12 ธ.ค. 2023 เวลา 00:12 • ท่องเที่ยว
ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่นวันนี้ เหมือนหรือต่างจาก 5 ปี ที่แล้วอย่างไรบ้าง?

ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นในรอบ 5 ปี มีหลายสิ่งที่ยังเหมือนเดิม แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่เปลี่ยนไป โดยผมได้ไปเมืองเกียวโต โอซาก้า และโตเกียว ซึ่งก็มีความแตกต่างกันในรายละเอียดอยู่บ้างพอสมควร
เกียวโต : ผู้คนยังสุภาพน่ารักเช่นเคย พูดเสียงเบา เมืองเงียบสงบเหมือนเดิม อากาศดี ไม่มีตึกสูง มีศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมให้ได้ศึกษา ธรรมชาติสวยงาม แต่ใบไม้เปลี่ยนสีปีนี้มาแปลกแตกต่างจากทุกทีที่เคยมาดู ด้วยเพราะอากาศร้อนที่ญี่ปุ่นปีนี้ยาวนานกว่าเคย พออากาศเย็นลงก็หนาวแบบทันทีทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีไม่พีคพร้อมกัน บางต้นก็พีคเปลี่ยนใบเป็นสีแดง บางต้นใบเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีส้ม ในขณะที่บางต้นใบยังเป็นสีเขียวอยู่
2
ซึ่งบางต้นกลับช็อคนึกว่าเข้าหน้าหนาวแล้ว ใบเลยแห้งเหี่ยวเป็นสีน้ำตาลและร่วงโรยอย่างรวดเร็ว ทำให้ในสถานที่เดียวกันผมสามารถมองเห็นต้นไม้มีทั้งใบสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว และสีน้ำตาล กันอยู่หลายที่
3
โอซาก้า : ผู้คนพูดเสียงดัง ชัดเจน พูดตรง ไม่เก็บไว้ในใจ มีอะไรก็พูดออกมา เป็นคนหยวนๆ ง่ายๆ ไม่ค่อยซีเรียส ไม่ค่อยเคร่งระเบียบ แต่ที่รู้สึกตกใจ คือ มาครั้งนี้เห็นมีขอทานหลายคนโดยเฉพาะตรงแถวโดทงโบริ ใกล้ๆ กับป้ายกูลิโกะ จากที่เมื่อก่อนจะเห็นมีแค่โฮมเลสคนไร้บ้านนอนตามสวนสาธารณะ หรือนอนในกล่องเงียบๆ ไม่มีการขอเงินเลย มาที่ย่าน Orange Street ตรงต้นซอยยังคึกคักมีวัยรุ่นเดินหา Brand Street กันอยู่ แต่ส่วนท้ายซอยกลับเงียบเหงา หลายร้านปิดตัวหายไปไม่เหมือน 5 ปีก่อน
3
ส่วนร้านอาหารร้านดังส่วนใหญ่อยู่ครบหมดและคนก็ต่อแถวยาวเหยียดเช่นเดิม
โตเกียว : ผู้คนแต่งกายโทนสีดำหรือสีเคร่งขรึม มีระเบียบวินัย มีมารยาท อดทนอดกลั้นสูง ใช้ชีวิตเร่งรีบ โดยที่ชิบูย่าผู้คนยังคงล้นหลาม วัยรุ่นรวมตัวกัน มีการรวมกลุ่มเต้นกันกลางถนนตรงห้าแยกชิบูย่าเป็นระยะๆ มีการจัดงานฉลองฮาจิโกะครบรอบ 100 ปี และตึก Shibuya Sky ที่กำลังเป็นกระแสมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศไปเที่ยวกันมาก ใครจะไปควรจองบัตรล่วงหน้า ส่วนในซอยที่ขายสินค้า Street Brand ยังคงคึกคักวัยรุ่นยังคงเดิน Shopping ร้านต่างๆ มากมาย
1
ชินจูกุ สถานีรถไฟยังคงปราบเซียนไม่เปลี่ยนมาทีไรก็ยังคงเดินหลงได้เสมอ ด้วยเพราะเป็นหนึ่งในสถานีที่เป็น Hub ของโตเกียว มีรถไฟสายหลักๆ วิ่งเข้ามาแทบทุกสาย ผู้คนใช้บริการมากมาย
แต่ที่น่าแปลกใจคือเมื่อออกมาเดินในย่านชินจูกุแล้วกลับพบว่าถึงคนจะเยอะแต่ก็เยอะแค่ตรงซอยที่มีป้าย Led น้องแมว 3 มิติ ยิงยาวข้ามถนนไปตรงซอยคาบูกิโจ แต่ซอยอื่นๆ โดยเฉพาะบล็อคด้านหลังคนกลับหายไปมากอย่างน่าใจหาย จากที่เมื่อ 5 ปีก่อนคนแน่นเต็มทุกซอย เห็นได้ชัดว่าทัวร์จีนไม่มาลงเหมือนเมื่อก่อน ร้านค้าหลายร้านถูกเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น
ที่ฮาราจูกุสถานีรถไฟไม้เก่าแก่สไตล์ยุโรปอันเป็นเอกลักษณ์ของฮาราจูกุที่มีอายุ 100 กว่าปี ถูกทุบทิ้งหายไปแล้ว น่าเสียดายมาก แต่ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัยจึงต้องสร้างเป็นอาคารหลังใหม่เพื่อรองรับกับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้น ด้านถนนทาเคชิตะโดริยังคงเป็นสวรรค์ของคนเดินย่านฮาราจูกุเช่นเคยมีผู้คนมากมายเดินตลอดตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซ้อน
แต่ที่ตกใจคือร้าน Line Shop ร้านใหญ่ที่ติดกับถนนใหญ่กลับไม่อยู่กลายเป็นร้าน Shop อื่นแทน ร้าน Street Brand ที่อยู่ในซอยถัดไปอีกบล็อกหลายร้านก็ปิดตัวลง บางร้านก็มีร้านใหม่มาเปิดแทน แต่บางร้านก็ปิดเงียบไปเลยคิดแล้วก็น่าใจหาย
แม้รายละเอียดของทั้ง 3 เมืองที่ผมไปเจอจะแตกต่างกัน แต่ก็มีสิ่งที่เปลี่ยนไปบางอย่างที่คล้ายๆ กัน จากที่ผมสังเกตจะเห็นว่าทั้ง 3 เมือง มีการรับคนแขก คนตะวันออกกลางมาเป็นพนักงานเยอะมาก ทั้งพนักงานในโรงแรม พนักงานในร้านสะดวกซื้อ พนักงานในห้าง หรือแม้กระทั่งร้านอาหารดั้งเดิมก็ตาม โดยบางแห่งก็มีเป็นคนสองคน แต่บางร้านมากันเป็นทั้งครอบครัว ซึ่งมันตรงกับข่าวที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่าที่ญี่ปุ่นกำลังขาดแคลนแรงงานอย่างหนักจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย จึงมีการรับผู้อพยพจากตะวันออกกลางเข้ามาทำงาน
1
ข้อดีคือคนพวกนี้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องกับขยันทำงานมาก แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาการขาดแคลนวัยแรงงานอย่างยั่งยืนหรือไม่คงต้องรอดูกันต่อไป
อีกจุดหนึ่ง คือ ร้านค้าต่างๆ หันมาใช้เครื่องคิดเงินอัตโนมัติมากขึ้น โดยให้คนซื้อคิดเงินเอง มีทั้งแบบระบบออโต้แค่วางสินค้าลงไปในชั้นวางของเครื่องก็คิดเงินให้เสร็จสรรพแบบที่ร้าน Uniqlo บ้านเราเริ่มนำมาใช้ หรือแบบเครื่องที่ให้เราแสกนบาร์โค้ดเอง นับเป็นอีกหนึ่งวิธีลดต้นทุนการจ้างพนักงานและแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานของที่ญี่ปุ่น
แม้จะมีอะไรหลายอย่างเริ่มเปลี่ยนไป ทั้งสภาพอากาศ ทั้งสังคม สภาพเศรษฐกิจ ร้านค้า แต่ญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นประเทศที่น่าไปเที่ยวอยู่เช่นเดิม ก็หวังว่าจะยังคงรักษาวิถีชีวิต วัฒนธรรม และธรรมชาติที่ดีเอาไว้ได้นานเท่านานต่อไปได้ครับ
1
หมายเหตุ : เนื้อหาที่เขียนมาจากมุมมองความคิดเห็นของผมเพียงคนเดียว ซึ่งมาจากการที่ได้ไปญี่ปุ่นมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2023 ดังนั้นอาจไม่ตรงกับความคิดเห็นของผู้อื่นได้ หากใครมีมุมมองความเห็นอย่างอื่นสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ
1
โฆษณา