11 พ.ย. 2023 เวลา 23:31 • ประวัติศาสตร์

การปฏิวัติของประชาชน

rench Revolution หรือ การปฏิวัติฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่มีความน่าสนใจและควรค่าแก่การศึกษา เป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของฝรั่งเศสจากระบอบกษัตริย์มากเป็นระบอบแบบสาธารณรัฐกินเวลาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 18-19 (เกิดเปลี่ยนแปลงการปกครองหลายรอบ) และส่งผลกระทบไปทั่วทั่งยุโรป ซึ่งการเกิดการปฏิวัติมาจากหลายปัจจัยอย่าง สภาพเศรษฐกิจ การแบ่งชนชั้นทางสังคม แนวคิดเกี่ยวกับประชาธิปไตย และอื่นๆ
การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของฝรั่งเศสทำให้เกิด ความเท่าเทียม ความเสมอภาค ความภราดรภาพ และการเลือกตั้งที่เป็นธรรมไม่ขึ้นตรงต่อชนชั้นใดชั้นชนชั้นหนึ่ง แต่การที่จะได้สิ่งพวกนี้มาชาวฝรั่งเศสก็จำเป็นต้องมีราคาที่ต้องจ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้
การปฏิวัติฝรั่งเศสเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการหลังจากที่ประชาชนได้บุกทลายคุกบัสตีย์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ.1789 เพื่อไปเอาดินปืนมาต่อสู้กับราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ที่นำเงินในประเทศไปสนับสนุนการปฏิวัติที่อเมริกาทำให้เกิดปัญหาด้านการเงินและเศรษฐกิจซึ่งก่อนหน้านี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ได้มีการจัดประชุมสภาฐานนันดรในวัน 5 พฤษภาคม ค.ศ.1789 (จัดการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อสมัยของหลุยส์ที่ 14 )ซึ่งมีทั้งหมด 3 ฐานันดร หนึ่งคือฐานันดรพระ สองคือฐานันดรขุนนาง และสามฐานันดรประชาชนทั่วไป
การทลายคุกบัสตีย์ในปี ศ.ศ.1789 ที่มาของรูป Wiklipedia
เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่การประชุมนั้นไม่ราบรื่นอย่างที่ควร เพราะการแบ่งคะแนเสียงนั้นไม่ยุติธรรมต่อฐานันดรที่สาม ซึ่งมีจำนวนเยอะกว่าฐานันดรที่หนึ่งและสองด้วยจำนวนมากถึง 98%ของประชากรฝรั่งเศส จึงทำให้มีการแยกตัวของฐานันดรที่สาม ไปตั้งเป็นสมัชชาแห่งชาติ (National Assembly)
ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการสถาปนารัฐธรรมนูญขึ้นมา
การปฏิญาณตนที่สนามเทนนิส แหล่งที่มาของรูป Wikipedia
หลักจากตั้งสมัชชาแห่งชาติได้ไม่นาน พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ก็ได้สั่งปลดฌักส์ เน็กแกร์(Jacques Necker) รัฐมนตรีการคลังที่ให้การสนับสนุนสมัชชาแห่งชาติ และสั่งให้ทหารปิดล้อมกรุงปารีสเอาไว้ ด้วยความหวาดกลัวของประชาชนชาวฝรั่งเศสที่ถูกปิดล้อมเมืองหลวง จึงทำให้ประชาชนรวมตัวกันจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธและเตรียมบุกที่โรงพยาบาลเลแซ็งวาลีด (Les Invalides)ในวันที่ 13 กรกฎาคม เพื่อไปเอาปืนและเตรียมบุกที่คุกบัสตีย์ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ.1789 เพื่อไปเอาดินปืน
เหตุการณ์ครั้งนี้นี่เองที่ทำให้เห็นถึงความน่าสยดสยองของการปฏิวัติด้วยการที่ประชาชนได้บุกเข้าไปในคุกบัสตีย์และได้ทำการรุมประชาทัณฑ์ผู้ผู้คุกจนเสียชีวิตกับนำหัวของผู้คุมมาเสียบไม้และเดินขบวนทั่วทั้งเมืองหลวง
ความรุนแรงที่เกิดทำให้ขุนนางบางส่วนได้อพยพขอจากฝรั่งเศส และหลังจากเหตุการณ์นั้นทำพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ต้องรองรับธงกอลร์เป็นประจำชาติแทนธงราชวงศ์บูร์บง ในปี ค.ศ.1790 สมัชชาแห่งชาติได้ประกาศ คำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษย์ชนและสิทธิผลเมือง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหลักประชาธิปไตยของนักคิด ฌ็อง-ฌัก รูโซ (Jean-Jacques Rousseau) ซึ่งประกาศถึงความพยายามที่แทนที่ระบอบการปกครองแบบเดิมด้วยระบอบอำนาจธิปไตรของประชาชน
ธงราชวงศ์บูร์บงกับธงกอลร์ ตามลำดับ ที่มาของภาพ istock กับ Wikipedia
หนึ่งปีต่อมาพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พยายามจะหนีออกนอกประเทศ แต่ก็ถูกจับได้โดยนายทหารคนหนึ่ง จึงทำให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกถอดพระยศ กลายเป็น “พลเมืองหลุยส์ กาเป” ส่วนพระนางมารีอ็องตัวแน็ตที่เดินทางมาพร้อมกับพระองค์ก็โดนชะตากรรมคล้ายๆกัน
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ขณะถูกจับกุม ที่มาของรูป Alamy
แต่ด้วยพระนางมารีอ็องตัวแน็ตมีพระเชษฐาคือพระเจ้าลีโอโปลด์ที่ 2 ที่เป็นถึงจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ควบกับตำแหน่งกษัตริย์แห่งออสเตรียอีก พระเจ้าลีโอโปลด์ที่ 2 ทำการรองรับสถานภาพกษัตริย์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และประกาศสงครามกับฝรั่งเศสร่วมกับชาติพันธมิตรที่หวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลงของฝรั่งเศส
ในปีเดียวกันการร่างรัฐธรรมนูญได้เสร็จพอดีทำให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สภาสมัชชาแห่งชาติ) กลายเป็นสภานิติบัญญัติ (Legislative Assembly)ซึ่งภายถูกเปลี่ยนสภาสภากองวังเชียง (National Convention)
ในวันที่ 21 มกราคม ค.ศ.1793 พลเมืองหลุยส์ กาเปก็ได้ถูกนำตัวขึ้นแท่นกิโยตินที่ปลาส เดอ ลา กงกอร์ด (Place de la Concorde) และถูกตัดหัวในที่สุดส่วนพระนางมารีอ็องตัวแน็ตก็ต้องพบกับชะตากรรมเดียวกับพลเมืองหลุยส์ กาเปในเวลาต่อมา
การประหารหลุยส์ กาเป ที่ปลาส เดอ ลา กงกอร์ด ในปี ค.ศ.1793 ทีมาของรูป Wikipedia
หลังจากพระเจ้าหลุยที่ 16 ถูกประหาร ฝรั่งเศสก็ได้เข้าสู่จุดที่วุ่นวายที่สุด เพราะนอกจากจะต้องทำบริหารจัดการภายในประเทศแล้ว ยังต้องเจอศึกนอกจากชาติในยุโรปต่างๆอีก ในปีต่อมากลุ่มฌากอแบ็ง (Jacobin) ได้ขึ้นเป็นใหญ่ในสภากองวังเชียง ซึ่งได้นโยบายที่รุนแรงและโหด หลายอย่างและได้ลดอำนาจของคริตจักรลง
ช่วงที่ฌากอแบ็งขึ้นมามีอำนาจเป็นช่วงเวลาที่ฝรั่งเศสเต็มไปด้วยการนองเลือดทำให้เรียกยุคนี้ว่า”ยุคสมัยแห่งความหวาดกลัว”จากความคิดที่หลากหลายหลังจากการโค่นล่มกษัตริย์ลง ทำให้ใครก็ตามที่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิวัติจะถูกนำตัวขึ้นแท่นกิโยตินทันที ทำให้มีคนตายไปมากหมื่นกว่าคน ซึ่งความรุนแรงเหล่านี้เป็นคำสั่งมาจาก มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์ (Maximilien Robespierre) ซึ่งภายหลังเขาก็ได้ถูกประหารด้วยเครื่องกิโยตินในวันที่วันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ.1794 เนื่องจากความโหดร้ายและบ้าอำนาจของเขา
รูปวาดของ มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์ ที่มาของรูป Wikipedia
ในปี ค.ศ.1795 ได้มีการตั้งคณะดิเร็กตัวร์(Directory)ประไปด้วยดิเร็กเตอร์ 5 ทำหน้าบริหารและมีสภาอาวุโส(Council of Ancients)กับสภา500(Council of Five Hundreds) ถ่วงดุลอำนาจ กลุ่มฌอกอแบ็งที่พึงเสียอำนาจไปก็ไม่พอใจ จึงได้มีการประท้วงเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นได้แต่แปป การประท้วงก็ได้หยุดลงด้วยกระสุนปีนใหญ่หนึ่งนัด จาก นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte)
นโปเลียน เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆจนทำเหล่าดิเร็กตัวต้องส่งตัวนโปเลียนไปรบที่อียิปต์กับกองทัพอังกฤษ ถึงแม้นโปเลียนจะพ่ายแพ้กลับมาในปี ค.ศ.1799 แต่ความนิยมของตัวเขาที่ต่อประชาชนไม่ได้ลดลงไปเลย ทำให้หลังที่นโปเลียนกลับมาเขาก็ทำการยึดอำนาจจากพวกดิเร็กตัวจากการรวมมือของดิเร็กตัวที่อยู่ฝ่ายเขา
น โปเลียน โบนาปาร์ต ในสมัยหนุ่มๆ ที่มาของรูปistock
และในปีเดียวกันนี้เองก็ได้มีการจัดตั้งคณะกงสุล (Consulate) ที่มี 3 คนรวม นโปเลียนด้วย หลังจากนั้น นโปเลียน ก็ได้ขึ้นเป็นกงสุลใหญ่(First Consul) และในปี ศ.ศ.1804 นโปเลียนก็ได้แต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ นโปเลียนที่ 1 ถือเป็นเริ่มยุคจักรวรรดิที่ 1 แห่งฝรั่งเศส
จักรพรรดิ นโปเลียนที่ 1 ที่มาของรูป Thairath
นโปเลียน ด้วยความที่เป็นทหารมาก่อนเลยทำมีนิสัยที่ชอบทำสงคราม ทำให้ในช่วยที่เขาอยู่ในอำนาจและทำสงครามกับนาๆประเทศเรียกว่าช่วงสงครามนโปเลียน(Napoleonic War) ซึ่งจบลงความพ่ายแพ้ของนโปเลียนที่สมรภูมิวอเตอร์ลู
และถูกเนรเทศไปยังเกาะเซนเฮเลนาอย่างโดดเดี่ยว
การปฏิวัติฝรั่งเศสนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการเปลี่ยนระบอบการปกครองจากระบอบกษัตริย์มาเป็นประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ เป็นการเปลี่ยนที่นองเลือดและต้องแลกด้วยชีวิตของผู้คนมากมาย บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์การปฏิวัติฝรั่งเศส ที่เกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ.1789-1815 ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดของเหตุการณ์การปฏิวัติฝรั่งเศส แต่ถึงจะเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ก็มีความสำคัญและควรค่าต่อการศึกษาเรื่องราวเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์
หากข้อมูลผิดพลาดกระการใดผมขออภัยไว้มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ☺️
โฆษณา