1 ธ.ค. 2023 เวลา 22:20 • ท่องเที่ยว

วัดฝอกวงซัน

ด้วยความเมตตา ของกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ที่บังเอิญ บุญจัดสรร ให้มาพบกันใน ชั่นเรียนอบรมการลงรักปิดทอง บูรณะพระพุทธรูปที่เพจเราจัด บังเอิญพี่ท่านนี้ เป็นคณะทำงานของวัดฝอกวงซัน พอดี เลยชวนเพจเราให้ลองแวะไปชม
ที่จริง วัดฝอกวงซัน แห่งนี้ เราเคยแวะมาแล้วเมื่อประมาณปีกว่า ๆ ครับ แต่ยอมรับตามตรง ตอนนั้น ไม่มีวิทยากรนำชม ไม่ทราบความเป็นมา ครั้งนี้ ตื่นเต้น เพราะ พี่เขาจะมีวิทยากรมาพาชมด้วย
วัดฝอกวงซัน เป็นวัดศาสนาพุทธ โดยสาขาหลัก อยู่ที่ไต้หวัน แนวคิด เพื่อพุทธศาสนาเข้าถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ของมนุษย์ วัดแห่งนี้ จึงมีแนวคิดผสมผสานระหว่าง มหายาน และ เถรวาท นะครับ นอกจาก สวดมนต์ ศึกษาธรรมะ แล้ว วัดแห่งนี้ ยังมีการเรียนภาษาจีน ที่จดหลักสูตรกับ กระทรวงศึกษาฯ ด้วยครับ
ทันทีที่ผ่านประตู เข้ามา ราวกับ ไปอยู่ในประเทศจีนเลยครับ จุดแรกที่เราไปสักการะคือ พระพุทธรูปหยก สีขาว ประดิษฐานในศาลา ด้านหลังมีต้นโพธิ ขึ้นอยู่ มีเกร็ดเล็กๆ เล่าว่า ตอนที่ พระพุทธรูปหยกมาประดิษฐาน ต้องทิ้งไว้เป็นแรมเดือน พื้นที่ยังไม่ปรับหน้าดิน รกร้างไปหมด ไม่มีศาลา แต่ อยู่ๆ ก็มีต้นโพธิ์ ขึ้นมาด้านหลังพระพุทธรูปหยก ภายหลังแผ่กิ่งก้านปกคลุมพระพุทธรูปไว้ เชื่อว่าเป็นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเดินเข้ามาในอาคาร โถงรับรอง จะพบ พระโพธิสัตว์ คล้ายพระสังกัจจายน์ แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่นะครับ เรียกขานท่านว่า หลวงพ่อถุงย่าม ที่เรามักเห็นรูปท่านแล้วมีเด็กๆ กุมารมากมายปีนป่าย เชื่อว่า ท่านเป็นพระศรีอริยเมตไตร ด้วยความที่ท่านมีพระพักตร์ยิ้มแย้ม จึงประดิษฐานท่านไว้ที่โถงต้อนรับ ด้านข้างก็มี ท้าวจตุมหาราชา 4 องค์ ที่ทางพุทธ เรียกขานว่า ท้าวจตุโลกบาล หนึ่งในนั้นก็มีท้าวเวสสุวรรณ ที่คนไทยชอบไปไหว้
เมื่อเดินเข้ามาจะพบลานโล่ง มองไปมีวิหารกลางขนาดใหญ่ ตรงกลางลานโล่ง จะมีกระถางสัมฤทธิ์ ขนาดใหญ่ มีคำว่าพุทธศาสนา เขียนอยู่ เป็นความเชื่อว่า แม้วัดจะร้าง แต่พุทธศาสนา จะแข็งแรงคงอยู่ตลอดไป เฉกเช่นความแข็งแรงของกระถางสัมฤทธิ์นี้
เมื่อเดินเข้าไปในวิหารกลางจะพบ พระพุทธรูปสามองค์ ต่างจากวัดไทย คือ มีพระประธานหลัก องค์เดียว แต่ในทางจีน จะมีสามองค์ ได้แก่ พระศรีศากยมุณี หรือ พระพุทธเจ้าสิทธัตถะ ที่เราเรียนๆ ประวัติท่านมา ประทับตรงกลาง ในพระหัตถ์ทรงถือ ลูกมณี หมายถึง ธรรมรัตนะ
องค์ทางซ้าย นาม พระอามิตาภะพุทธเจ้า โดยในพระหัตถ์จทรงถือดอกบัว เชื่อว่า ท่านรับเอาวิญญาณสรรพสัตว์ที่ยึดมั่นในพุทธศาสนา ไปยังสุขาวดี ครับ ถ้าสังเกตดีๆ ถัดจากองค์ท่านไปทางซ้ายของวิหาร จะมีพิธีตั้งป้ายชื่อวิญญาณ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ปีกซ้ายวิหาร จึงเป็นเหมือนฝั่งผู้วายชน
องค์ที่อยู่ทางขวา พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ท่านทรงเป็นครูแห่งการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ในพระหัตถ์ท่านจะทรงถือเจดีย์ไว้ ถัดไปมีการตั้งชื่อของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ทางวัดจะมีการสวดมนต์ เชื่อว่า ช่วยสะเดาะเคราะห์ ให้ได้ จะตั้งป้ายชื่อไว้ด้านขวาส่วนด้านหน้าจะมีรูปปั้นพระสาวกคือ พระอานนท์ และพระมหากันปะ รอบๆ ภายในวิหาร ก็มีการประดิษฐาน พระอรหันต์ ภายในวิหาร สวยงามมาก
ถ้าออกมาด้านซ้ายของวิหาร จะพบศาลา ประดิษฐานพระที่รูปร่างคล้ายพระถังซำจั๋ง ในนิทานปรัมปราไซอิ๋ว ที่จริงไม่ใช่นะครับ น้องวิทยากร กรุณาอธิบายว่า ชุดที่เราเห็นในทีวี เป็นชุดที่พระจีน จะใส่สำหรับเดินธุดงค์ ต้องมีคฑา ดังนั้น เราคุ้นเคยกับ พระถังซำจั๋ง เลยคิดไปว่าพระที่ใส่ชุดนี้จะเป็นพระถังฯ ไปหมด ไม่ใช่นะครับ
พระโพธิสัตว์ ที่ประดิษฐานแห่งนี้นาม พระกษิติครรภ์ ด้วยใจเมตตา ท่านตั้งปณิธานว่า ท่านจะยังไม่บรรลุจนกว่าจะช่วยเหลือมนุษย์และสัตว์ทั้งหมด ให้พ้นจากตกนรก สังเกตว่า แนวคิด ของวัดที่จะให้ด้านซ้ายเป็นฝั่งของวิญญาณ แผ่มาถึงการประดิษฐาน พระกษิติครรภ์ ด้วย ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือ วิญญาณให้พ้นจากการตกนรก นั่นเอง
ส่วนเดินทางด้านขวา จะพบวิหารตถาคต มี พระศรีศากยะมุณี องค์สีขาว ประดิษฐานอยู่ครับ
ยังๆๆๆ ยังไม่หมด เมื่อเดินออกมาจากวิหารกลาง จะเห็น รูปปั้นองค์กวนอิม สูง 30 เมตร โดยรอบๆ มีองค์กวนอิม 32 ปาง ประดิษฐานโดยรอบ ฐานของรูปปั้น สามารถเดินเข้าไปสักการะได้ สี่ปาง คือ ประทานบุตร ประทานพร สมปารถนา และ ประทานทรัพย์ เรียกว่า ขอพรกันจุใจเลยครับ
และถ้า เหนื่อย ก็มีศาลาเมตตา ที่บริการ เครื่องดื่ม กาแฟ แอร์เย็นแถมยัง ฟรี ต้างหาก แล้วแต่ท่านจะมีจิตศรัทธา บริจาคเงินช่วยเหลือวัด ครับ เรียกว่ามาที่เดียว อิ่มบุญ อิ่มใจ ครับ ถ้าวันหยุดสุดสัปดาห์ มีเวลา แวะมาสัมผัส พุทธศาสนา ในรูปแบบ ผสมผสาน ที่วัดฝอกวงซัน คลองสามวา คู้บอน นี่เองครับ
โฆษณา