24 ต.ค. 2023 เวลา 14:00 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 28

เจ็ดดาวร่วมธรรม (1) โลกบาลเทิดเจดีย์
ที่ซานตงเมืองจี้โจวอำเภอวิ่นเฉิง 山东济州郓城县 มีนายอำเภอมารับหน้าที่ใหม่ แซ่สือ 时 ชื่อเหวินปิน 文彬 เป็นข้าราชการสัตย์ซื่อมือสะอาด โอบอ้อมอารี และเที่ยงตรงยุติธรรม กองปราบอำเภอวิ่นเฉิงมีนายกองสองนาย
คนหนึ่งชื่อจูถง 朱仝 ฉายาเจ้าเครางาม 美髯公 เป็นนายกองทหารม้าบัญชาการมือเกาทัณฑ์ทหารม้ายี่สิบนาย ทหารท้องถิ่นยี่สิบนาย
义胆忠肝豪杰,胸中武艺精通,超群出众果英雄。
弯弓能射虎,提剑可诛龙。
一表堂堂神鬼怕,形容凛凛威风。
面如重枣色通红,云长重出世,人号美髯公。
ขวัญกล้าใจซื่อถือคุณธรรม เพลงยุทธลึกล้ำ
วีรชนนำคนทั้งหลาย
น้าวธนูจู่โจมยิงพยัคฆ์
ชักกระบี่สังหารมังกรร้าย
ทีท่าผ่าเผยเย้ยผีพราย
องอาจผึ่งผายเทพครั่นคร้าม
ใบหน้าแดงเปล่งปลั่งดังพุทรา
หยุนฉางมาจุติเจ้าเครางาม
(กวนหยุนฉาง 关云长 คือ กวนอู)
เจ้าเครางามจูถง 美髯公朱仝 กลุ่มเทพฟ้า เทียนกังลำดับที่ 12 เป็นหนึ่งในแปดขุนพลอัศวินทัพหน้าของเหลียงซาน ลำดับที่หก และเป็นนายด่านทิศใต้ด่านที่สามคู่กันกับเหลยเหิง
1
จูถงเป็นชาวอำเภอวิ่นเฉิง ทางครอบครัวมีฐานะดีมาแต่เดิม จูถงมีร่างสูงแปดฉื่อห้านิ้ว ใบหน้าแดงดังพุทราสุก มีเครายาวหนึ่งฉื่อห้านิ้ว ลักษณะท่าทางละม้ายท่านกวนอู รวมทั้งอุปนิสัยรักคุณธรรมเช่นเดียวกัน จึงมีฉายา เจ้าเครางาม 美髯公 เหมือนท่านกวนอู จะผิดกันก็ที่อาวุธที่ใช้ไม่ใช่ง้าวใหญ่ด้ามยาวเหมือนกวนอู แต่เป็นดาบพอเตา 朴刀 ใบดาบคมด้านเดียว ใบดาบยาวกว่าด้าม อันที่จริงผิดกับง้าวโดยหลักก็ตรงที่ด้ามสั้นกว่าใบดาบ หากด้ามยาวออกไปก็คือง้าวนั่นเอง ดาบพอเตานี้คงเป็นที่นิยมในสมัยนี้ เพราะตัวละครในสุยหู่ใช้กันมาก
นายกองอีกคนหนึ่งชื่อเหลยเหิง 雷横 ฉายาเสือติดปีก 插翅虎 เป็นนายกองทหารราบบัญชาการพลทวนยี่สิบนาย ทหารท้องถิ่นยี่สิบนาย
天上罡星临世上,就中一个偏能,都头好汉是雷横。
拽拳神臂健,飞脚电光生。
江海英雄推武勇,跳墙过涧身轻,豪雄谁敢与相争!
山东插翅虎,寰海尽闻名。
จุติจากดาวเทียนกังเทพฟ้า
เก่งกาจกล้านายกองนามเหลยเหิง
วาดมวยหมัดซัดเทพกระเจิดกระเจิง
โลดเถลิงกำลังขาฟ้าฟาดปาน
วีรบุรุษยุทธภพอวดกำแหง
ข้ามกำแพงดังตัวเบาโลดห้วยผ่าน
วีรกรรมหาญกล้าไร้เทียมทาน
เสือติดปีกซานตงเลื่องระบือ
เสือติดปีกเหลยเหิง 插翅虎雷横 กลุ่มเทพฟ้า เทียนกังลำดับที่ 25 เป็นหนึ่งในสิบแม่ทัพราบของเหลียงซาน ลำดับที่สี่ และเป็นนายด่านทิศใต้ด่านที่สามคู่กันกับจูถง
เหลยเหิงเป็นชาวอำเภอวิ่นเฉิง ร่างสูงเจ็ดฉื่อห้านิ้ว มีเครารอบคาง มีพละกำลังมากกระโดดข้ามกำแพง หรือข้ามห้วยกว้างสองสามจ้าง (7-10 เมตร) ได้ จึงได้ฉายาเสือติดปีก 插翅虎 ใช้อาวุธคู่มือยอดนิยม ดาบพอเตา 朴刀
เหลยเหิงเป็นคนกตัญญูต่อมารดา แต่ก็เป็นคนตระหนี่และเห็นแก่ลาภมักเรียกรับสินบน ทั้งนี้ก็เพราะเหลยเหิงเดิมเป็นช่างเหล็กในอำเภอ ต่อมาเปิดตลาดขายเนื้อ ก็ยังคิดว่าหาเงินไม่ทันใจจึงเปิดบ่อนไพ่นกกระจอกเสียเลยในตลาด เนื่องจากเป็นคนมีฝีมือดีจึงถูกชักชวนให้เข้ารับราชการ แต่นิสัยชอบหารายได้เสริมก็ติดตัวมาด้วย
ทางตะวันออกของอำเภอวิ่นเฉิงมีสองหมู่บ้านใหญ่มีคลองไหลผ่านกลาง ฝั่งคลองทางตะวันออกคือหมู่บ้านตงซี 东溪村 ฝั่งตะวันตกคือหมู่บ้านซีซี 西溪村
ที่หมู่บ้านซีซีทางตะวันตกนี้มีผีชุมมักออกมาเที่ยวหลอกชาวบ้านจนต้องตกคลองเป็นประจำ มาวันหนึ่งมีพระภิกษุผ่านทางมา ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้ช่วยปราบผี พระภิกษุรูปนั้นให้ชาวบ้านนำศิลาเขียวมาสลักเป็นเจดีย์ตั้งไว้ที่ริมคลอง พวกผีจึงพากันหนีข้ามคลองมาฝั่งตะวันออก พอเฉาไก้รู้เข้าก็โมโห ข้ามไปยกเจดีย์ข้ามคลองมาไว้ฝั่งตน จึงได้ฉายาว่า โลกบาลเทิดเจดีย์ 托塔天王 อันเป็นฉายาของเทพองค์หนึ่งในลัทธิเต๋าถือเจดีย์เหมือนปางหนึ่งของท้าวเวสสุวรรณ โลกบาลทิศอุดร เฉาไก้จึงเป็นที่คร้ามเกรงของชาวบ้าน และยังเลื่องลือไปในวงนักเลง
คืนวันหนึ่ง เฉาไก้หลับฝันไปว่า ดาวกระบวยใหญ่ 北斗七星 มาห้อยตรงอยู่เหนือสันหลังคาบ้าน ที่ด้ามกระบวยยังมีดาวเกินมาหนึ่งดวง ต่อมาก็กลายเป็นลำแสงสีขาวแล้วหายไป เฉาไก้คิดว่าหมู่ดาวสำคัญมาฉายแสงเหนือบ้านตนสมควรเป็นนิมิตดี จึงจดจำไว้ว่าจะไปหาผู้ตีความนิมิต
ในวันที่เฉาไก้จะเกิดนิมิตฝันเห็นดาวกระบวยใหญ่นั้น สือเหวินปิน นายอำเภอคนใหม่เรียกนายกองทั้งสองเข้าพบและกล่าวว่า
3
“นับแต่ข้ามารับหน้าที่ที่นี่ ก็ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับส้องโจรชายน้ำที่เหลียงซานป๋อว่าตั้งส้องสุมลูกน้องไว้ไม่น้อยเที่ยวปล้นชิงราษฎรและแข็งข้อต่อทางการ จึงขอให้ท่านทั้งสองแยกกันออกตระเวนหาข่าวและหากจับสายโจรมาสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ยิ่งดี ให้พวกท่านแยกกันไปทางตะวันตกและตะวันออก จนไปบรรจบที่หมู่บ้านตงซี 东溪村 บนเขาหลังหมู่บ้านมีต้นไม้ต้นหนึ่งมีใบสีแดง ให้เก็บใบไม้แดงกลับมาเป็นหลักฐานว่าได้ลาดตระเวนไปถึงจริง”
นายกองทั้งสองรับคำสั่ง จูถงนำทหารออกลาดตระเวนโดยไปทางประตูเมืองตะวันตก ส่วนเหลยเหิงนำทหารท้องถิ่นยี่สิบนายไปทางประตูเมืองตะวันออก
เย็นวันนั้น เหลยเหิงออกลาดตระเวนจนมาถึงหมู่บ้านตงซี จึงขึ้นเขาไปเก็บใบไม้สีแดงแล้วลงเขามาได้สองสามลี้ถึงศาลเจ้าหลิงกวน 灵官庙 ศาลบูชาเทพหวางหลิงกวน 王灵官 เทพองค์สำคัญในลัทธิเต๋า เป็นเวลาเช้าพอดีแต่ฟ้ายังไม่สาง สังเกตเห็นประตูศาลเจ้าเปิดอยู่ แต่ไม่เห็นคนดูแลศาลเจ้า
เหลยเหิงเห็นมีพิรุธ จึงให้คนชูคบไฟเข้าไปสำรวจดู ก็พบชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งใช้เสื้อม้วนเป็นหมอนหนุนกำลังหลับสบายอยู่บนโต๊ะในศาลเจ้า เหลยเหิงจึงให้ทหารจับตัวมัดเอาไว้ คุมตัวออกมานอกศาลหลิงกวน ก็ได้เวลายามห้า เหลยเหิงจึงคิดว่าคุมตัวเจ้าหมอนี่เข้าหมู่บ้านไปหาเฉาเป่าเจิ้ง 晁保正 แล้วขอกินมื้อเช้าได้พอดี
(เป่าเจิ้ง 保正 ดูแลลูกบ้านห้าร้อยครัวเรือน ประกอบด้วยสิบหมู่บ้านที่มีขนาดห้าสิบครัวเรือนต่อหมู่บ้าน พอจะเทียบได้กับ กำนัน)
เช้าวันนั้น เหลยเหิงคุมตัวชายต้องสงสัยมาเคาะประตูเรียก เฉาไก้ยังไม่ทันตื่น เหลยเหิงจึงให้คนจับมัดแขวนไว้ที่โถงประตู แล้วพวกเหลยเหิงก็พากันไปนั่งยังกระท่อมหญ้า เฉาไก้ตื่นรีบแต่งตัวออกมาต้อนรับถามว่า
“ท่านนายกองมีราชการอันใดมาถึงที่นี่”
“ท่านนายอำเภอสั่งให้จูถงกับข้าแยกกันนำคนออกลาดตระเวนดูลาดเลาพวกโจรผู้ร้าย เลยแวะมานั่งพัก รบกวนเวลานอนของเป่าเจิ้ง”
เฉาไก้ว่า “จะเป็นไรไป” แล้วให้ลูกบ้านจัดเตรียมสุราอาหาร ให้ยกน้ำแกงออกมาก่อน แล้วถามต่อว่า
“แล้วจับโจรที่หมู่บ้านนี้ได้ไหม”
เหลยเหิงว่า “ที่ศาลเจ้าหลิงกวนข้างหน้านี่ มีคนน่าสงสัยเมาหลับอยู่ จึงจับไว้จะนำตัวกลับไปอำเภอ แต่ยังเช้าอยู่ จึงมาแจ้งให้เป่าเจิ้งท่านทราบด้วย เผื่อวันหลังทางการสอบถามอะไรมา ท่านจะได้ตอบถูก ตอนนี้มัดแขวนไว้ที่โถงประตู”
เฉาไก้ว่า “ดีที่ท่านบอกให้รู้ก่อน”
พอคนยกสุราอาหารมา เฉาไก้บอกเหลยเหิงให้ย้ายที่กันไปยังห้องโถงด้านหลัง ให้บ่าวดูแลอาหารการกินให้พวกทหาร เฉาไก้นั้นใคร่รู้ว่าโจรที่ถูกจับได้ในหมู่บ้านนั้นเป็นใคร จึงร่วมดื่มเป็นเพื่อนเหลยเหิงได้ราวห้าหกจอก ก็เรียกพ่อบ้านคนหนึ่งมานั่งดื่มเป็นเพื่อนแทน ส่วนตนของตัวไปเข้าห้องน้ำ
เฉาไก้เข้าไปหาตะเกียงถือออกมาด้านหน้า เห็นพวกทหารกำลังกินอาหารอยู่ด้านใน ไม่มีใครอยู่ด้านนอก จึงถามบ่าวถึงตำแหน่งที่มีคนถูกจับมัดแขวนไว้ พอผลักประตูเข้าไปดูก็เห็นชายร่างดำถูกจับแขวนไว้สูง ขาดำเต็มไปด้วยขนหน้าแข้งห้อยต่องแต่งเหลือแต่เพียงเท้าที่ขาว  เฉาไก้เอาตะเกียงส่องหน้าดูเห็นใบหน้ากว้างสีคล้ำ มีปานแดงใหญ่อยู่ข้างขมับ มีขนสีดำเหลืองขึ้นอยู่บนปาน
เฉาไก้ถามว่า “ไอ้หนุ่ม เจ้าเป็นใคร ข้าไม่เคยมาก่อนในหมู่บ้าน”
ชายผู้นั้นตอบว่า “ข้ามาไกล จะมาขอพึ่งผู้กล้าท่านหนึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้”
เฉาไก้ถามว่า “ผู้กล้าท่านที่ว่า ชื่ออะไร”
ชายนั้นตอบว่า “เฉาเป่าเจิ้ง”
“มีธุระอะไรกับเฉาเป่าเจิ้ง”
“เฉาเป่าเจิ้งเป็นผู้กล้ามีคุณธรรมเป็นที่ล่ำลือทั่วแผ่นดิน ข้ามานี่ มีสมบัติมามอบ”
เฉาไก้ว่า “เดี๋ยวก่อน ข้านี่แหละเฉาเป่าเจิ้ง ถ้าอยากให้ข้าช่วยเจ้า เจ้าต้องเรียกข้าว่าน้า สักครู่ข้าจะเดินออกมาส่งเหลยเหิง พอเจ้าเห็นข้าให้เรียกท่านน้า ข้าก็จะทำเป็นจำได้ว่าเจ้าเป็นหลาน ไปจากหมู่บ้านนี้ตั้งแต่อายุได้สี่ห้าขวบ มาหากันเที่ยวนี้จึงยังจำกันไม่ได้”
黑甜一枕古祠中,被获高悬草舍东。
百万赃私天不佑,解围晁盖有奇功。
 
หวานอามิสสนิทฝันกลางศาลเก่า
ถูกจับเอามาแขวนสูงกลางโถงบ้าน
เงินล้านโสมมฟ้ามิบันดาล
เฉาไก้คิดอ่านแก้ไขได้พิสดาร
เฉาไก้กลับไปร่วมดื่มกับเหลยเหิงจนกระทั่งแสงอาทิตย์ส่องช่องหน้าต่าง
เหลยเหิงว่า “ฟ้าแจ้งแล้ว ผู้น้อยต้องขอตัว ต้องไปลงชื่อเข้างาน 画卯 ที่อำเภอ” (画卯 ระบบลงชื่อเข้างานราชการสมัยโบราณภายในช่วงเช้าระหว่างห้าถึงเจ็ดนาฬิกา)
เฉาไก้ว่า “ข้าไปส่งที่ประตู”
พวกทหารเห็นว่าจะกลับกันแล้วจึงไปแก้เอาตัวชายที่ถูกจับแล้วมัดมือไพล่หลังพาออกมานอกประตู
เหลยเหิงว่า “หมอนี่แหละ โจรที่จับได้ในศาลเจ้าหลิงกวน...”
พูดไม่ทันจบ ชายผู้นั้นก็ตะโกนว่า
“ท่านน้า ช่วยข้าด้วย”
เฉาไก้ทำทีเพ่งมองอยู่ครู่ใหญ่ก็ตะคอกว่า “เจ้านี่ไม่ใช่หวางเสี่ยวซาน 王小三 หรอกหรือ”
“ข้าเอง ท่านน้าช่วยข้าด้วย”
ทุกคนต่างงงงันกันไป เหลยเหิงถามเฉาไก้ว่า “คนผู้นี้เป็นใคร ดูเหมือนจะรู้จักท่านเป่าเจิ้ง”
เฉาไก้ว่า “เจ้านี่เป็นหลานข้าชื่อหวางเสี่ยวซาน ทำไมจึงไปนอนที่ศาลเจ้า เจ้านี่เป็นลูกพี่สาวของข้าเอง เมื่อเด็กก็อยู่ที่บ้านนี่แหละ พอได้สี่ห้าขวบก็ตามพี่สาวพี่เขยไปอยู่หนานจิง ไปทีร่วมสิบปี พออายุสิบสี่สิบห้าเคยมาเยี่ยมให้เห็นอีกหน แล้วก็ไม่ได้มาอีก ฟังเขาว่ากลายเป็นคนไม่เอาถ่าน นี่โผล่มาอีกทีข้าแทบจำไม่ได้ ถ้าไม่สังเกตปานแดงข้างขมับนี่” แล้วก็หันไปดุว่า “เสี่ยวซาน เจ้าทำไมไม่มาหาข้า กลับไปเป็นหัวขโมย”
ชายนั้นว่า “ท่านอา ข้าไม่เคยขโมย”
“ไม่ใช่ขโมย แล้วทำไมถูกจับมานี่” ว่าแล้วเฉาไก้ก็ชิงเอาไม้พลองจากทหารจะลงมือตี
เหลยเหิงรีบห้ามไว้ว่า “อย่าเพิ่งตี ฟังดูก่อน”
“ท่านน้าอย่าเพิ่งโมโห ฟังข้าก่อน ตั้งแต่ข้ามานี่เมื่อตอนอายุสิบห้า นี่ก็สิบปีแล้ว เมื่อเย็นวานระหว่างทางข้าดื่มหนักไปหน่อย เลยไม่กล้าเข้ามา ไปนอนที่ศาลเจ้าเสียคืนหนึ่งก่อน ว่าจะมาเช้านี้ก็ถูกจับเสียก่อน ข้าไม่ใช่ขโมย”
เหลยเหิงจึงช่วยแก้ว่า “เป่าเจิ้ง หลานท่านยังไม่ได้ขโมย พวกเราเห็นว่าตัวใหญ่มีพิรุธ หน้าตาก็ไม่คุ้น ไม่เคยรู้จัก จึงจับตัวพามานี่ หากรู้ว่าเป็นหลานท่านก็คงไม่จับ” แล้วก็ให้ทหารแก้มัดปล่อยตัว แล้วจะขอตัวลา
เฉาไก้จึงว่า “ท่านนายกองรอก่อน เชิญในบ้านอีกเที่ยวเถิด” ทั้งหมดจึงย้อนกลับเข้ามายังกระท่อมหญ้า
เฉาไก้ให้คนนำเงินย่อยสิบตำลึงมามอบให้เหลยเหิง เหลยเหิงทำทีปฏิเสธเป็นพิธี แล้วก็รับไว้ว่า “เมื่อเป็นน้ำใจของเป่าเจิ้ง ข้าก็จะรับไว้ วันหน้าคงมีโอกาสตอบแทน” แล้วก็ลากลับไป
ตอนก่อนหน้า : กองหน้าเลือดพล่าน
ตอนถัดไป : ผีผมแดง ดาวสัพพัญญู

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา