30 พ.ย. 2023 เวลา 11:55 • การเมือง

“สงครามหน้าหนาวปีที่ 2” “ตะวันตกเหนื่อยล้า” “รัสเซียเร่งเพิ่มเสบียงกระสุน”

ในช่วงสิ้นปีที่สองของสงครามรัสเซีย-ยูเครน นักวิเคราะห์ชาวตะวันตกเห็นพ้องกันว่าสถานการณ์ของกองทัพยูเครนกำลังย่ำแย่ และฤดูหนาวที่มาถึงนี้เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้น อันเกิดจากการขาดแคลนอาวุธที่ส่งมาจากชาติตะวันตกและสถานการณ์ที่ยากลำบากในแนวหน้า กอปรกับสถานการณ์ยังซับซ้อนยิ่งขึ้นจากการที่รัสเซียกำลังจัดการเพื่อเพิ่มอัตราการผลิตอาวุธ ซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบที่รัสเซียมีเหนือกว่าในปี 2024 ตามบทความของ The Wall Street Journal
3
ในขณะเดียวกัน The Economist ก็เขียนคอลัมน์เกี่ยวกับความเหนื่อยล้าของชาติตะวันตกกับสงครามในยูเครน โดยเรียกมันว่าเป็น “อุปสรรคหรือศัตรูร้ายตัวใหม่” ของยูเครน ก่อนหน้านี้เซเลนสกีก็เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไทม์บอกว่า “เขาถูกตะวันตกหักหลัง” สามารถอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมตามที่ทางเพจได้ลงไว้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
ทางเพจขอสรุปและเล่าประเด็นหลักจากเนื้อหาของคอลัมน์ล่าสุดจากของทั้ง The Wall Street Journal (WSJ) และ The Economist ในบทความนี้ตามด้านล่าง
คอลัมนิสต์ของ WSJ คือ Marcus Walker ได้ตั้งข้อสังเกตเป็นอันดับแรกว่ารัสเซียมีโอกาสเสริมกองทัพได้ดีกว่ายูเครนอย่างมาก เนื่องจากกองทัพยูเครนซึ่งประสบความสูญเสียอย่างหนักระหว่าง “การคุ้มกันที่บัคมุต” และ “การรุกโต้ตอบในช่วงฤดูร้อน” ทำให้สูญเสียและขาดกำลังทหารราบที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
3
วอล์คเกอร์เขียนว่าปัญหาดังกล่าวยังคงมีอยู่ต่อไปเนื่องจากระบบการเกณฑ์ทหารของยูเครนที่มีข้อบกพร่องซึ่ง “เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน” ถึงกับที่กองทัพยูเครนต้องชดเชยความสูญเสียดังกล่าวด้วยชายวัยกลางคน 40 กว่าๆ ที่มักถูกส่งไปยังสนามเพลาะโดยไม่ได้รับการฝึกอย่างดีก่อน
5
ยิ่งไปกว่านั้นยูเครนยังต้องเผชิญกับปัญหา “การขาดแคลนกระสุนในคลังแสง” ในสงครามที่มีปืนใหญ่เข้ามามีบทบาทสำคัญ ตามการคำนวณของ Michael Kofman เจ้าหน้าที่อาวุโสของคลังสมอง Carnegie Endowment ระบุว่าในช่วงฤดูร้อนยูเครนใช้กระสุนปืนใหญ่ไป 220,000 – 240,000 นัดต่อเดือน
6
ตอนนี้เขาคาดว่าอัตราการใช้กระสุนปืนใหญ่จะลดลงเหลือ 80,000 – 90,000 นัดต่อเดือน แต่ตัวเลขเหล่านี้ก็ยังสูงกว่าอัตราการผลิตของสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปในปัจจุบันอย่างมาก คือประมาณ 28,000 และ 25,000 นัดต่อเดือน ตามลำดับ ส่วนฝั่งรัสเซียได้นำหน้าเรื่องอัตราการผลิตกระสุนเหนือฝั่งตะวันตก รวมถึงยังได้รับเพิ่มเติมจากเกาหลีเหนืออีกด้วย
อย่างไรก็ตามกองทัพรัสเซียยังไม่สามารถบรรลุความก้าวหน้าที่มีนัยยะสำคัญได้ แม้ว่าจะมีข้อได้เปรียบในด้านกำลังทหารและอาวุธก็ตาม แม้แต่ใน Avdeevka ซึ่งกลายเป็นแนวรบหลักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กองทหารรัสเซียกำลังเคลื่อนตัวแบบช้าๆ โดยต้องแลกมาด้วยการสูญเสียกำลังพล วอล์คเกอร์กล่าว
2
แต่กระนั้นปัญหาที่ร้ายแรงสุดสำหรับฝั่งยูเครนคือ การลดการสนับสนุนทางทหารจากกลุ่มประเทศตะวันตกโดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นแกนหลัก เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา สภาคองเกรสสหรัฐฯ ผ่านงบประมาณชั่วคราวสำหรับช่วง 45 วัน แต่ไม่มีเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ยูเครนอีก 6 พันล้านดอลลาร์
1
ในเวลาเดียวกัน “โจ ไบเดน” ให้คำมั่นกับเซเลนสกีว่า ความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกาจะไม่หยุดลง “ลอยด์ ออสติน” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกล่าวสิ่งเดียวกันเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ระหว่างการเยือนเคียฟ
2
ส่วน The Economist ตั้งข้อสังเกตว่า การยกเลิกปิดกั้นความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครนยังคงอยู่กับวุฒิสมาชิก และหากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่างงบประมาณได้ก่อนวันคริสต์มาส การจัดสรรเงินช่วยเหลือใหม่ให้กับเคียฟก็อาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน 2024 หากทรัมป์ชนะ เขาอาจหยุดให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนโดยสิ้นเชิง
3
สื่อดังกล่าวเขียนว่า ยูเครนต้อง “เผชิญกับฤดูหนาวที่มืดมนในสภาวะที่มีความไม่แน่นอนอย่างมาก” กองทัพยูเครนยังไม่สามารถบุกทะลวงตำแหน่งของรัสเซียในแนวหน้าได้ รัสเซียก็กำลังเพิ่มการผลิตอาวุธในตอนนี้ ส่วนพันธมิตรที่สำคัญของเคียฟ ถูกรบกวนจากสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา
4
พันธมิตรตะวันตกของยูเครนเผชิญกับความท้าทายของตนเอง อาวุธและกระสุนที่ประเทศในยุโรปสามารถถ่ายโอนไปยังยูเครนกำลังจะหมดร่อยหรอ และหัวหน้าฝ่ายการทูตของยุโรป Josep Borrell ก็ได้ยอมรับเองแล้วว่าสหภาพยุโรปจะไม่สามารถชดเชยความช่วยเหลือทางทหารที่สหรัฐฯ ถูกระงับไว้ได้
3
หลังจากที่สภาคองเกรสสหรัฐฯ ระงับเงินทุนสำหรับยูเครน เยอรมนีกล่าวว่ามีแผนจะเพิ่มการสนับสนุนเคียฟเป็นสองเท่าในปี 2024 เป็น 8.5 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามในไม่ช้าศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีก็ตัดสินใจว่าจำเป็นต้องทบทวนงบประมาณของรัฐบาลกลางทั้งหมด
1
ดังที่ The Economist เขียนไว้ อาจมีการแทรกแซงแผนของรัฐบาลเยอรมนีสำหรับการช่วยเหลือยูเครน นอกจากนี้สหภาพยุโรปไม่น่าจะสามารถปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาในการจัดหากระสุนจำนวนหนึ่งล้านนัดให้กับเคียฟได้ในหนึ่งปี ตามที่ให้ไว้ในเดือนมีนาคม 2023
2
คอลัมนิสต์ของ WSJ ยังระบุในบทความด้วยว่า ผู้สนับสนุนยูเครนฝั่งตะวันตกโดยรวมแข็งแกร่งกว่ารัสเซียมาก โดย GDP รวมของสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอังกฤษ มีมูลค่าประมาณ 45 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าของรัสเซียถึง 20 เท่า แต่รัสเซียกำลังใช้ความพยายามมากขึ้น โดยนำเข้าเทคโนโลยีผ่านประเทศที่สาม และก้าวข้ามเพดานราคาน้ำมันด้วยความช่วยเหลือจากกองเรือเงา
แต่ปัจจัยลบที่เพิ่มเข้ามาคือ “ความไม่มั่นคงและขาดความเป็นหนึ่งเดียวทางการเมืองในสหภาพยุโรป” วอล์คเกอร์ระบุ “มันทำให้ทั้งสหภาพยุโรปดูอ่อนแอลงอย่างมาก นี่เป็นปัญหาใหญ่ไม่เพียงแต่สำหรับเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสหภาพยุโรปด้วย” อดีตรัฐมนตรีการต่างประเทศของยูเครน “พาเวล คลิมคิน” กล่าวกับ WSJ ดังที่ The Economist ตั้งข้อสังเกตไว้ ยูเครนกังวลว่าหากไม่มีการสนับสนุนจากอเมริกา ชาวยุโรปอาจเสียกำลังใจอย่างรวดเร็วไปด้วย
3
ปัญหาทางการเมืองในยุโรปที่ขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ยกตัวอย่างคือ
  • นายกรัฐมนตรีฮังการี “วิคเตอร์ ออร์บาน” ซึ่งกำลังขู่ว่าจะวีโตแพ็คเกจความช่วยเหลือใหม่แก่ยูเครน
  • รัฐบาลใหม่ของสโลวาเกียนำโดย “ฟิโก” นายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ลดความช่วยเหลือทางทหารไปยังเคียฟแล้ว
  • ล่าสุดในเนเธอร์แลนด์ พรรคฝ่ายขวาจัดชนะการเลือกตั้ง ซึ่งมีจุดยืนชัดเจนคือต่อต้านการส่งอาวุธไปยังยูเครน สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องนี้ได้จากลิงก์ด้านล่าง
4
WSJ ระบุว่าทางตันที่แนวหน้าในปัจจุบันตอกย้ำความเชื่อของเยอรมนี ซึ่งเป็นหุ้นส่วนสำคัญของยูเครนที่ว่าการหยุดยิงและการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียจะเป็นประโยชน์ต่อยูเครนมากกว่า อย่างไรก็ตามเบอร์ลินไม่ต้องการกดดันเซเลนสกี
มาร์คัส วอล์คเกอร์ คอลัมนิสต์ของ WSJ ตั้งข้อสังเกตว่า ปูตินไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะหยุดการบุกยูเครนในช่วงเวลาที่ความสามัคคีของชาติตะวันตกกำลังอ่อนแอลง ในทางกลับกันเคียฟกลัวว่าแม้ว่าปูตินจะตกลงหยุดยิง แต่เขาจะใช้การหยุดชั่วคราวเพื่อเสริมกำลังและโจมตียูเครนอีกครั้งในอนาคต
2
เรียบเรียงโดย Right SaRa
30th Nov 2023
  • แหล่งข่าวและข้อมูลอ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: Ozge Elif Kizil / Anadolu / ddp / Vida Press>
โฆษณา