรีปราชญ์จากเอกสารประเภทคำให้การ อยู่ในรัชกาลของพระเจ้าเสือ (เอกสารเหล่านี้เรียกพระนามพระเจ้าเสือว่า พระเจ้าสุริเยนทราธิบดี)
ในกฎมณเฑียรบาล ก็ไม่มีการระบุโทษของพันท้ายเรือพระที่นั่งดังที่พงศาวดารบันทึกไว้ โทษส่วนใหญ่เป็นการรับผิดชอบของคนทั้งเรือพระที่นั่ง และพันท้ายเรือพระที่นั่งมี 2 คน แต่พระราชพงศาวดารกลับระบุถึงการประหารพันท้ายนรสิงห์เพียงผู้เดียว
พันท้ายนรสิงห์ ยังปรากฎอยู่ในวรรณคดีเรื่อง "โคลงภาพพระราชพงศาวดาร" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพระราชนิพนธ์ร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นๆ สำหรับบทของพันท้ายนรสิงห์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เป็นผู้ทรงพระนิพนธ์ และยังได้รับการบรรจุลงในแบบเรียนวิชาภาษาไทยของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อีกด้วย
ส่วนวรรณคดีเรื่องอื่นๆ ที่กล่าวถึงคลองโคกขาม หรือคลองมหาชัย เช่นเรื่องนิราศพระแท่นดงรังของสามเณรกลั่น ไม่ได้กล่าวถึงพันท้ายนรสิงห์แต่อย่างใด
เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ที่แพร่หลายกันทั่วไป มาจากพระนิพนธ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล (พระองค์ชายใหญ่) เพื่อนำมาใช้เป็นบทละครเวทีโดยคณะศิวารมณ์ ทำการแสดงในปีพ.ศ.2488 ซึ่งตรงกับช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาได้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2493 พันท้ายนรสิงห์ฉบับของพระองค์ชายใหญ่ ก็ได้นำมารีเมคเป็นละครเวที ภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์อีกหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเป็นเวอร์ชั่นที่สร้างโดย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล พร้อมทั้งเพลงธีมที่ต้องมีทุกเวอร์ชั่นอย่าง "น้ำตาแสงไต้"
พันท้ายนรสิงห์ฉบับพระองค์ชายใหญ่ ผูกเรื่องให้เป็นชาวบ้านชื่อ "สิน" เป็นชาวบ้านจากเมืองวิเศษไชยชาญ อ่างทอง มีภรรยาชื่อ "นวล" สินได้รู้จักกับพระเจ้าเสือครั้งแรกตอนที่พระเจ้าเสือปลอมเป็นชาวบ้านไปชกมวยที่วิเศษไชยชาญ และได้ชกมวยด้วยกัน ต่อมาสินจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพันท้ายนรสิงห์ นายท้ายเรือพระที่นั่ง เป็นการนำเรื่องราวจากพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาที่ชำระในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะที่ปรากฎเรื่องพันท้ายนรสิงห์มาแต่งเสริมเข้าไป
ด้วยความนิยมของพันท้ายนรสิงห์เวอร์ชั่นนี้ ถึงกับมีการสร้างศาลแม่ศรีนวลผู้เป็นภรรยา ควบคู่กันกับศาลพันท้ายนรสิงห์เลยทีเดียว
ศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ อธิบายว่าพันท้ายนรสิงห์เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ เพื่อให้เหตุผลว่า กรุงศรีอยุธยาล่มสลายเกิดจากผู้นำที่ปกครองไม่ดี โดยใช้พันท้ายนรสิงห์เป็นตัวเดินเรื่อง ประณามพระเจ้าเสือว่าเป็นผู้ปกครองที่ไม่เคารพกฎกติกาบ้านเมือง พร้อมกับเล่าที่มาของการขุดคลองมหาชัย
ผช.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล ก็ได้ให้เหตุผลว่า คนชำระ คนทำรุ่นหลังเชื่อว่ามี คิดว่ามี และคิดว่าอยากจะให้เกิดขึ้นตรงนั้นมากกว่า
ส่วนคลองมหาชัย คลองที่เชื่อกันว่าเกิดจากตำนานของพันท้ายนรสิงห์ เริ่มขุดเมื่อ พ.ศ. 2248 ในรัชกาลสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2264 ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ
คลองนี้ขุดแยกจากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งขวา ในเขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ไปเชื่อมกับแม่น้ำท่าจีนฝั่งซ้าย ในตำบลมหาชัย อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร ยาว 30 กิโลเมตร แต่เดิมคลองนี้เรียกชื่อเป็น 2 ตอน คือ จากปากคลองด้านแม่น้ำเจ้าพระยาไปถึงคลองโคกขาม เรียกว่า "คลองพระพุทธเจ้าหลวง" และจากคลองโคกขามไปถึงแม่น้ำท่าจีน เรียกว่า "คลองมหาไชยชลมารค" ปัจจุบันคลองนี้เรียกชื่อว่า "คลองมหาชัย" ตลอดทั้งสาย
สำหรับเด็กๆ รุ่นใหม่ พันท้ายนรสิงห์ที่รู้จักก็คงเป็นเพียงแค่ยี่ห้อน้ำจิ้มไก่ น้ำจิ้มสุกี้ แต่ถ้าพูดถึงบุคคลที่เป็นต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริต ความจงรักภักดี ก็คงต้องนึกถึงพันท้ายนรสิงห์เป็นคนแรกๆ ส่วนข้อถกเถียงที่ว่ามีตัวตนจริงหรือเป็นแค่ตำนาน ก็แล้วแต่ท่านๆ จะคิด
แหล่งที่มาและเรียบเรียง
https://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=33&chap=3&page=t33-3-infodetail03.html
https://www.youtube.com/watch?v=7CapHFnK6ew
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%8C
https://youtu.be/CfcK4-nVm3s?si=6NIaIDnLPX_ErdOh
https://youtu.be/glMXMpcQLh4?si=NiEVrIyiCDGNH-Te
ประวัติศาสตร์
เรื่องเล่า
ไทย
บันทึก
3
2
3
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย