ทุกเรื่องเริ่มต้นจาก “#คน” (#ที่ใช่)
.
ทุกเรื่องที่ผมหมายถึง คือ ทุกเรื่องจริงๆ นะครับ
เรื่องอะไรบ้าง? ขอยกตัวอย่างซัก 3 เรื่องละกัน
.
1️⃣ การหาคู่ชีวิต
เรื่องนี้มันแน่นอนที่สุด ที่เราทุกคนคงจะเคยตกหลุมรักกับใครซักคน ที่อาจจะบังเอิญผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา ด้วยห้วงแห่งความหลงใหล อย่างหัวปักหัวปำ ในช่วงเวลานั้น เราคงใช้แต่อารมณ์จากหัวใจที่เต้นระรัว ตัดสินใจว่า คนนี้แหละใช่ที่สุดแล้ว
.
อารมณ์ในช่วงโปรโมชั่น มันช่างเร่าร้อน โลกเป็นสีชมพูที่ออกเป็นสีกุหลาบแดงแบบจัดๆ ทำอะไรก็ใช่ โกรธงอนกันก็น่ารัก หยาบคายยังไงก็ดูดี มองข้ามนิสัยที่แย่ๆของกันและกันได้
.
เมื่อเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากที่ทนได้ อาจจะไม่อยากทนต่อไป เรื่องที่เล็กก็อาจจะค่อยๆไปขยายจนพองโต สุดท้ายช่วงโปรโมชั่นก็จบลง
.
คนก็เข้ามาแล้วก็หมุนเวียนไป จนมีประสบการณ์ ที่เริ่มดูคนออก “คนที่ใช่อาจจะใช้เวลาที่มากขึ้น” เพราะพิจารณาอุปนิสัยใจคอ ความชอบ การใช้ชีวิต ความเชื่อ ไม่ได้ใช้แค่ใจเพียงอย่างเดียว แต่ใช้สมองมากขึ้น
.
2️⃣ การรับสมัครพนักงานใหม่เข้ามาทำงาน
สัมภาษณ์อย่างไร คนแบบไหนนะที่เราต้องการ คำถามที่อยู่ในหัวของหัวหน้างาน หรือผู้จัดการที่ต้องหาคนมาทำงานร่วมทีม
.
หากคุณผ่านการเป็นผู้สัมภาษณ์พนักงานใหม่มาได้ซักระยะนึง
ก็น่าจะพพอคำถามที่ไว้ใช้เช็คคน ว่าใช่แบบที่ต้องการไหม ทั้งความคิด ทัศนคติ และประสบการณ์การทำงาน แน่นอนว่ามันก็อาจจะไม่ตรง เพราะคนที่มาสมัครงานแล้วให้สัมภาษณ์เขาก็ต้องพูดให้ตัวเองดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะอยากจะได้งานกันทั้งนั้น
.
และเดี๋ยวนี้ก็มีเว็บที่ให้คำถามคำตอบ เอาแล้วซะด้วย คุณลองพิมพ์ใน Google ว่า…
“10 คำถามจิตวิทยา ควรเตรียมให้พร้อมก่อนสัมภาษณ์งาน”
คุณอาจจะเจอว่า…
ทำไมคุณถึงลาออกจากที่ทำงานเก่าล่ะ?
แนวทางการตอบ :
พยายามตอบในแง่บวก เช่น ออกมาเพื่อตามหาสิ่งที่ดีกว่า หลีกเลี่ยงการพูดถึงที่ทำงานเก่าในแง่ลบ เช่น ออกเพราะเจ้านายเก่าที่นิสัยแย่มากๆ เป็นต้น อะไรทำนองนี้
ส่วนในมุมของคนถามก็ต้องไปหาคำถามมา เช่น
คำถามเชิงพฤติกรรม :
ให้ยกตัวอย่างสถานการณ์ยากลำบากที่สุดในการทำงานคืออะไร แล้วคุณทำอย่างไร และผลเป็นอย่างไร?
.
คำถามจิตวิทยา :
ถ้ามีคนเขียนหนังสือประวัติชีวิตของคุณ คุณคิดว่าหนังสือเล่มนั้นควรมีชื่อว่าอะไร?
.
เราก็คงต้องสรรหาคำถามมาถามมากมายเพื่อจะได้รู้จักตัวตนของคนๆนี้ แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้มันก็อาจจะหลอกกันได้
.
แต่เจ้านายผมเคยบอกเอาไว้ ซึ่งตอนนี้ผมก็เชื่อว่ามันจริงนะครับ เขาบอกว่า “คุณสมบัติข้อนึงที่สำคัญมากเวลาผมหาคนมาทำงานด้วยนั่นคือ บ้านจน”
.
ใช่แล้วครับ การที่คนๆนึงมีคุณสมบัติ “#บ้านจน” คือความจนมาแต่กำเนิด มันจะทำให้เด็กคนนี้ต้องอดทนต่อหลายๆเรื่อง มาตั้งแต่เด็กๆ การที่มีทางเลือกในชีวิตน้อย เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาสเข้ามาในชีวิต เขาจะวิ่งสู้ฟัด แบบเฉินหลง
.
เอาจริงๆ ตอนนี้ผมก็มองหาคุณสมบัติ “บ้านจน” ในทุกครั้งที่จะรับสมัครพนักงานใหม่ตามที่เจ้านายผมสอนมา เพราะความสามารถพิเศษเรื่องความอดทน เกิดจาก “#ความจนแต่กำเนิด”
.
3️⃣ การทำการตลาด
การทำธุรกิจต้องเริ่มต้นที่การหา “ลูกค้า” และเราต้องเลือกว่าเราจะดูแลลูกค้ากลุ่มไหน เขาเป็นคนแบบไหน มีปัญหาอะไร ชอบไม่ชอบอะไร ใช้ชีวิตแบบไหน รู้จักเขาให้มากกว่าตัวเขารู้จักตัวเอง แล้วแก้ปัญหาให้เขา ด้วยสินค้าและบริการของเรา แนวคิดมีแค่นี้ถ้าจะทำธุรกิจสำเร็จ
.
มันคือการทำ Market Fit หมายความว่ามีคนที่ต้องการของตลาดสำหรับสิ่งที่คุณขาย
.
ซึ่งอยู่ในขั้นตอน Product-Market Fit
#Market Fit = มีคนที่เป็นลูกค้ามากพอ
#Product Fit = สินค้าที่เราสร้างนั้นดีพอ
.
Product-Market Fit เลยเป็น “#สินค้าและบริการ” ที่สามารถ “#แก้ปัญหา ”ได้ตรงกับความต้องการของ “#ลูกค้า”
.
ดังนั้น ต้องเริ่มต้นจากลูกค้า “คนที่ใช่” ก่อน แล้วจึงไปแก้ปัญหาที่ใช่
.
First, you need product-market fit. Then you can optimize for growth.
บทความโดย : สายัณห์ บุญอาจ | Sayan Bunard
"ชีวิตคือศิลปะแห่งการเติบโต Growth is Life"
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
