11 พ.ย. 2023 เวลา 11:00 • นิยาย เรื่องสั้น

ตอนที่ 7 : สวนโมกข์

สวนโมกข์ในจินตนาการของผู้ที่ไม่เคยมา คงนึกว่าเป็นวัดป่าที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ เสียงคงจะเอ็ดตะโรไปด้วยผู้คนมากมายที่เข้ามาเยี่ยมชมในแต่ละวัน ซึ่งภาพที่ผมได้พบเจอในครั้งแรกนั้น ไม่ต่างกับภาพในจิตนาการมากนัก
ต่างก็ตรงที่ว่า คนมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย แต่กลับเข้ามาอย่างสงบ และออกไปอย่างสงบ ไม่ทิ้งร่อยรอยใดไว้ ไม่หยิบฉวยสิ่งใดไป มีแค่เข้ามาชาร์จพลัง และกลับไปสู้กับชีวิตที่ตนปลีกมา
จุดต่างที่ชัดเจนอีกอย่างคือ คุณจะไม่สามารถพบเจอประตูวัดแบบนี้ ได้จากวัดไหนในประเทศไทยได้เลยนอกจากที่สวนโมกข์เท่านั้น ไร้ซึ่งลายกนก ไร้ซึ่งสีลงรักปิดทองใดๆ มีแค่ซุ้มประตูทรงสี่เหลี่ยมบ้านๆ ที่มีธูปขนาดใหญ่ 5 ก้านอยู่ด้านบนแต่เพียงเท่านั้น
ต้นไม้ที่นี่แต่ละต้นล้วนใหญ่โต หลากหลายชนิดนานาพันธุ์ โบสถ์ที่นี่ก็ยังแปลกตา เพราะไม่มีเสาหรือหลังคา มีลานทรายและต้นไม้คอยให้ร่มเงา
หากคุณเดินตามผมมาจากหน้าประตูสัก 100 เมตร คุณจะพบเจอปฏิมากรรมนูนต่ำอะไรสักอย่างวางอยู่กับพื้น เป็นรูปดอกไม้บ้าง ถ้วยน้ำบ้าง สัญลักษณ์แปลกๆ บ้าง พวกนี้คือรูปเคารพในช่วงแรกของพุทธศาสนา ก่อนที่จะมีการก่อสร้างพระพุทธรูปขึ้นมา ซึ่งอาจารย์พุทธทาสได้สร้างเลียนแบบขึ้น จากสิ่งที่พบเห็นเมื่อครั้งได้เดินทางไปยังอินเดีย รูปเหล่านี้หากมองด้วยใจดีๆ คุณจะพบปริศนาธรรมอยู่ในนั้น
ทางซ้ายมือของเราที่คุณเห็นอยู่ในขณะนี้ คือ reception หรือแผนกต้อนรับของวัด เป็น อาคารปูนเรียบง่าย 2 ชั้น เป็นที่ๆ ผมเคยมาลงทะเบียนคอร์สปฏิบัติธรรม 15 วัน ซึ่งจัดให้เฉพาะพระภิกษุที่สนใจเท่านั้น ส่วนญาติโยมจะจัดแยกต่างหากที่ฝั่งสวนโมกข์นานาชาติฝั่งขะโน้น
ผมลงทะเบียนกับพระอาจารย์ทางด้านหน้า ท่านก็ขอดูหนังสือส่งตัวที่พระอุปัชฌาย์ฝากมาให้ จากนั้นก็ให้ผมเดินดูรอบๆ แถวนี้ดูก่อน ระหว่างที่ท่านเรียกเด็กวัดให้พาผมไปยังค่ายลูกเสือ สถานที่ๆ เราจะอยู่ปฏิบัติธรรมตลอด 15 วันหลังจากนี้
เราต้องเดินไปทางขวาต่อไปเกือบ 1 กิโล ผ่านอาคารสีขาวที่มีรูปโมเสคฟาโรห์อียิปต์กำลังแจกตา ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งนี่จะมีอยู่ในวัดพุทธแบบไทย แต่ก็ชวนให้รู้สึกกระตุกจิตกระชากใจอยู่ไม่น้อย
เดินผ่านมาอีกสักพักเราจะเจออาคารรูปทรงเรือขนาดใหญ่ ที่ไม่รู้เอาไว้ใช้ทำอะไร แต่ด้านล่างของอาคารจะมีห้องสมุดของวัดซุกซ่อนอยู่ โอ้ แค่คิดก็นึกถึงคุณยายบรรณารักษ์แล้ว ว่าตอนนี้ท่านจะเป็นยังไงบ้าง ขอโทษที่ทำให้ต้องแวะหลายที่หน่อยนะครับ นานๆ จะได้กลับมาเสียที ความทคงจำดีๆ เลยผุดขึ้นมาเยอะเลย กันเราเดินทางกันต่อไปอีกนิดนึงก็จะถึงแล้วครับ
เดินมาอีกสัก 5 ร้อยเมตร ผ่านป่าทึบช่วงนึงแล้วเดินข้ามธารน้ำเล็กๆ ตรงนั้นไปสักอีกอึดใจคุณจะเจอถนนเล็กๆ และฝั่งตรงข้ามนั้นจะมีประตูรั้วกั้นอยู่ ซึ่งข้างหน้าจะมีรูปเสือแขวนอยู่ หากคุณเจอรูปนั้นเมื่อไหร่ ใช่แล้วครับคุณเดินมาถึงค่ายลูกเสือแล้ว เดินเข้าไปได้เลย
บริเวณนี้ต้องเงียบเสียหน่อย เพราะเป็นที่พักของพระต่างๆ ด้านในก็จะเป็นลานโล่งๆ รายล้อมไปด้วยกุฏิหลังเล็กๆ มากมาย และตรงกลางไกลๆ นั้น เป็นอาคารรวมที่เราจะใช้ในการปฏิบัติธรรมกัน
ที่อาคารกลางจะมีพระอาจารย์อยู่ท่านนึง ท่านชื่อพระอาจารย์จักรี ท่าจะเป็นคนนำปฏิบัติธรรมตลอด 15 วันนับจากนี้ไป ผมเข้าไปกราบท่านแล้วบอกว่ามาขอปฏิบัติธรรม ท่านก็จะอธิบายกฏกติกามารยาทสักพักนึง แล้วก็มอบข้าวของเครื่องใช้เช่นเทียน ตะเกียง แล้วก็ชี้ไปยังกุฏิเล็กๆ ทางขวามือ แล้วก็บอกให้เอาของไปเก็บและพักผ่อนซะ ตอน 5 โมงเย็นค่อยมาทำวัตรที่นี้และปฐมนิเทศ ส่วนวันพรุ่งนี้จะเป็นการเข้าคอร์ดเต็มตัว
ผมเอาของไปวางไว้ยังกุฏิ ในนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากแคร่ไว้นอนกับหมอนที่ทำมาจากไม้ ...ใช่ครับทำมาจากไม้! มุ้งเมิ้งก็ไม่มี ส่วนเรื่องไฟฟ้าให้ลืมไปได้เลย เหมือนประหนึ่งจะย้ำเตือนเรา ว่ามาปฏิบัติธรรมนะ ไม่ได้มาพักผ่อน และนั่นยังแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ผมลงมาลาและขอบคุณคุณอาที่มาส่ง นับจากนั้นนี้ตาอไปอีก 15 วัน ที่ๆ ผมบอกเสมอว่าบวชทั้งทีอยากจะปฏิบัติให้เต็มที่ไปเลย แม้ผมจะตั้งใจมาขนาดนั้นแล้วก็ตาม
ทันใดนั้นผมก็นึกถึงรูป "เสือ" ที่แขวนหน้าประตูรั้วได้ทันที สงสัยคอร์สปฏิบัติธรรมของของที่นี่จะไม่ "หมู" ซะแล้ว
ขอบคุณสำหรับที่ติดตามอ่านมาโดยตลอดนะครับ เข้าคอร์สที่ค่ายลูกเสือจะเจออะไรบ้าง จากวั้นนี้จะต้องเจออะไร จะทนไหวหรือไม่ อย่าลืมรับชมได้ในตอนหน้าครับ
สวัสดี

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา