Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เหลาจนคม
•
ติดตาม
26 ต.ค. 2023 เวลา 18:44 • ประวัติศาสตร์
มาทำความรู้จักกับประเพณีตักบาตรเทโวกันเถิดออเจ้า
หากใครได้ดูละคร "พรหมลิขิต" ตอนที่ 4 ฉากที่ยายกุย (รัดเกล้า อมระดิษ) บอกกับบ่าวไพร่ว่าจะไปตักบาตรเทโวกันที่วัดไชยวัฒนาราม พุตตาน (เบลล่า ราณี) ที่ตามมากับยายกุย ได้เห็นความงดงามของวัดไชยวัฒนารามในอดีต ทำให้หวนนึกถึงซากปรักพังของวัดในปัจจุบันที่จากมา
ช่วงวันมหาปวารณาออกพรรษา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) จะมีประเพณีการตักบาตรในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก หลังจากเสด็จทรงโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรียกว่า "เทโวโรหณะ" ที่แปลว่าการเสด็จลงจากเทวโลก หรือที่เราเรียกกันว่า "ตักบาตรเทโว" โดยจะกระทำกันหลังจากวันออกพรรษาเพียงหนึ่งวัน (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11) ซึ่งเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จถึงโลกมนุษย์แล้ว
โดยในวันนี้พุทธศาสนิกชนจะทำ "ข้าวต้มมัด" หรือ "ข้าวต้มลูกโยน" เป็นอาหารสำหรับการตักบาตรในวันออกพรรษาอีกด้วย
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต) กล่าวไว้ในหนังสือ "กฐินสู่ธรรม" เกี่ยวกับประเพณีตักบาตรเทโว ความว่า
"... มีตำนานเล่าว่า ในพรรษาที่ ๗ หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปทรงจำพรรษาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และทรงแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา พร้อมทั้งเทวดาทั้งหลาย ครั้นสิ้นสุดพรรษาแล้ว ในวันมหาปวารณา (คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ที่เรียกกันว่าวันออกพรรษา) พระองค์ก็เสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลงสู่มนุษยโลกที่เมืองสังกัสสะ ซึ่งเป็นนครสำคัญแห่งหนึ่งของแคว้นโกศล
ครั้งนั้น เทวดามากมายได้ตามส่งเสด็จ ฝ่ายมนุษย์ทั้งหลายก็พากันตื่นเต้นดีใจ มาชุมนุมกันรอรับเสด็จอย่างคับคั่ง เป็นธรรมดาของพุทธศาสนิกชน เมื่อมาชุมนุมกันในโอกาสเช่นนี้ ก็ย่อมตักบาตร ถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสงฆ์ เป็นการทำบุญครั้งใหญ่ และถวายการต้อนรับแด่พระพุทธเจ้า
จากตำนานนี้ ก็ได้เกิดประเพณีตักบาตรเทโวสืบต่อมา ตักบาตรเทโวเป็นคำย่อ เรียกเต็มว่า ตักบาตรเทโวโรหณะ เทโวโรหณะ แปลว่า การลงจากเทวโลก คือการที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ ตามตำนานที่เล่ามาแล้วนั้นเอง ตักบาตรเทโว จึงหมายถึง การตักบาตรเนื่องในการที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก จะเห็นว่า ในพิธีตักบาตรเทโวนี้ มีการชักรถที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ นำแถวพระสงฆ์ที่รับบิณฑบาตด้วย เป็นเครื่องหมายว่า พระพุทธเจ้าเสด็จลงตามตำนานนั้น
เนื่องจากในการออกพรรษาไม่มีพิธีการอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ การตักบาตรเทโวนี้จึงเป็นพิธีที่เป็นเครื่องหมายของการออกพรรษา สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป
การตักบาตรเทโว บ่งบอกถึงความหมายที่ลึกซึ้งลงไปอีก หมายถึงการที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับคืนมาสู่โลกมนุษย์ คือการที่มนุษย์ทั้งหลายได้ต้อนรับพระองค์กลับมาอีก ในระหว่างพรรษานั้น พระพุทธเจ้าจะเสด็จปลีกพระองค์ไปปฏิบัติพุทธกิจอย่างใด ณ ที่ใด หรือแก่ชุมชนใดโดยเฉพาะก็ตาม แต่เมื่อออกพรรษาแล้ว พระองค์ก็จะเสด็จออกมาบำเพ็ญพุทธกิจในหมู่ประชาชนทั่วไปอีก ประชาชนทั้งหลายจะได้พบได้เฝ้าพระองค์ นี้คือความหมายของการออกพรรษา หรือที่แท้จริงคือการเริ่มต้นของเวลานอกพรรษา
เป็นเครื่องบ่งบอกว่าระยะเวลาที่พระสงฆ์อยู่ประจำที่เพื่อดำเนินการศึกษาอบรมภายในหมู่พระสงฆ์เองโดยเฉพาะ เพื่อซักซ้อมตระเตรียมฝึกฟื้นตนเองให้พร้อมยิ่งขึ้น และเพื่อสงเคราะห์ชุมชนหมู่หนึ่งโดยเฉพาะนั้น บัดนี้ ระยะเวลาแห่งศาสนกิจที่เน้นหนักในด้านนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่อแต่นี้ไปเป็นการเริ่มต้นแห่งรอบเวลาใหม่ คือการที่พระสงฆ์จะออกปฏิบัติศาสนกิจจาริกไปเพื่อประโยชน์สุขของหมู่ชน
ตักบาตรเทโว เป็นเรื่องของประเพณี ไม่มีบทบัญญัติใดกำหนดไว้ในวินัย บางวัดจัดในวันมหาปวารณา คือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ที่เรียกว่าวันออกพรรษา เพราะถือตามตำนานอันมาในอรรถกถาว่าพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลกในวันนั้น แต่บางวัดจัดหลังจากวันนั้น ๑ วัน คือในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ คงจะถือว่าพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาในวันมหาปวารณาก็จริง แต่ประชาชนได้มีโอกาสตักบาตรทำบุญในวันรุ่งขึ้น ประเพณีนี้ในบางวัดบางถิ่นก็เลือนหายไปแล้ว บางวัดหรือบางถิ่นยังปฏิบัติอยู่ แต่ส่วนมากดูจะค่อยๆ จืดจางและอ่อนกำลังลงโดยลำดับ ..."
ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ เป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาจากประเพณีการทำบุญออกพรรษา คำว่า “เทโว” มาจากคำว่า “เทโวโรหณะ” แปลว่าการหยั่งลงจากเทวโลก หมายถึง การเสด็จลงจากเทวโลกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลังจากเสด็จเทศนาโปรดพระพุทธมารดาบนสวรค์ชั้นดาวดึงส์ตลอดพรรษาที่ 7 หลังจากทรงตรัสรู้
เรื่องราวดังกล่าวมีตำนานเล่าว่า หลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว พระองค์ได้เสด็จไปประกาศศาสนาทั่วชมพูทวีป ตั้งแต่เมืองราชคฤห์ พาราณสี สาวัตถีตลอดถึงเมืองกบิลพัสดุ์ ซึ่งเป็นราชปิตุภูมิของพระองค์ ทรงเทศนาโปรดพุทธสาวกและพระประยูรญาติทั้งหลายให้บรรลุมรรคผลตามสมควรแก่อุปนิสัยของแต่ละบุคคลมาเป็นลำดับถึง 6 พรรษา จากนั้นพระองค์ทรงรำลึกถึงพระนางสิริมหามายาพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ดังนั้นในพรรษาที่ 7 หลังจากทรงตรัสรู้ พระองค์จึงได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษา ทรงเทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดาตลอดพรรษา ครั้นถึงวันออกพรรษา พระพุทธองค์ได้ทรงเสด็จลงสู่โลกโดยเสด็จสถิตเหนือยอดเขาสิเนรุราช เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นเครื่องสักการบูชาของเหล่าเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายแล้วจึงทรงเปิดโลกให้เทวดาและมนุษย์ทั้งหมดได้มองเห็นสวรรค์ โลกมนุษย์และนรกภูมิโดยตลอด ดังนั้นในวันนี้จึงเรียกว่าวัน “พระเจ้าเปิดโลก” อีกชื่อหนึ่ง
การเสด็จลงจากเทวโลกนั้น ตำนานกล่าวว่ามีปัญจสิงขรคันธัพพเทวบุตรถือพิณดีดขับร้องนำเสด็จในเบื้องหน้ามีบันไดทิพย์ 3 บันได คือ บันไดทองอยู่ด้านขวา บันไดเงินอยู่ด้านซ้าย บันไดแก้วอยู่ตรงกลาง เชิงบันไดทั้งสามจรดลงที่เมืองสังกัสสนคร บันไดทองเป็นทางลงของหมู่เทวดา บันไดเงินเป็นทางลงของหมู่พรหม และบันไดแก้ว เป็นทางเสด็จของพระพุทธองค์
เมื่อทรงเสด็จถึงโลกมนุษย์ที่เมืองสังกัสสนคร พระพุทธองค์ได้ทรงนำเหล่าพุทธสาวกออกรับบิณฑบาตจากประชาชนที่ไปรอเฝ้ารับเสด็จเพื่อทำบุญตักบาตรอย่างหนาแน่น ด้วยเหตุนี้ชาวพุทธจึงถือเอาวันออกพรรษา คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันคล้ายวันเสด็จลงจากเทวโลก
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 แล้ว ในวันรุ่งขึ้น (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11) ประชาชนต่างพร้อมใจกันมารับเสด็จและนำอาหารมาเพื่อทำบุญตักบาตรเป็นจำนวนมาก ประชาชนบางพวกอยู่ห่างไม่สามารถที่จะถวายอาหารใส่ลงบาตรได้ จึงนำข้าวสาลีมาปั้นเป็นก้อนแล้วโยนใส่ลงในบาตร จนกลายมาเป็นประเพณีนิยมที่ว่าจะต้องทำข้าวต้มลูกโยนซึ่งเป็นข้าวเหนียวห่อด้วยใบมะพร้าวไว้หางยาวเพื่อไว้ใส่บาตรในวันเทโวโรหณะ
ดังนั้น วันเทโวโรหณะ หมายถึง วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งพระพุทธเจ้าจะทรงถึงโลกมนุษย์ในวันรุ่งขึ้นของอีกวันหนึ่ง คือ วันแรม 1 ค่ำเดือน 11 และบิณฑบาตรในเช้าวันนั้น ดังนั้นวันตักบาตรเทโวจึงเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 นั่นเอง
ประเพณีตักบาตรเทโวที่จัดขึ้นในปัจจุบัน การตักบาตรในวันนี้มีลักษณะพิเศษ คือ จะอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนรถ โดยจะมีคนลากหรือขับเคลื่อนรถไปอย่างช้าๆ โดยจะนำหน้าพระสงฆ์ และพระสงฆ์ก็จะเดินเป็นแถวเพื่อบิณฑบาตเดินตามรถที่ประดิษฐานพระพุทธรูป
ส่วนพุทธศาสนิกชนก็จะเรียงเป็นแถวอยู่ข้างทางเพื่อรอใส่บาตรตามลำดับ และอาจมีการนำข้าวต้มลูกโยนมาใส่บาตรเพื่อจำลองเหตุการณ์ในครั้งพุทธกาล ซึ่งแต่ล่ะวัดมักจะมีการจัดสถานที่โดยจะมีธงราวประดับประดาตามเส้นทางที่ใช้ประกอบเทศกาลบิณฑบาต (ในปัจจุบันประเพณีตักบาตรเทโว จะเป็นการตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง)
●
มาทำความรู้จักกับข้าวต้มมัด อาหารใส่บาตรในวันออกพรรษา และวันตักบาตรเทโวกันสักนิด
ข้าวต้มมัด หรือ ข้าวต้มผัด เป็นขนมไทยพื้นบ้านที่ทำด้วยข้าวเหนียวผัดกับกะทิ แล้วนำไปห่อด้วยใบตองหรือใบมะพร้าวอ่อน ใส่ไส้กล้วย นำไปนึ่งให้สุก
มีข้าวต้มมัด อีกชนิดหนึ่งเรียก ข้าวต้มลูกโยน เป็นการห่อข้าวต้มด้วยใบพ้อหรือยอดมะพร้าวเป็นรูปรี ข้างในเป็นข้าวเหนียวผสมถั่วดำไม่มีไส้ ผูกเข้าด้วยกันเป็นพวงแล้วนำไปต้ม
ส่วนข้าวต้มมัดอีกชนิด เป็นข้าวต้มมัดไต้ เป็นข้าวต้มที่ห่อแล้วมัดให้มีลักษณะเหมือนไต้ที่ใช้จุดไฟ ไส้เป็นถั่วทองโขลกกับรากผักชี กระเทียม พริกไทย ใส่หมู มันหมู ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำ น้ำตาลทราย ห่อด้วยใบตองเป็นแท่ง มัดเป็นเปราะ 4-5 เปราะ แล้วนำไปต้ม บางแห่งใช้เป็นขนมไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจีนและสารทจีนด้วย
ยังมีขนมแบบเดียวกับข้าวต้มที่พบได้ในประเทศอื่นอีก เช่น ฟิลิปปินส์ เรียก อีบอส หรือซูมัน และมีขนมชนิดหนึ่งเรียก ข้าวต้มญวน มีลักษณะคล้ายข้าวต้มมัดแต่ห่อใหญ่กว่า ทำให้สุกด้วยการต้ม เมื่อจะรับประทานจะหั่นเป็นชิ้นๆ คลุกกับมะพร้าวขูด เกลือและน้ำตาลทราย
ทั้งข้าวต้มมัดและข้าวต้มลูกโยน มักนิยมทำเป็นขนมในเครื่องไทยทานถวายพระภิกษุในเทศกาลตักบาตรเทโวเทศกาลออกพรรษา และยังนิยมทำเป็นของแจกกันในหมู่ญาติมิตรในเทศกาลออกพรรษาเช่นเดียวกัน และยังเป็นขนมที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในการรับประทานเป็นอาหารว่าง
การทำข้าวต้มมัดในแต่ละภาคของประเทศมีความคล้ายคลึงและแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเพณีและวัฒนธรรม อย่างทาง ภาคใต้ ใช้ข้าวเหนียวกับน้ำกะทิ ไม่มีไส้แต่ใส่ถั่วขาว ไม่นิยมใช้ถั่วดำ ออกรสเค็มเป็นหลัก ห่อด้วยใบพ้อ เรียก “ห่อต้ม” ถ้าห่อด้วยใบมะพร้าว และมัดด้วยเชือกเรียก “ห่อมัด”
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรียกข้าวต้มมัดว่า “ข้าวต้มกล้วย” ใช้ข้าวเหนียวดิบมาห่อ ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย ใส่ถั่วลิสงต้มสุกเคล้าให้เข้ากันแล้วจึงห่อเป็นมัด ใส่ไส้กล้วย เอาไปต้มให้สุก ถ้าเป็นแบบผัด จะผัดข้าวเหนียวกับกะทิก่อนแล้วจึงห่อใส่ไส้กล้วย แล้วต้มให้สุก ถ้าต้องการหวานจะเอามาจิ้มน้ำตาล
ส่วนทางภาคเหนือ นิยมนำข้าวต้มมัดที่สุกแล้วมาหั่นเป็นชิ้นๆ คลุกกับมะพร้าวขูด โรยน้ำตาลทราย เรียก “ข้าวต้มหัวหงอก”
แหล่งที่มาและเรียบเรียง
https://accl.cmu.ac.th/Knowledge/details/1901
https://www.watnyanaves.net/th/book-reading/3/3
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%A7
https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_70983
วัฒนธรรม
พุทธศาสนา
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย