12 ม.ค. เวลา 00:38 • ไลฟ์สไตล์
เกาะเกร็ด

🛣 บทเรียนรู้รายทาง : ความหวัง ความไม่สมหวัง และ สิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง

🤏 เพราะความบังเอิญโดยแท้ ที่แวะเที่ยวน้ำตกมวกเหล็ก สระบุรี ก่อนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ
แล้วมองไปเห็นป้ายปักอยู่ข้างต้นไม้ บริเวณทางเข้าน้ำตก สื่อสารข้อความไว้ให้คิดตามดีว่า...
🏜 ผู้ที่ปลูกต้นไม้ คือ ผู้ที่ปลูกความหวัง (He who plants a tree, plants a hope.)
Lucy Larcom กวีและนักเขียนหญิงชาวอเมริกัน
เลยกลายเป็นทั้งจุดสะดุดใจ และจุดเริ่มต้นทางความคิดให้ผูกโยง
ขยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางท่องเที่ยว 2 วัน กับ 1 คืน
ในทริปสุดท้ายของปี 2566
ให้กลายเป็นเรื่องราวของความหวังในมุมต่าง ๆ หลากหลายแนว
ลองไปสัมผัสเรื่องราวของความหวัง...ความไม่สมหวัง...และสิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง
ซึ่งพัฒนากลายเป็นบทเรียนรู้จากเหตุการณ์จริง ที่พบเจอรายทาง ใกล้ ๆ ตัวเรากันครับ
🤏 เรื่องเริ่มต้นมาจาก...
ผมและเพื่อนเก่า ซึ่งเคยเรียนชั้นมัธยมต้นด้วยกัน เมื่อหลายสิบปีก่อน
มีนัดหมายกินเที่ยวด้วยกันเป็นระยะ
ทั้งแบบวันเดียวจบ และแบบค้างคืน
1-2 คืน
โดยครั้งนี้ พวกเราเหมารถตู้ มาเที่ยวรับลมหนาวต้นฤดูกันที่ เขายายเที่ยง เป็นเวลา 2 วัน กับ 1 คืน ระหว่างวันที่ 29 - 30 พ.ย.66
กำหนดออกเดินทางวันที่ 29 พ.ย.66 เวลา 6.30 น. ที่บ้านเพื่อนแถบห้าแยกปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
การเที่ยวครั้งนี้ เริ่มต้นได้ดี ตรงที่ผมมาถึงที่นัดหมายก่อนเวลาเป็นครั้งแรก จากปกติที่มาสาย เข้าข่ายขาประจำ (ฮา) 😄
พอทุกคนมาครบ จึงเริ่มออกเดินทางในเวลา 7 โมงเศษ ๆ มาถึงรีสอร์ท (บ้านริมผา ฟ้าสวย) ซึ่งตั้งอยู่บนเขายายเที่ยง ประมาณบ่าย 3 โมง ใช้เวลาเกือบ 8 ชั่วโมง
นั่งคุย นั่งหลับ (ก็มี) ในรถ 😚
ทั้งที่โดยปกติ ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงเศษ ๆ ก็ถึงแล้ว แต่พวกเราแวะเที่ยวรายทางและพักกินข้าวมาด้วย
เพื่อให้มาถึงพอดีกับระยะเวลาที่แม่บ้านทำความสะอาดห้องพักแล้วเสร็จ ประมาณ บ่าย 2 โมง
👨‍💻 บทเรียนรู้ที่ได้รับ : การเดินทางมาถึงที่นัดหมายก่อนเวลา ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย และเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความสุข ที่มาทันเวลาตามที่เพื่อน ๆ คาดหวังไว้
ถึงแม้จะมาทราบภายหลังเมื่อถึงปลายทางแล้วว่า...เพื่อน ๆ นัดผมก่อนเวลานัดเพื่อนคนอื่น ๆ ไว้ครึ่งชั่วโมง (ฮา)
แต่ตอนขากลับเข้ากรุงเทพฯ กลับกลายเป็นหนังคนละม้วน เพราะเพื่อน ๆ รอผมขึ้นรถเป็นลำดับสุดท้ายเช่นเดิม...
สุขอยู่ดี ๆ เพียงข้ามวัน กลับหาทุกข์เข้ามาแทนที่ (ซะอย่างนั้น) 🤢
รายทางที่แวะเที่ยว แวะทาน และแวะซื้อ
🐢 เริ่มต้นจากตลาดมวกเหล็ก
ที่ตั้งใจกันแต่แรกในรถว่า จะแวะซื้อของกินสัก 2-3 อย่างไว้เป็นเสบียงเพิ่มเติม เสริมเมนูอาหารในที่พัก แต่กลับกลายเป็นว่า...
หลังจากได้ลองชิมรสชาติกันคนละคำสองคำเป็นที่ถูกอกถูกใจแล้ว 🥲
นอกจากจะซื้อไว้เป็นเสบียง ต่างคนต่างซื้อตุนกลับบ้านตั้งแต่ขามา แทนที่จะเป็นขากลับ (ฮา) 🙂
ทั้งหมูสวรรค์ เนื้อสวรรค์ หมูฝอย กะหรี่พั๊ฟ ไปฝากสมาชิกในครอบครัว มูลค่ารวมกันเจ็ดแปดพันบาท
ทำเอาเจ้าของร้านยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ คาดไม่ถึงว่า จะขายดิบ ขายดี แต่เช้า
จึงตอบแทนพวกเราด้วยการชั่งน้ำหนักเกินแบบหยวน ๆ ไปหลายถุง แถมให้
ชิมเต็มที่ ช้อปเต็มมือ ชั่งเกินใจ
👩‍💻 บทเรียนรู้ที่ได้รับ : เวลาที่เราแวะซื้อของกิน ของฝากในย่านตลาดท่องเที่ยว เรามักจะเจอการเชิญชวนให้ทดลองชิมอาหารของแต่ละร้านที่คล้าย ๆ กัน
หลังชิมไปแล้ว เมื่อตัดสินใจซื้อจากร้านใดร้านหนี่ง ร้านนั้นย่อมสมหวัง ในขณะที่อีกหลายร้านอาจผิดหวังอยู่บ้าง ซึ่งเป็นธรรมดาของการค้าขาย
โดยร้านที่สมหวัง พวกเราสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มของแม่ค้าที่คงไม่ได้คาดหวังมาก่อนว่า
จะมีลูกค้ามาอุดหนุนซื้อสินค้าตั้งแต่เช้า รวมกันหลายพันบาท ในช่วงที่คนโดยทั่วไปชะลอการใช้จ่าย 🎅
ซึ่งน่าจะมีผลต่อกำลังใจอยู่ไม่น้อยที่จะทำของใหม่มาขาย(ภายใต้ความหวัง) ในวันต่อไป
ในส่วนของร้านที่ไม่สมหวัง ก็คงไม่ถอดใจอย่างง่าย ๆ เช่นกัน
เพราะยังมีลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ที่จะแวะเข้ามา สร้างสีสันแห่งโอกาสและความหวัง (ใหม่) ให้ทั้งวันนี้และวันหน้า 💓
ถุงเต็มเก้าอี้ข้างคนขับ ตั้งแต่ขาไป
🐁 สถานที่ต่อมา วัดป่าภูหายหลง
ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่บ้านซับสำราญ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
จุดเด่นของวัด คือ พระอุโบสถที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสุด โดยมีพระประธานที่สวยงาม ประดิษฐานอยู่ด้านใน
โบสถ์ และพระประธานในโบสถ์
การขึ้นไปกราบไหว้ สักการะ ต้องเดินขึ้นบันไดพญานาค ไปมากกว่า 100 ขั้น
จึงเป็นการวัดใจ และพิสูจน์ความศรัทธาไปในตัว รวมทั้งฝึกวางจิตรวมไว้ที่เรื่องเดียวเพื่อก้าวผ่านบันไดแต่ละขั้น คล้าย ๆ การฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง🚶‍♂️🚶‍♀️
ทั้งนี้ บริเวณโดยรอบพระอุโบสถ สามารถเดินชมวิวธรรมชาติได้รอบทิศ แถมยังได้สัมผัสลมเย็น ๆ ที่พัดเข้ามาตลอดเวลา แม้จะอยู่ในช่วงเวลาเที่ยงเศษ ๆ
วิวธรรมชาติมองจากบันไดโบสถ์
หลังจากโพสท์ท่าถ่ายรูปเป็นที่พอใจ พร้อมกับทำบุญหยอดปัจจัย ลงในตู้รับบริจาค อิ่มอกอิ่มใจกันถ้วนหน้าแล้ว
🥤พวกเราแวะมาอุดหนุนร้านกาแฟในวัด (นำรายได้บำรุงวัด) และนั่งพักไปในตัว โดยไม่ได้คิดตั้งความหวังไว้มากนักถึงรสชาติความอร่อย เพราะถือโอกาสทำบุญไปในตัว
มุมกาแฟในวัด
...แต่ผลกลับกลายเป็นว่า รสชาติกาแฟจากพี่ผู้หญิงคนชง วัย 70 ปีเศษ ที่ยังไม่นับรวมอัธยาศัยใจคอ ฝีมือดีเกินกว่าที่คาดคิดไว้ว่าจะมีในวัด
เลยต่างพร้อมใจกันชูนิ้วโป้ง 👍👍 สื่อความหมายว่า อร่อย ทำให้พี่คนชงที่อุทิศตนทำหลายหน้าที่ในวัดมาหลายสิบปี เกิดรอยยิ้มอย่างมีความสุข😊
พอสร้างความคุ้นเคยกันได้บ้าง พวกเราก็เลยชวนพี่คุยเรื่องนั้น เรื่องนี้ พี่ที่แม้จะยุ่งก็ยังตอบคำถามด้วยไมตรีจิตเป็นที่ชื่นใจกันถ้วนหน้า
🧑‍💻 บทเรียนรู้ที่ได้รับ : ตอนใกล้ถึงวัด พวกเราพากันเดา คาดหมายชื่อวัดไปในทำนองว่า..
วัดนี้คงมีคนหลงทางมา พอเจอวัด แล้วหายหลง ก็เลยเรียกชื่อว่า วัดป่าภูหายหลง
แต่พอมาค้นหาในภายหลัง จึงทราบความหมายลึกซึ้งกว่าที่
"หลงคาดคิดและเดา" ไว้หลายเท่า (ฮา)
เพราะมีความหมายว่า "ดินแดนแห่งความหลุดพ้นจากความหลงทั้งปวง" 💚
ถือเป็นบทเรียนที่ดี
ที่ไม่ควรหลงคาดคิดแบบฟันธงไปก่อน โดยไม่เผื่อใจไว้สักนิดหนึ่งว่า...
สิ่งที่เราเห็นอาจจะเป็นและไม่เป็นเช่นนั้น เช่นนี้ ก็ได้
เพราะมีตัวอย่างข้อพิสูจน์ที่เด่นชัดแล้วว่า... ร้านกาแฟในวัด ก็อร่อยได้ไม่แพ้คาเฟ่กาแฟทั่วไป 🤫😘
วัดที่มีความหมายลึกซึ้ง
🚉 หลังพ้นจากอาณาเขตวัด
แต่ละคนเริ่มคิดถึงพื้นที่ท้องของตัวเอง และตกอยู่ในอาการหิวพอ ๆ กัน 🍜
พอมีเพื่อนคนหนึ่งตั้งคำถามว่า "เราหาที่กินข้าวกันก่อนนะ..?" ทุกคนตอบ "โอเค" โดยไม่ต้องถามซ้ำหรือย้ำให้แน่ใจ
พร้อมกับเห็นตรงกัน ให้สุ่มหาร้านแถบลำตะคองเป็นหลัก พอรถตู้ขับมาถึงบริเวณดังกล่าว น้องคนขับค่อย ๆ ลดความเร็วลง เหมือนรู้ใจพวกเราที่คอยจ้องดูทีละร้าน
โดยใช้เกณฑ์ดูจากจำนวนคนในร้านและรถที่จอดหน้าร้านเป็นหลัก 🚙🛻
จนเกือบจะถึงร้านสุดท้าย
สำนวนที่ว่า "ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม" มาเจอเข้าพอดีกับสำนวน..."เราถอยไปไม่ได้อีกแล้ว" ในที่สุดต้องตัดสินใจแล้ว ครับ...
"เลือก เมื่อถึงคราวต้องเลือก" 👊
ในที่สุด ร้านที่พวกเราเลือก...มองเห็นวิวลำตะคองอยู่ไกลแสนไกล ไม่เป็นไปอย่างที่ใจคาดคิดไว้
ส่วนเมนูที่สั่งมารับประทาน 5-6 อย่าง บางรายการสมหวัง
บางอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง 🍱
โดยเฉพาะ "ส้มตำโคราช" อาหารตำรับท้องถิ่น ที่ชวนให้อยากลิ้มลอง แต่รสชาติผิดคาด เพราะออกเค็มไปนิดหนึ่ง แต่ทางร้านก็ทำจานใหม่ทดแทนให้
สรุปโดยรวมแล้ว การเลือกร้านของพวกเรา ยังไม่ถึงกับเป็นไปตามสำนวนที่ว่า "เลือกนัก มักได้แร่" เพราะอย่างน้อยบางเมนูก็รสชาติถูกปาก ช่วยคลายหิวให้เบาลงได้
👨‍🏫 บทเรียนรู้ที่ได้รับ : ผลการเลือกร้านกินข้าว ทำให้ได้เรียนรู้ว่า การตั้งความหวังเป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ก้าวเดินไปสู่สิ่งนั้น
แต่จะต้องพร้อมยอมรับถึงผลที่เกิดขึ้นด้วยว่า จะไม่สมหวังในทุกสิ่ง แต่ก็ไม่ผิดหวังไปทุกอย่าง เฉกเช่นชีวิตจริงของคนเรา
เมื่อหายหิว ท้องพออิ่ม พวกเราก็เดินทางต่อ มาถึงที่พักประมาณ 3 โมงเย็น 🏘🏡
ไม้ยืนต้นในรีสอร์ท
เมื่อมาถึงที่พัก ในจังหวะที่ผมรีบเดินไปยังจุดให้บริการลูกค้า สิ่งแรกที่สะดุดตา
คือ ภาพของพนักงานผู้ชายกำลังง่วนพรวนดิน ปลูกต้นไม้ประดับ สีส้มปนดำ สวยแปลกตา ลงในแปลงต้นไม้
ผมนึกในใจว่า เดี๋ยวจะมาถ่ายภาพจังหวะการง่วนอยู่กับต้นไมั
ของน้อง...ที่บ่งบอกถึงความตั้งใจ
แต่หลังจากผมคุยเรื่องที่พักกับพี่หมี เจ้าของรีสอร์ท เสร็จเรียบร้อย พี่หมีก็ตะโกนเรียก "ลูกน้อง" ทันทีทันใด
"นุ้ย...เอ้ย.. วางงานต้นไม้ก่อน นะ ไปช่วยขนกระเป๋าให้แขกก่อน"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใจผมเสียดายขึ้นมาทันทีเลย เพราะ นุ้ย คือ คนเดียวกันกับน้องผู้ชายที่กำลังปลูกต้นไม้ 🏕
ทำให้แผนที่คิดไว้ในใจว่า เดี๋ยวจะมาถ่ายรูปน้อง ไม่ทันซะแล้ว...
แต่ก็มีแผนรองรับไว้ว่า วันรุ่งขึ้นก่อนกลับบ้าน จะเอ่ยขอต้นไม้ที่น้องนุ้ยปลูก ไปปลูกที่บ้าน สักสองสามต้น...
สุดท้ายก็ลืม
ในขณะที่มาทราบทีหลังว่า เพื่อนผมสองคนก็วางแผนไว้เช่นกัน
แล้วทำตามแผน ได้ต้นไม้ติดไม้ติดมือ
กลับไปปลูกที่บ้านอย่างผู้ตั้งใจปลูกความหวังต่อไป
👩‍🏫 บทเรียนรู้ที่ได้รับ : หากคิดจะทำอะไรตามที่คาดหวังไว้ แม้เป็นเรื่องเล็ก ๆ ให้เริ่มต้น หรือรีบทำโดยทันที อย่ามัวแต่คิด และจด ๆ จ้อง ๆ จนเวลาผ่านไป พลาดทั้งโอกาสที่จะทำและความหวังที่จะได้
อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ได้ทั้งภาพถ่ายและต้นไม้ แต่ภาพของสิ่งที่เกิดขึ้น ได้กลายเป็นภาพจำ ที่นำไปใช้ขยายความคิดในเรื่องอื่น ๆ ได้ต่อไป 🧡
ดอกไม้สีสดสวย นางแบบสดใส ในรีสอร์ท
🤸‍♂️ หลังจากนำกระเป๋าเก็บในที่พักเรียบร้อยแล้ว พวกเราใช้เวลาครู่หนึ่ง เดินชมวิว บริเวณรอบ ๆ ที่พัก
ต่อจากนั้น พากันนั่งรถขึ้นไปบนผายายเที่ยง เพื่อไปทำกิจกรรมยิงหนังสติ๊กปลูกต้นไม้
ผายายเที่ยง(ไม่กล้าเดาที่มาของชื่อ)😇
ซึ่งเพิ่งมาทราบว่ามีกิจกรรมนี้ เมื่อเดินทางไปถึงบริเวณอ่างเก็บพักน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
จุดติดต่อขึ้นรถสองแถวไปผายายเที่ยง
พวกเรายิงหนังสติ๊กที่หน้าผากันอย่างสนุกและเพลิดเพลิน โดยที่ตัวผมเอง รวมทั้ง(คิดแทน)เพื่อน ๆ ต่างก็ไม่ได้ "คาดหวัง"
มากมายนักว่า เมล็ดพันธ์ต้นไม้ที่ยิงลงไปจากหน้าผา คนละ 10 กว่าเม็ด
จะเติบโตเป็นไม้ใหญ่ได้สักกี่ต้นในวันใด (ระดับความคาดหวังต่างไปจากประโยค "ผู้ที่ปลูกต้นไม้ คือ ผู้ที่ปลูกความหวัง")
เพียงแต่มีความสุขใจเล็ก ๆ ที่มีส่วนช่วยรักษาสมดุลทางธรรมชาติไว้ในอนาคต ซึ่งจะคืนกลับให้คนรุ่นต่อไป
เหมือนอย่างที่พวกเราได้รับอากาศบริสุทธิ์จากต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่โดยรอบในพื้นที่ป่าแห่งนี้
ท่าง้างยิงหนังสติ๊กปลูกต้นไม้
ผลพลอยได้อีกอย่าง คือ ได้รำลึกย้อนหลังถึงชีวิตที่สนุกไปตามประสาเด็ก เคยจับหนังสติ๊กไล่ยิง นก กา และแม้กระทั่งหมาข้างบ้าน (ฮา)🐕
ตลอดจน ได้สัมผัสถึงอัธยาศัยไมตรีของน้องผู้ชาย ผู้แนะนำการยิงหนังสติ๊กให้พวกเรา
ที่ทำหน้าที่เป็นช่างภาพไปในตัว คอยถ่ายภาพในมุมต่าง ๆ พร้อมคำแนะนำการโพสท์ท่าหลากหลายท่าทางเก็บไว้เป็นที่ระลึก
😃โพสท์ท่าให้ถ่ายในท่าที่พอใจ🥰
อย่างที่นึกไม่ถึงว่า จะมีผู้มีจิตใจดี ดูแลพวกเราที่เป็นคนแปลกหน้าได้ประทับใจเช่นนี้ 💌
👨‍🏫 บทเรียนรู้ที่ได้รับ : กิจกรรมยิงหนังสติ๊กปลูกต้นไม้ เป็นวิธีการง่าย ๆ
ที่ดีวิธีหนึ่งในการปลูกฝังให้ประชาชนมีส่วนร่วมรักษาพื้นที่ป่าด้วยความสนุกและเพลิดเพลิน
แถมมีผู้ที่มีน้ำใจคอยแนะนำการยิงหนังสติ๊ก และเป็นช่างภาพไปในตัว
ทำให้ได้เรียนรู้ว่า การที่ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้ล่วงหน้า แล้วได้เจอสิ่งนั้นอย่างที่ไม่ได้คาดคิด หรือเกินกว่าที่คาดคิดไว้ ช่วยทำให้เรามีความสุขและประทับใจอย่างไม่รู้ลืม
และพลอยให้คิดต่อไปว่า...น้ำใจ และอัธยาศัยไมตรีคนไทย เป็นสมบัติอันล้ำค่าที่จะต้องช่วยรักษาและส่งต่อกันให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสืบต่อไป
เพราะจะช่วยให้ผู้คนต่างถิ่น และชาวต่างชาติที่มาเยือนเกิดความประทับใจอย่างไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย
🌗 ยามเย็นถึงค่ำมืด
เมื่อเดินทางกลับมาที่อ่างพักน้ำของ กฟผ. อีกครั้ง พวกเราเดินชมวิวรอบ ๆ อ่างพักน้ำ ชมทิวทัศน์ลำตะคอง ทุ่งกังหันลม และเก็บภาพสวย ๆ ยามเย็นกันอีกพักหนึ่ง
ไม่ต่างไปจากนักท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั้งไทยและเทศที่มาเดินและถ่ายภาพกัน
ทุ่งกังหันลม & ลำตะคอง
พอแดดเริ่มหมด พวกเรากลับเข้าที่พัก อาบน้ำ อาบท่า
พร้อมสั่งอาหารเย็นเมนูง่าย ๆ จากที่พักมารับประทานร่วมกัน เป็นต้นว่า ข้าวผัดหมู ข้าวผัดแหนม แหนมผัดไข่ ผัดคะน้าหมูกรอบ และยำวุ้นเส้น
เสริมด้วยเสบียงที่ซื้อเผื่อไว้ตอนเช้า อาทิ หมูฝอย และเนื้อเค็ม
หมูฝอย & เนื้อเค็ม
บรรยากาศการกินผสมการคุยกับเพื่อนเก่าที่รู้จังหวะการพูดและแซวกัน ภายใต้อากาศที่เย็นสบาย
ทำให้อาหารธรรมดามื้อนี้ ซึ่งก็อร่อยเกินคาด เพราะมาจากฝีมือและความตั้งใจของคนทำ กลายเป็นมื้อหนึ่งที่อบอุ่นอยู่ในความทรงจำร่วมกัน
👩‍🏫 บทเรียนรู้ที่ได้รับ : การได้พบปะ พูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองกันในหมู่เพื่อนวัยเก่าที่ผ่านโลกมากันบ้างแล้ว ทั้งสมหวังบ้าง ไม่ได้ดั่งหวังบ้าง ช่วยให้...
🌏 โลกที่แคบ กลายเป็นโลกที่กว้าง
โลกที่คิด และแบกไว้คนเดียว กลายเป็นโลกที่มีคนร่วมคิด และร่วมแบก
โลกที่ได้ยินเสียงหัวเราะที่เคยชินเพียงเสียงเดียว กลายเป็นโลกที่ได้ฟังเพลงประสานเสียงหัวเราะที่แตกต่างเข้าด้วยกัน 🌍
🌞 โลกยามเช้ามืดจนถึงฟ้าสาง
เช้ามืดวันรุ่งขึ้น (วันที่ 30 พ.ย.66) ช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้าเศษ ๆ พวกเรารีบตื่น พากันเดินไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นเหนือเขาที่ฟากฟ้าตรงข้าม และชมวิวด้านหน้าผาเมื่อมองจากที่พัก 🌄
สังเกตุจากสีหน้า แววตาและการโพสท์ท่าถ่ายภาพโดยใช้วิวหน้าผาและภูเขาเป็นฉากถ่ายทำตามลีลาของแต่ละคนแล้ว
มีเวลาใกล้ชิดกับดวงอาทิตย์
อ่านใจได้ทันทีว่า...ทุกคนพึงพอใจกับธรรมชาติยามเช้าที่นาน ๆ สักครั้ง จะมีเวลาได้เห็นดวงอาทิตย์ค่อย ๆ โผล่ขึ้น และได้ยินเสียงหมู่นก กา ร้องขับขานแทนเสียงจากยวดยานพาหนะในเมืองกรุง 🦜🕊
รางวัลชีวิต : รอคอยดวงอาทิตย์ค่อย ๆ..
แถมได้สูดอากาศบริสุทธิ์และสัมผัสถึงความเย็นสดชื่นกันถ้วนหน้า ซึ่งธรรมชาติมอบให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ
หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศยามเช้ากันเต็มที่แล้ว งานถนัดถัดไป คือ การรับประทานอาหารมื้อเช้าที่รีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ แนวไข่กะทะ ข้าวต้ม และข้าวผัด รสชาติอร่อย สมหวัง
เสร็จจากการกิน จนอิ่มท้อง ทุกคนพากันเดินกลับไปยังบ้านพัก เพื่อทำธุระส่วนตัว และเก็บกระเป๋า
เหลือเพียงผมที่ขอจิบกาแฟร้อน ๆ อีก 1 ถ้วย นั่งรับลมเย็น ๆ และแสงแดดอ่อน ๆ อีกเกือบครึ่งชั่วโมง ☕
ปล่อยใจไปกับวิวทิวทัศน์...และคิดแล่นไปแว้บหนึ่งว่า...ช่างคุ้มค่าจริง ๆ ที่มีเวลาเช่นนี้ผ่านเข้ามาในชีวิต...
พอตกสาย ๆ เวลา 10 โมงเศษ (เศษที่เกิดขึ้นมาจากรอคอยผม) พวกเราก็เดินทางออกจากที่พักมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพ ฯ
โดยวางแผนแวะกลางทางที่ น้ำตก มวกเหล็ก สระบุรี เพื่อปูเสื่อกินข้าวกลางวัน แนวข้าวเหนียว ส้มตำ(นัดล้างตา) ไก่ย่าง น้ำตกหมู และเที่ยวไปด้วยในตัว
🧑‍🏫 บทเรียนรู้ที่ได้รับ : โลกยามเช้าที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ อาจแลดูเป็นเรื่องธรรมดาของผู้คนที่มีถิ่นพำนักอยู่ใกล้ป่าเขา ลำเนาไพร
แต่จะเป็นเรื่องพิเศษสำหรับคนในเมืองกรุง ชานกรุง ที่ไม่มีโอกาสมาสัมผัสบ่อยนัก
อาการดื่มด่ำตามที่โหยหาไว้ และตั้งความหวังจะมาเยือนอีกจึงเกิดขึ้น
และพร้อมที่จะบอกต่อให้คนอื่น ๆ มาลองสัมผัสกัน
ส่วนจะสมหวังเหมือนกันไปทุกคน หรือไม่ ยังขึ้นอยู่ที่เงื่อนไขของแต่ละคน และสถานการณ์แวดล้อมที่ไม่อาจคาดเดาได้
อนึ่ง ตอนเดินทางออกจากที่พักเวลา 10 โมงเศษ โดยเศษที่เกิดขึ้นมาจากรอคอยผมตามเคย นั้น...
ทำให้ความหวังที่ผมจะค่อย ๆ ลบภาพจำเรื่องมาสายตอนขามา ต้องกลับไปแก้ตัวใหม่ จนกว่าเพื่อน ๆ จะเชื่อใจ
💕 ขอโทษด้วย น้า..เพื่อน ๆ ทุก ๆ คน
🚃 เมื่อมาถึงน้ำตก
หลังรถตู้ขับมาถึงน้ำตกมวกเหล็ก สระบุรี ราว ๆ 11 โมงครึ่ง พวกเราแบ่งหน้าที่กัน ให้เพื่อนผู้หญิงไปซื้อของกิน
ส่วนเพื่อนผู้ชายให้ทำหน้าที่เบา ๆ ยืนรออยู่ใกล้ ๆ ที่รถตู้จอด (ฮา)🤩 และคอยเตรียมอุปกรณ์สำหรับนั่งปิคนิค จำพวกเสื่อ และกระติกใส่น้ำแข็ง
ในจังหวะที่ผมและเพื่อนชายยืนรออยู่นั้น มีรถมอเตอร์ไซค์ ขายลอตเตอรี่ 🛵
วิ่งเข้ามาจอดเทียบท่า แล้วเชิญชวนให้ซื้อ ด้วยคำพูดที่จุดประกายแห่งความหวัง ในฐานะ "ผู้ขายความหวัง" ตามมาเป็นชุด 🪂
"พรุ่งนี้ หวยออกนะคะ"
"มารับโชคกันค่ะ"
"งวดนี้ออกสลากสัญจรที่ โคราช นะคะ"
ผมกับเพื่อนชายอีกคน "ผู้ซื้อความหวัง" เลยคล้อยตามคำชักชวนอย่างง่าย ๆ พากันเสี่ยงไปคนละใบสองใบ
ผู้ซื้อเคลิ้มคำชวนของผู้ขายความหวัง
ถัดมาจากนั้น เป็นลูกค้าที่เหมารถตู้มาเที่ยวน้ำตกเช่นเดียวกัน เดินมาเลือกเลขสวย ๆ ตามที่ตัวเองคิดฝันไว้
หนึ่งในนั้น... จากการทักทายพูดคุยกัน เคยเป็นอาจารย์สอนวิชาสถิติ มาด้วย (ว้าว !) 💥 ผมเลยถือโอกาสถามว่า
"อาจารย์ ครับ หากเราใช้วิชาการทางสถิติ และความน่าจะเป็นมาซื้อหวย มีโอกาสจะถูกหวยบ้าง หรือไม่ครับ"
ได้รับคำตอบกลับมาทันทีอย่างน่าคิดว่า
"หากเราคิดจะซื้อหวย ให้ทิ้งหลักการของตำราสถิติ และความน่าจะเป็น ไปชั่วคราว ครับ"
"แล้วมาว่าด้วยเรื่องของดวง และโชค ลาภ อย่างเดียว ครับ" (ผมและเพื่อนพร้อมใจกัน...ฮา ฮา..😍🙃)
ว่าแล้ว อาจารย์ก็หยิบเลขที่ต้องการไป 2-3 ใบ ผมก็เลือกอีก 1 ใบ เพื่อเปิดประตูดวงให้กับตัวเอง และทิ้งหลักการชั่วคราวตามอาจารย์ไปในทันที
พร้อมกับสร้างความหวังเล็ก ๆ ขึ้นในใจมาทดแทน 😃
คล้อยหลังอีกไม่นาน เพื่อนผู้หญิงที่ทำหน้าที่ซื้อของกิน เดินกลับมาเห็น ก็พากันไปรุมซื้อกันอีกคนละใบ สองใบ
😃 ปลูกความหวังร่วมกันหลายต้น 😄
รวมทั้งใช้เงินกองกลางที่เหลือจากการลงขันท่องเที่ยว เลือกซื้อไว้อีกหลายใบ หนึ่งในนั้นที่พยายามจะหา แต่ไม่มี คือ เลข 335
ซึ่งมีที่มาจากราคากาแฟที่ซื้อในวัด รวมกัน 335 บาท (ช่างหาเลขมาอ้างอิงแท้ ๆ (ฮา)) ด้วยความหวังที่จะรับโชคร่วมกันในวันรุ่งขึ้น 🤝
เสร็จจากภารกิจซื้อลอตเตอรี่ พวกเราก็เดินหิ้วของกิน และของอื่น ๆ เข้าไปเขตพื้นที่ด้านในของน้ำตก
🧑‍🤝‍🧑 ระหว่างที่เดินเข้าไป ไม่ไกลจากปากทางมากนัก ผมก็พบกับจุดเปลี่ยนสำคัญของการคิด 💣
และเป็นที่มาของการเขียนเรียบเรียงเรื่องนี้(ซะยืดยาว) ✍
เพราะสายตาเหลือบมองไปเห็นป้ายที่ปักอยู่ข้างต้นไม้ ซึ่งทำจากกระดาษสีขาวขนาด A4 หุ้มพลาสติกใส พิมพ์ข้อความไว้สะดุดใจดีว่า
"ผู้ที่ปลูกต้นไม้ คือ ผู้ที่ปลูกความหวัง" (He who plants a tree, plants a hope.)
...plants a hope.🏝
หลังจากอ่านข้อความจบ แทนที่สมองผมจะพุ่งความสนใจไปยังความเกี่ยวข้องกันระหว่างการปลูกต้นไม้และความหวัง
ผมกลับเริ่มคิดเชื่อมโยงเข้ากับลอตเตอรีหลายใบที่เพิ่งลงทุนซื้อไป แล้วนึกถึงประโยคเลียนแบบเอาใจตัวเองตามขึ้นมาในทันใดว่า...
"ผู้ที่ซื้อลอตเตอรี่ คือ ผู้ที่ปลูกความหวัง" (ไม่น้อยไปกว่ากัน) (ฮา) 🤫
ส้มตำ(นัดล้างตา)@น้ำตก
เมื่อเดินทางกลับถึงบ้านพักตัวเอง แม้จะอ่อนเพลียและง่วงนอนมาก แต่ก่อนจะนอน ยังอุตส่าห์คิดคาดหวังตอกย้ำว่า..
วันรุ่งขึ้น (1 ธ.ค.66) ซึ่งเป็นวันหวยออก ขอถูกรางวัลใด รางวัลหนึ่ง สักใบนะ (ฮา) 😉
ผลปรากฏว่า ไม่ถูกสักใบ ทั้งใบของผมและของเพื่อน ๆ รวมทั้งใบที่ใช้เงินกองกลางซื้อ โดยเฉพาะผมเอง นั้น ไม่ถูกต่อเนื่อง มาจนถึงงวดสิ้นปี 2566
😂ปลุก&ปลูกความหวังให้ตัวเอง🤣
ทำไมชีวิตในปีนี้ ช่างเต็มไปด้วยความผิดหวัง น้า... (ร้องเฮ้อ และร้องไห้..รำพันอยู่ข้างใน) 🥵
🧑‍🎓 บทเรียนรู้ที่ได้รับ : เรื่องของ หวย ทำให้ได้เรียนรู้เทียบเคียงไปยังเรื่องอื่น ๆ ว่า
อย่าตั้งความหวังในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ หรือหวังผลตอบแทนสูงจากสิ่งที่เราไม่ได้ลงมือทำเอง หรือเพิ่งเริ่มลงมือทำ
โดยที่ยังไม่ได้ทุ่มเทความคิดอ่าน
รวมทั้งกำลังกาย และจิตใจ ลงไปอย่างเต็มที่
เข้าทำนองว่า "ลงทุนน้อย แต่หวังผลตอบแทนสูง (จัง)"
หรือแม้แต่ลงทุนไปมาก แบบทุ่มสุดตัวทั้งแรงกาย แรงใจ และเม็ดเงินไปแล้ว
ก็อย่าเพิ่งตั้งความหวังไว้ว่า
จะได้ผลอย่างที่มั่นหมายไว้ ต้องเผื่อใจไว้รับความไม่สมหวังที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
ดังกรณีซึ่งเคยเกิดขึ้นกับชาวสวนทุเรียนแถบภาคตะวันออกรายหนึ่ง
ที่เคยได้ฟังมาว่า เตรียมนัดหมายคนซื้อมาตัดลูกทุเรียนในวันรุ่งขึ้น
พร้อมกับคิดตัวเลขรายรับหลักล้าน
ไว้ในใจจากทุเรียนหลายร้อยต้น
กลับเจอกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่คาดคิด ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
ทุเรียนร่วงหล่น เสียหายยับ ความหวังที่ตั้งไว้พังทลายไปในพริบตา...อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น จากภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้
เลยทำให้เจ้าของสวนคิดไปไกลว่า
น่าจะเป็นเรื่องของดวง และโชคที่ไม่เข้าข้าง
ซึ่งไม่ต่างไปจากการลงทุนซื้อลอตเตอรี ที่วัดกันด้วยดวง และโชคลาภ เป็นหลักสำคัญ
💭 อืม..? บางครั้ง บางคราว โลกนี้ก็ช่างหาจุดลงตัวในคำอธิบายได้ยาก ทั้งความหวังที่มาจากการลงทุนที่น้อย และลงทุนอย่างทุ่มเท
👉 บทส่งท้าย
เขียนไป...เขียนมา จากจุดเริ่มต้นที่เห็นป้ายว่าด้วยความหวังของผู้ปลูกต้นไม้ ทำท่าตอนท้ายจะหลงทางกลายเป็นเรื่อง หวย (ที่เป็นความหวังเช่นกัน) แทน ซะแล้ว (ฮา)
ถ้าอย่างนั้น ขอสรุปรวบยอด หาทางลงจากต้นไม้และหวย แบบนี้ว่า...
ในการดำเนินชีวิตจริงของเรา ต่างลงทุนปลูกความหวังกันไว้ ซึ่งผลที่ได้ มีทั้งสมหวังและไม่สมหวังในสิ่งที่ได้ลงทุนไป
หากสมหวังจะได้รับความสุขเป็นรางวัลตอบแทน
แต่ถ้าไม่สมหวัง จะได้รับทุกข์เข้ามาแทนที่
หมุนเวียนสลับกันไป ไม่มีสุข หรือทุกข์อย่างเดียว
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะสุข หรือ ทุกข์ มากน้อย เพียงไหน ขึ้นอยู่กับว่า ได้ตั้งความหวังไว้ระดับใด และมองผลที่เกิดขึ้นด้วยทัศนคติแบบไหนด้วย
ถ้ามองอย่างผู้ที่ปลูกความหวัง เราจะปลูกต้นไม้ได้ทุกวัน
ซึ่งไม่ต่างไปจากชาวนาที่ปลูกข้าวได้ทุกปี โดยไม่หวังเพียงผลที่จะได้จากข้าวเท่านั้น
แต่รอคอยความหวังยาวไกลไปถึงผลสำเร็จของลูกในวันข้างหน้าที่มาจากน้ำพัก น้ำแรงของข้าวที่ปลูกเก็บเกี่ยวไว้กิน แบ่งขาย สร้างฐานะ และสร้างลูกไปพร้อมกัน👩‍🍼
🙏 ขอบคุณมากครับ
มุมชัย นัยสอิ้ง
(🤳 อ่านมาซะยาว จะพักสายตาสั้น ๆ ไปหาเลขสวย ๆ ติดไม้ ติดมือ เปิดประตูดวงไว้ ใบสองใบ ก็ได้นะครับ🥰)
และขอขอบคุณ 🙏
(1) ผู้คิดและทำป้ายปลูกต้นไม้และความหวังไว้ที่น้ำตกมวกเหล็ก สระบุรี
(2) รายการ "โลกยามเช้า" ทางคลื่น FM 96.5 อสมท. ดำเนินรายการโดย
อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล ทุกเช้าวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 05.00 - 06.00 น.
ที่กระตุ้นให้ตื่นนอนขึ้นมาทุกเช้าด้วยพลังแห่งความหวัง
(3) เพื่อนร่วมทางพร้อมภาพถ่ายที่บันทึก และน้องฑูรย์ คนขับรถตู้ รวมทั้งผู้คนรายทางที่เจอะเจอ ทักทาย และพูดคุยกัน
โฆษณา