16 พ.ย. 2023 เวลา 11:00 • นิยาย เรื่องสั้น

ตอนที่ 9: โจรขึ้นกุฏิ

ผมขอสารภาพตามตรงว่าคอร์สปฏิบัติธรรมในค่ายลูกเสือ ณ ตอนนั้น เป็นอะไรที่หนักหนากับผมมาก โดยเฉพาะในช่วง 7 วันแรก ยิ่งถ้าเรามาจากวัดในเมืองด้วยแล้ว ที่มีข้าวให้กิน 2 มื้อ มีหนังสือให้อ่าน มีไฟฟ้าให้แสงสว่าง แต่ที่นี่สิ่งบรรเทิงใจนี่แทบไม่มีเลย มีแต่ต้องอยู่กับตัวเองตลอดเวลา
สิ่งที่พอจะช่วยให้ใจกระชุ่มกระชวยพระหนุ่มอย่างผมหน่อยในตอนนั้น มันจะมาทุกๆ 7 โมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่เราจะออกไปรับบิณฑบาตตรงโรงครัว เพราะอาหารของสวนโมกข์นั้นอร่อยถูกปากเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะแกงส้มนี่รสชาติจัดจ้านถึงเครื่องแกง ยิ่งถ้าวันไหนใส่ปลากระพงตัวใหญ่ๆ ลงไปนะ เนื้อมันชุ่มฉ่ำมาก ผักก็มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย น้ำพริกก็อร่อยถูกใจจริงๆ วันไหนญาติโยมใจดีหน่อย จะมีทุเรียนหมอนทองกรอบนอกนุ่มใน ให้กินคนละ 1 พูใหญ่ๆ วันนั้นจะมีความสุขมากเป็นพิเศษ ดั่งกับได้โบนัส 6 เดือนอย่างไรอย่างนั้น (ซึ่งผมไม่เคยได้ 😤)
ตกเย็นก็เป็นเวลาที่ชื่นใจ ลองคิดดูว่านั่งสมาธิเดินจงกรมมาทั้งวัน ภาคใต้แดดก็ร้อนตับแล่บ น้ำปานะที่ได้กินหลังจากทำวัตรเย็นเสร็จ เลยอร่อยเป็นพิเศษ แม้ว่าเราจะไม่สามารถเลือกเมนูได้ก็ตาม
จะว่าไปมันก็น่าตลกดีนะครับ ชีวิตในโลกข้างนอก เรามีเงินพอจะซื้อสิ่งของบำเรอสุข แค่เดินเข้าเซเว่นก็มีให้กินแทบทุกอย่างที่อยากกิน แต่พอมีให้เลือกเยอะแยะขนาดนั้น บางครั้งก็เลือกไม่ได้ว่าอยากจะกินอะไรกันแน่ และก็ยืนอยู่หน้าตู้แช่น้ำเป็นนานสองนาน
แต่พอมาเป็นพระและต้องปฏิบัติธรรมตลอดเวลา เคยกินมา 3 มื้อตลอด นี่เหลือ 1 มื้อถ้วนต่อวัน อยากกินอะไรตามจไม่ได้ เลือกได้แต่ว่าจะกินหรือไม่เท่านั้น พอความหิวกลายเป็นผงชูรสชั้นเยี่ยมไปแล้ว ไม่ว่าจะกินอะไรก็เป็นอร่อยเป็นพิเศษไปเสียทุกมื้อ
มีวันหนึ่งระหว่างที่ผมเดินจงกรม อยู่ๆ ก็มีไอเดียผุดขึ้นมาในหัวเยอะแยะมากมาย คิดว่าถ้าสึกไปแล้วลองทำตามนี้มีรวยกันแน่นอน พอทำวัตรเย็นเสร็จเลยรีบกลับกุฏิทันที อยากจะจดไว้กันจะลืมไปเสียก่อน
เอามือล้วงเข้าไปในถุงย่ามที่ได้มาตอนบวช กำลังจะควานหาปากกาและสมุดโน๊ต ดันไปหยิบเจอซองสีขาวซองหนึ่งติดมือมาได้ นั่งงงสักนิดว่าซองนี่มาจากไหน เปิดออกมาดูตกใจแทบจะเป็นลม ในนั้นมีเงินอยู่ปึกนึง 5,000 บาท!
แม่เจ้าเงินไม่น้อยเลยนะเนี่ย
พลางนึกขึ้นได้ว่าโยมพ่อใส่ไว้ให้วันที่บวช บอกว่าญาติเขาลงขันกันเพื่อจะทำบุญใส่ย่ามให้พระใหม่ เผื่อจะได้หยิบได้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่นี่อยู่กลางป่าเขาเราจะเอาไปใช้ที่ไหน แล้วเงินก็มากอยู่เสียด้วย เลยเก็บซ่อนไว้ในบาตรไว้เสียเลย เพราะคิดว่ามิดชิดที่สุด
เช้าวันต่อมา จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยครับ เดินจงกรมนั่งสมาธิไป เหลือบไปมองกุฏิที่มีแค่ไม้ซีกเล็กๆ สอดไว้ไม่ให้ประตูมันแง้มมา ใจมันก็ถูกกดทับด้วยน้ำหนักจำนวน 5,000 บาทตลอดเวลา ยิ่งพอได้ยินพระกุฏิข้างๆ บอกว่า บางคืนได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินไปมารอบกุฏิแล้ว วั้นนั้นหาความสงบไม่ได้เลย
ไอ้เราก็พกเงินมาเยอะสะด้วยสิ
ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย
เห้อ...😤
ยังดีที่วันนั้นเหนื่อยมากๆ ทั้งอากาศร้อนทั้งรบกับความคิดมาตลอดทั้งวัน พอกลับกุฏิหัวถึงหมอนเท่านั้น ก็ปิดสวิตช์หลับไปในทันที แต่มารู้สึกตัวกลางดึกอีกที ตอนได้ยินเสียงคนเดินรอบกุฏิเต็มสองหู 😳
เพิ่งได้ยินเขาเล่าตอนกลางวัน ไม่ทันจะข้ามคืนต้องเจอกับตัวเอง และไม่มีวี่แววว่าจะไปไหนเลยด้วย ทำได้แต่เพียงภาวนาให้ใครคนนั้น จงไปที่ชอบๆ สักที ทำแบบนั้นอยู่สักพักมันก็หลับไปไม่รู้ตอนไหน แต่เหมือนจะหลับได้สักพักใหญ่ก็มีเหตุให้ต้องตื่นอีกรอบ เพราะเสียงเดินที่อยู่ข้างนอก กลายมาเป็นเสียงคนกำลังค้นหาของในอยู่ในกุฏิซะแล้ว
นี่ถ้าในกุฏิมีไฟฟ้านะ โจรมันคงรู้แน่ๆ ว่าไอ้พระที่นอนบนตั่งตัวนี้ มันได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ในกุฏิมันมืดมากๆ ไง ไอ้โจรมันก็คงจะยังไม่รู้ตัว ไอ้เราก็กลัวชนิดจับจิตจับใจ เลยภาวนาในใจว่าอยากได้อะไรก็เอาไป แต่ขอชีวิตกูไว้ก็พอ ภาวนาอยู่อย่างนั้น
มันยังค้นอยู่นานสองนาน ค้นในย่ามไม่เจออะไร เลยเดินมาค้นใหม่อีกมุมนึงที่ผมวางบาตรเอาไว้ โจรสมัยนี้สัญชาตญาณคงดีมากๆ ที่ๆ ไม่นึกว่าจะมีของมีค่าซ่อนไว้ มันก็ยังรู้อีก แล้วนี่มันจะพกมีดหรือปืนมารึเปล่า มันก็คงต้องเอามาด้วยแน่ๆ มันคงจะไม่ประมาทต่อให้เป็นพระก็ตาม
ความกลัวมันกัดกินใจผมเหลือเกิน มันทรมานมากจริงๆ เมื่อไหร่จะเช้าสักทีวะ จะขยับตัวตุกติกก็ไม่ได้ ไม่งั้นเดี๋ยวโจรมันจะรู้ หัวใจเต้นรัวเป็นกลองมโหระทึก แต่ก็ต้องกลั้นหายใจเอาไว้ ถ้าประมาทให้มีเสียงดังเมื่อไหร่ มันได้เอามีดปาดคอตายตรงนี้แน่นอน และแล้วหลังจากเงียบกันมานาน ในที่สุดโจรมันก็พูดว่า
ไอ้พระนี่มีเงินเยอะเหมือนกันแฮะ!
ผมนี่หลุดหายใจออกไปเฮือกใหญ่ ถึงแม้จะไม่มีไฟ แต่ผมได้ยินโจรมันหันกลับมาทางผมเต็มสองหู
ชิบ หาย แล้ว 😱
ภาพผมตัดไปเลยครับคุณ ผมลุกขึ้นตื่นขึ้นมาในที่แห่งหนึ่ง เป็นห้องโล่งกว้าง แสงไฟสว่างจากหลอดนีออนบนเพดาน จนผมต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้
มึงนอนฝันร้ายเหรอวะ?
ผมหันไปยังเสียงต้นตอ เห้ยเหมียว เห้ยไอ้เชี้ยไนท์ มึงมาทำอะไรที่นี่วะ
มึงบ้ารึเปล่า ก็นี่มันห้องกู มึงกับกูเช่าห้องอยู่ไง มึงบ้าป่ะเนี่ย ไอ้ไนท์เพื่อนผมมันด่าเปิงให้
ผมก็งงตาเหลือกดิครับ แต่พอมองไปยังรอบๆ ห้อง มันก็ใช้ห้องที่เราเช่าหอตอนอยู่มหาลัย ไอ้ไนท์ทำหน้างง เหมียวก็ทำหน้างง ผมก็ยังงง แต่พอลองหยิกตัวเองเท่านั้นแหละ กูไม่ได้ฝันไปจริงๆ ว่ะ นี่มันคือเรื่องจริง!
ผมก็สารภาพกับเพื่อนทั้งสองว่า เมื่อกี้กูฝันไปว่ะ กูฝันว่ากูบวชเป็นพระ ไปอยู่สวนโมกข์ ในฝันแม่งโคตรเหมือนจริงอ่ะ กูสามารถบังคับตัวกูในฝันได้ด้วย
พอได้ยินไอ้ไนท์กับเหมียวก็หัวเราะก๊าก มึงไปบวชตอนไหน มึงก็อยู่กับพวกกูที่นี่มาตลอด เมื่อกี้พวกเราก็เพิ่งลงไปกินข้าวร้านป้าอยู่เลย พอขึ้นมาห้องกะว่าจะดูหนังกัน มึงก็ชิงหลับไปก่อน ละเมออะไรของมึงเนี่ย 5555
คุณผู้ชมงงมั้ยครับ
คงไม่งงเนอะ
แต่ผมโคตรงงเลยครับ 😅
ผมก็บอกไอ้ไนท์ไปว่า เอ้าเรอะๆ โอเค เชี่ยเอ้ยวันนี้คงจะเหนื่อยมากจริงๆ ขนาดฝันร้ายขนาดนี้ ก็ยังง่วงอยู่เลย แล้วผมก็ล้มตัวหลับไปอีกครั้ง
ผมรู้สึกตัวตื่นอีกทีตอนได้ยินนาฬิกาปลุก 7 โมงเช้า ผมตื่นขึ้นมาในกุฏิที่เดิมอย่างงงๆ แสงแดดลอดผ่านเข้ามาในกุฏิแม้จะไม่สว่างมาก แต่ก็เห็นอะไรทุกอย่างได้ชัดเจน
ข้าวของยังคงอยู่ดีที่เดิม เห้ย!
ไม่มีรอยขยับเขยื้อนไปไหน เห้ย
เปิดฝาบาตรออกมาดูทันใด เงินก็ยังอยู่ในซองครบถ้วนไม่ขาดสักบาทเดียว อ้าว แล้วเมื่อคืนมันคืออะไรกันวะ
ผมออกไปร่วมกิจกรรมตามเดิม พระอาจารย์ก็ถามว่าทำไมไม่ลงมาทำวัตรตอนเช้า ผมไม่กล้าสารภาพกับแก กลัวว่าแกจะดุว่าบ้า ได้แต่รับปากกับท่านว่า จะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก จากนั้นก็ไปตักข้าวที่โรงครัว แล้วก็มาฉันกับเพื่อนๆ เหมือนเคย
หลังจากล้างบาตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับมาที่กุฏิเพื่อเก็บข้าวของ แล้วมาเดินดูรอบๆ กุฏิก็เห็นรอยเท้าอย่างชัดเจน แล้วต้นยางข้างๆ กุฏิ ก็มีรอยกรีดใหม่ๆ น้ำยางยังคงไหลอยู่ โถ่เอ้ยกูไม่ได้ฝันไป แต่มีคนมากรีดยางจริงๆ นี่กูไม่ได้คิดไปเองแน่นอน แต่พอมันมืดและกลัวมากๆ มันเลยจินตนาการไปต่างๆ นานา โถ่เอ้ย
ณ วันนั้นผมได้เข้าใจเลยว่า กระบวนการของจิตมันช่างน่าพิศวงยิ่งนัก มันมีกลไกบางอย่างคอยปกป้องตนเองจากความเจ็บปวดอยู่
เมื่อมนุษย์ได้รับรู้สิ่งใดสักอย่าง แล้วยิ่งถ้าอยู่คนเดียวในที่มืดๆ แม้แต่เสียงหนูเดินเบาๆ อาจจะพาลให้จินตนาการไปไกลแสนไกล และพอจินตนาการมันหลอกหลอนเราจนกลัวถึงขั้นสุด จนสภาพจิตใจมันไม่อาจจะรับไหวอีกแล้ว มันก็จะมีกลไกลอะไรสักอย่าง ปิดการทำงานเพื่อให้เราหลีกหนีจากความทุกข์ตรงนั้นไป แล้วพาเราไปอยู่ในที่ๆ เรารู้สึกสบายใจแทน
ไม่ต่างอะไรกับคนที่เจอความทุกข์ขนาดหนัก เช่นเสียคนรักต่อหน้าต่อตา แล้วเขาสลบล้มลงไปสิ้นสติ ถ้าหากสติและจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ตื่นขค้มาเป็นบ้าไปเลยก็มี และนั่นคือกลไกการปกป้องตนเองของจิตที่มันทำงานอย่างอัตโนมัติ
โอ้ จิตใจมนุษย์สุดแสนอัศจรรย์
หลอกได้แม้กระทั่งตนเอง
ก็จบไปแล้วนะครับตอนนี้ ต้องสารภาพโดยดี ว่าไม่เคยเล่าให้ฟังที่ไหนมาก่อนเลย เพราะกลัวคนจะหาว่าบ้า แต่พอได้มาศึกษาหลังจากนั้นแล้ว จึงพบว่ากลไกการปกป้องตนเองของสมองหรือจิต มันมีอยู่จริงๆ และนั้นก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ผมได้ประสบกับตนเองครับ
ขอบคุณครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา