Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
29 พ.ย. 2023 เวลา 07:27 • ประวัติศาสตร์
เมื่อนักเต้นสาวโนเนมฟ้องร้อง “MGM” บริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่แห่งฮอลลีวู้ด
บริษัท “Metro-Goldwyn-Mayer” หรือ “MGM” คือบริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ในฮอลลีวู้ด และเป็นเจ้าของภาพยนตร์ดังในปัจจุบัน เช่น ภาพยนตร์ชุด “เจมส์ บอนด์ (James Bond)” รวมทั้งภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง “Gone With the Wind” และภาพยนตร์ดังอีกหลายเรื่องที่ทุกคนรู้จักกันดี
แต่ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน บริษัทนี้ก็เคยมีเรื่องพัวพันอื้อฉาว เกี่ยวข้องกับเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศและเป็นเหมือนตราบาปสำคัญของบริษัท
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ลองมาดูกันครับ
MGM
ในปีค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) พนักงานขายของ MGM ได้ข่มขืนนักเต้นวัย 20 ปี และเมื่อนักเต้นผู้นั้นจะเอาเรื่อง บริษัทก็หาทางปกปิดและทำลายชื่อเสียงของเธอจนยับเยิน และกว่าเรื่องนี้จะได้รับการพิสูจน์ เวลาก็ผ่านมานานกว่า 66 ปี
สาวนักเต้นผู้นั้นคือหญิงที่ชื่อ “แพทริเซีย ดักลาส (Patricia Douglas)”
ดักลาสนั้นเกิดที่มิสซูรี่ สหรัฐอเมริกาในปีค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) โดยดักลาสและผู้เป็นแม่ได้ย้ายไปอาศัยยังฮอลลีวู้ดตั้งแต่ดักลาสยังเด็ก และดักลาสก็หางานเป็นนักเต้น
แพทริเซีย ดักลาส (Patricia Douglas)
หลังจากดักลาสออกจากโรงเรียนตอนอายุ 14 ปี ดักลาสก็ได้มีโอกาสพบกับดาราดังหลายคน หากแต่เธอก็ไม่เคยสำมะเลเทเมา ไม่เคยแม้แต่ออกเดทกับใคร และก่อนจะอายุ 16 ปี ดักลาสก็ได้บทตัวประกอบเป็นนักเต้นในภาพยนตร์อย่าง “This is Africa” และ “Gold Diggers” ในปีค.ศ.1933 (พ.ศ.2476)
เมื่อถึงปีค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) ดักลาสยังคงอาศัยอยู่กับแม่และรับบทตัวประกอบเล็กๆ ในสตูดิโอยักษ์ใหญ่อย่าง MGM และในช่วงเวลานี้เอง MGM ได้จ้างดักลาสพร้อมกับนักเต้นอีก 120 คนให้มาแสดงในงาน Wild West Show
1
ดักลาสเข้าใจว่านี่เป็นการจ้างให้แสดงเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์เหมือนงานที่ผ่านๆ มา แต่เธอไม่รู้เลยว่าความจริงแล้วเป็นอย่างไร
จริงๆ แล้วงานนี้เป็นงานที่ MGM จัดขึ้นโดยเชิญพนักงานขายของ MGM จากทั่วประเทศมาร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันห้าวัน โดยเป็นงานเลี้ยงเพื่อฉลองที่บริษัททำกำไรได้เกินเป้า
ในงานนี้ “หลุยส์ บี. เมเยอร์ (Louis B. Mayer)” หัวเรือใหญ่และผู้ร่วมก่อตั้ง MGM รวมทั้งเหล่านักเต้นซึ่งรวมทั้งดักลาส ได้ร่วมกันต้อนรับเหล่าพนักงานขายด้วยตนเอง
เมเยอร์ได้กล่าวแก่แขกทั้ง 300 คนว่า
“สาวๆ ที่น่ารักเหล่านี้ และท่านจะได้คนที่ดีที่สุดมาต้อนรับ ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราคิดยังไงกับท่าน รวมทั้งช่วงเวลาดีๆ ที่กำลังรออยู่ ทุกอย่างที่ท่านต้องการ”
หลุยส์ บี. เมเยอร์ (Louis B. Mayer)
บริษัทยังขนเหล้าและแชมเปญอีกกว่า 500 หีบมายังงาน และให้ดักลาสกับสาวๆ นักเต้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดวับๆ แวมๆ ก่อนจะพามายังจุดที่เปลี่ยวซึ่งจะใช้จัดงาน
ในงานนั้น พนักงานขายวัย 36 ปีที่ชื่อ “เดวิด รอสส์ (David Ross)” ได้ไล่ต้อนดักลาส พยายามจะลวนลามเธอ ซึ่งดักลาสก็หนีไปเข้าห้องน้ำ หากแต่รอสส์ก็ยังตามไป
ดักลาสพยายามจะขอความช่วยเหลือจากพนักงานทำความสะอาด ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ดักลาสที่ถูกลวนลาม แต่นักเต้นคนอื่นๆ ก็โดนเช่นกัน โดยภายหลัง พนักงานเสิร์ฟในงานรายหนึ่งได้กล่าวถึงงานนี้ว่า
“นี่เป็นงานที่แย่ ป่าเถื่อน เน่าเฟะที่สุดที่ฉันเคยพบเจอ”
เดวิด รอสส์ (David Ross)
รอสส์นั้นยังพยายามจะลวนลามดักลาส โดยดักลาสได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่าดักลาสและผู้ชายอีกคนนั้นจับเธอกดลงกับพื้น ชายคนหนึ่งบีบจมูกเธอ ทำให้เธอหายใจไม่ออกเลยต้องอ้าปากเพื่อสูดอากาศ ชายเหล่านั้นเลยกรอกเหล้าใส่ปากเธอ ซึ่งเธอก็พยายามขัดขืน แต่ผู้ชายเหล่านั้นกลับหัวเราะลั่นและมองเป็นเรื่องตลก
ดักลาสรีบวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ ก่อนจะหนีออกมา หากแต่รอสส์ก็ยังตามเธอไป ก่อนจะเข้าข่มขู่เธอ โดยรอสส์กล่าวว่า
“ส่งเสียงสิ และเธอจะไม่ได้หายใจอีกเลย”
จากนั้นรอสส์ก็ลากดักลาสเข้ามายังหลังรถที่จอดอยู่ในที่จอดรถและทำการข่มขืนเธอ และเมื่อดักลาสทนไม่ไหว กำลังจะหมดสติ รอสส์ก็ตบหน้าและตะโกนใส่หน้าดักลาส
“ฉันต้องการให้เธอตื่น”
หลังจากถูกข่มขืน ดักลาสก็รีบไปยังโรงพยาบาลในท้องถิ่น ซึ่งเธอก็ถูกชำระล้างร่างกาย ก่อนที่แพทย์จะทำการตรวจร่างกายดักลาส และก็ไม่น่าแปลกใจที่แพทย์จะไม่พบอะไร เนื่องจากร่างกายของดักลาสนั้นถูกทำความสะอาดและกำจัดหลักฐานทิ้งทั้งหมดแล้ว
ดักลาสนั้นไม่ทราบเลยว่าแพทย์ที่ทำการตรวจเธอนั้นเป็นแพทย์ประจำบริษัท MGM และแพทย์ก็ลงความเห็นว่าดักลาสนั้นไม่ได้ถูกข่มขืน
อีกสองวันต่อมา ดักลาสก็กลับไปที่ MGM เพื่อโวยวาย เรียกร้องความเป็นธรรม แต่แทนที่ MGM จะแสดงความรับผิดชอบ บริษัทกลับไม่พูดอะไรและจ่ายเงินค่าจ้างจำนวน 7.50 ดอลลาร์ (ประมาณ 260 บาท) ที่เป็นค่าจ้างในการไปเต้นในงานให้ดักลาส
ดักลาสก็ไม่ยอมแพ้ เธอได้ตรงไปยังสำนักงานอัยการเขตลอสแอนเจลิส และฟ้องดำเนินคดีต่อรอสส์
อัยการเขตในเวลานั้นคือ “บิวรอน ฟิตส์ (Buron Fitts)” ซึ่งเพิ่งจะได้รับเลือกกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งเพียงแค่หกเดือน หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเขาถูกฟ้องว่าให้การเท็จในคดีข่มขืน
บิวรอน ฟิตส์ (Buron Fitts)
และแน่นอนว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังและคอยสนับสนุนเงินทุนให้ฟิตส์ ก็คือ MGM ซึ่งเป็นคู่กรณีของดักลาส
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ฟิตส์จะไม่สนใจคำร้องของดักลาส ดักลาสจึงจ้างทนายของตนเองและบอกกับฟิตส์ว่าถ้าเขาไม่ทำอะไรซักอย่าง เธอจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งสื่อ
ดักลาสทำอย่างที่พูดจริงๆ เธอเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้นักข่าวฟัง แต่ในปีค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) หนังสือพิมพ์ปฏิเสธที่จะพิมพ์คำว่า “ข่มขืน (Rape)” ดังนั้นพาดหัวข่าวจึงกล่าวว่าเธอนั้นถูก “ทำมิดีมิร้าย (Ravish)” ในระหว่างงานเลี้ยงของสตูดิโอ
หนังสือพิมพ์ได้ลงชื่อนามสกุลจริงของดักลาส ในขณะที่คู่กรณีฝ่าย MGM นั้น มีการปกปิดชื่อ และเมื่อข่าวตีพิมพ์ออกไป MGM ก็โต้กลับด้วยการทำลายชื่อเสียงของดักลาส
มีการจ้างเจ้าหน้าที่ให้ทำการปล่อยข่าวให้ร้ายดักลาสและกดดันคนอื่นๆ ในงานเลี้ยงให้ปกปิดเรื่องการข่มขืนนี้ โดยนักเต้นสองรายถูกบังคับให้กล่าวว่าดักลาสนั้นไม่ปกติและเมาหนัก ส่วนคนอื่นๆ ก็ต้องให้ข่าวว่างานเลี้ยงนั้นเป็นไปได้ด้วยดี ปราศจากสิ่งมัวหมอง และ MGM ก็ทำถึงขนาดพยายามจะกดดันแพทย์ของดักลาสให้โกหกว่าดักลาสนั้นเป็นหนองใน
คดีของดักลาสได้ขึ้นศาลและตัดสินโดยคณะลูกขุนใหญ่ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) โดยทนายของรอสส์ก็ได้ชี้หน้าดักลาสและกล่าวว่า
“ดูเธอสิ ใครจะไปอยากได้เธอกัน?”
MGM ยังทำการติดสินบนเจ้าหน้าที่บริเวณลานจอดรถที่เห็นเหตุการณ์ตอนดักลาสกรีดร้องและกำลังวิ่งหนีรอสส์ โดยบริษัทเสนอว่าจะให้งานอะไรก็ได้ที่เจ้าหน้าที่รายนี้อยากได้ในบริษัทหากยอมร่วมมือ ซึ่งสุดท้าย เขาก็ยอมร่วมมือ และก็ได้งานเป็นคนขับรถประจำบริษัท MGM ไปตลอดชีวิตการทำงาน
ด้วยหลักฐานปลอมของฝ่าย MGM ที่เหนือกว่า ทำให้คดีนี้ถูกตีตกไป แต่ดักลาสก็ยังไม่ยอมแพ้ ได้เดินหน้าฟ้องคดีแพ่งต่อเจ้าหน้าที่ MGM หากแต่คดีนี้ก็ตกไปอีกเนื่องจากทนายของดักลาสทิ้งคดีเพื่อลงเลือกตั้งอัยการเขต ทำให้ดักลาสพ่ายแพ้ในที่สุด
แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้มากว่า 60 ปี ดักลาสซึ่งอยู่ในวัยชราก็ได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์นี้อีกครั้ง โดยในปีค.ศ.2007 (พ.ศ.2550) สารคดีที่ชื่อ “Girl 27” ได้นำเสนอเหตุการณ์นี้ต่อสาธารณชนรุ่นใหม่
ดักลาสเสียชีวิตในปีค.ศ.2003 (พ.ศ.2546) ด้วยวัย 86 ปี
References:
https://allthatsinteresting.com/patricia-douglas
https://www.vanityfair.com/news/2003/04/mgm200304
https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/how-a-hollywood-studio-got-away-rape-1937-1057432/
https://faroutmagazine.co.uk/how-hollywood-abused-patricia-douglas/
ประวัติศาสตร์
ภาพยนตร์
4 บันทึก
12
4
4
12
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย