29 ธ.ค. 2023 เวลา 12:58 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 58

อู่ซง ผู้จาริก (12) อู่ซงพิพากษา
1
ประมาณยามสื้อ 巳牌 (10:00 น.) อู่ซงนำทหารรับใช้มาถึงบ้าน พานจินเหลียนรู้แล้วว่าทางอำเภอไม่รับฟ้อง จึงวางใจไม่เกรงกลัว อยากรู้ว่าอู่ซงจะทำอะไรได้
อู่ซงเรียกมาว่า “อาซ้อ เชิญลงมาข้างล่าง ข้ามีเรื่องจะบอก”
นางค่อยๆ ย่างลงบันไดมาถามว่า “มีอะไรหรือ”
อู่ซงว่า “พรุ่งนี้เป็นวันต้วนชี 断七 (เจ็ดเจ็ด สี่สิบเก้าวัน) ที่พี่ชายเสีย วันก่อนท่านรบกวนเพื่อนบ้านมาช่วยงาน วันนี้ข้าจะเลี้ยงตอบแทนพวกเขาเป็นการขอบคุณแทนท่าน”
“ทำไมต้องขอบคุณ”
“เป็นมารยาท ขาดไม่ได้”
อู่ซงใช้ให้ทหารจุดธูปเทียนหน้าหิ้งป้ายวิญญาณจนสว่างไสว จัดวางเงินกระดาษ เครื่องเซ่นไหว้ แล้วให้จัดโต๊ะสุราอาหารโดยให้ทหารสองนายจัดข้าวของบนโต๊ะ นายหนึ่งไปอุ่นเหล้า อีกสองนายเฝ้าประตูหน้าและประตูหลัง
อู่ซงบอกว่า “อาซ้อ ท่านมาช่วยรับแขก ข้าจะไปเชิญพวกเขา”
อู่ซงเชิญยายหวางข้างบ้านเป็นคนแรก ยายหวางว่า “ไม่เห็นต้องลำบากเลย ขอบคุณท่านตูโถว”
อู่ซงว่า “เคยรบกวนท่านแม่ไว้หลายเรื่อง สมควรเลี้ยงตอบแทน อย่าได้ปฏิเสธเลย”
ยายหวางจึงรับคำเชิญ ปิดร้านแล้วข้ามบ้านมา
อู่ซงว่า “อาซ้อนั่งที่ประธาน ท่านแม่นั่งตรงข้าม” ยายหวางเองก็รู้เรื่องที่ซีเหมินชิ่งวิ่งเต้นล้มคดี จึงนั่งลงอย่างวางใจ ทั้งสองต่างรอดูว่าอู่ซงจะทำอะไรต่อไป
อู่ซงไปเชิญเพื่อนบ้านอาวุโสมาอีกสี่ท่านมี
พี่รองเหยา 姚二郎 เหยาเอ้อหลาง ร้านขายเครื่องเงิน เหยาเหวินชิง 姚文卿 ให้นั่งลงข้างยายหวาง
พี่สี่เจ้า 赵四郎 เจ้าสื้อหลาง ร้านขายเครื่องกระดาษเซ่นไหว้ เจ้าจ้งหมิง 赵仲铭 ให้นั่งลงข้างซ้อใหญ่
อดีตเจ้าหน้าที่ หูเจิ้งชิง 胡正卿 ร้านขายอาหารฝั่งตรงข้าม ให้นั่งถัดจากเจ้าสื้อหลาง
จางกง 张公 ร้านขายกู่ตว้อ 馉饳 ขนมทอดยัดไส้ ร้านข้างบ้านยายหวาง ให้นั่งถัดจากเหยาเอ้อหลาง
ระหว่างที่อู่ซงไปทยอยเชิญมาทีละคนนั้น คนที่มาก่อนไม่อาจลุกกลับไปได้เพราะอู่ซงให้ทหารยืนเฝ้าประตูทั้งหน้าและหลังเอาไว้
ที่ร่วมโต๊ะอาหารจึงมี ซ้อใหญ่ ยายหวาง และสี่เพื่อนบ้านอาวุโส รวมหกคน
อู่ซงลากม้านั่งมานั่งด้านขวางกลางโต๊ะ ให้ทหารลงกลอนประตูหน้าและหลัง อีกนายหนึ่งมารินสุรา อู่ซงขานคารวะตามธรรมเนียมแล้วกล่าวว่า “ท่านเพื่อนบ้านอาวุโส ขออภัยที่เสียมารยาทเชิญมา”
พวกเพื่อนบ้านต่างไม่รู้ว่าอู่ซงจะทำอะไร พอทหารรินเหล้าดื่มกันไปได้แล้วสามรอบ หูเจิ้งชิงก็ลุกขึ้นขอตัวว่า “ผู้น้อยมีธุระ”
อู่ซงขึ้นเสียงว่า “ไปไม่ได้ ไหนๆ ก็มาแล้ว รบกวนนั่งก่อน”
เพื่อนบ้านนั่งลง ใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ
ทหารรินเหล้าให้ดื่มกันต่ออีกสี่รอบ รวมแล้วคนละเจ็ดจอก อู่ซงจึงให้ทหารเก็บถ้วยชามและสุราอาหารไปก่อน จัดแจงเช็ดโต๊ะจนสะอาด พวกเพื่อนบ้านลุกขึ้นจะกลับ อู่ซงยุดแขนไว้กล่าวว่า “ข้ามีเรื่องจะพูด พวกท่านผู้อาวุโส มีท่านใดเขียนหนังสือได้”
เหยาเอ้อหลางว่า “หูเจิ้งชิงผู้นี้ เขียนได้ดี”
อู่ซงขานคารวะแล้วว่า “รบกวนด้วย”
อู่ซงถลกแขนเสื้อทั้งสองขึ้น เลิกชายเสื้อชักมีดออกมา ใช้สี่นิ้วมือขวากำด้ามมีด ห้วแม่มือวางบนหมุดย้ำด้ามมีด ถลึงตากล่าวว่า “เหล่าท่านผู้อาวุโสในที่นี้ กล่าวหาต้องมีมูล หนี้ต้องมีเจ้าของ 冤各有头,债各有主 ผู้น้อยขอให้พวกท่านช่วยเป็นสักขีพยาน”
อู่ซงใช้มือซ้ายจับตัวซ้อใหญ่ มือขวาชี้หน้ายายหวาง พวกเพื่อนบ้านยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก มองหน้ากันไปมาพูดอะไรไม่ออก
อู่ซงว่า “ผู้อาวุโส ท่านไม่ต้องกลัว อู่ซงแม้เป็นคนหยาบแต่ไม่กลัวตาย มีข้อหาต้องแก้ มีแค้นต้องชำระ จะไม่ทำร้ายพวกท่านเพียงแต่รบกวนให้เป็นสักขีพยาน แต่ถ้ามีใครจะกลับก่อน อู่ซงขออภัยที่ไม่ไว้หน้า จัดให้เจ็ดมีดก่อนกลับ แล้วอู่เอ้อค่อยไปใช้หนี้ชีวิตให้ทีหลัง”
พวกเพื่อนบ้านต่างยืนแข็งทื่อไม่กล้าขยับ
อู่ซงมองหน้ายายหวางแล้วตวาดว่า “ยายหมูหมาฟังไว้ หนี้ชีวิตพี่ชายข้า ต้องคิดที่เจ้า เดี๋ยวข้าค่อยถาม”
หันมามองหน้าพานจินเหลียนแล้วด่าว่า “นางแพศยาฟังไว้ เจ้าทำร้ายชีวิตพี่ชายข้าอย่างไร สารภาพมาตามตรง ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
นางว่า “ท่านอา ไม่มีเหตุผล พี่ชายท่านเป็นโรคหัวใจตายไปเอง เกี่ยวอะไรกับข้า”
อู่ซงปักมีดฉึกลงบนโต๊ะ ใช้มือซ้ายรวบมวยผมนางไว้ ใช้มือขวาคว้าอกยกนางขึ้น เตะโต๊ะล้ม ยกนางก้าวข้ามโต๊ะมา พลิกร่างนางวางลงตรงหน้าหิ้งป้ายวิญญาณ ใช้เท้าเหยียบไว้ มือขวาถอนมีดขึ้นมา เอามีดชี้หน้ายายหวางว่า “ยายหมูหมา สารภาพมา”
ยายเฒ่าอยากถอนตัวก็ทำไม่ได้จำต้องยอมว่า “ตูโถว อย่าเพิ่งโมโห ยายเฒ่ายอมบอก”
อู่ซงให้ทหารนำกระดาษ หมึก พู่กัน และแท่นฝนหมึกวางเรียงบนโต๊ะ แล้วเอามีดชี้หน้าหูเจิ้งชิงกล่าวว่า “รบกวนท่านที ได้ยินคำไหน ก็เขียนคำนั้น”
หูเจิ้งชิงตัวสั่นงันงกตอบว่า “ผู้น้อยเขียนเอง” เทน้ำฝนหมึก หยิบพู่กันคลี่กระดาษแล้วบอกว่า “ยายหวาง สารภาพมา”
ยายเฒ่าว่า “ไม่เกี่ยวกับข้า ให้บอกอะไร”
อู่ซงว่า “ยายหมูหมา ข้ารู้หมดแล้ว จะเลี่ยงไปไหน ถ้าไม่บอก ข้าเชือดนางแพศยานี่ก่อน แล้วค่อยฆ่านางหมาแก่”
อู่ซงเอามีดเช็ดหน้าพานจินเหลียนเสียสองที นางลนลานร้องบอกว่า “ท่านอา ไว้ชีวิตข้า ท่านปล่อยข้าลุกขึ้น ข้าจะบอก”
อู่ซงยกร่างนาง คุกเข่าลงตรงหน้าหิ้งป้ายวิญญาณ ชูร่างนางขึ้น ลากเสียงร้องว่า “นางแพศยารีบบอกมา”
นางกลัวลานวิญญาณแทบหลุดจากร่างสารภาพตามตรง เริ่มตั้งแต่ทำไม้ค้ำม่านหล่นใส่หัวซีเหมินชิ่ง ไปตัดเสื้อ กระทั่งเล่นชู้ ต่อมาอู่ต้าถูกเตะ วางแผนวางยาอย่างไร ยายหวางสอนนางให้ทำอย่างไร สารภาพหมดสิ้นแต่ต้นจนปลาย
นางกล่าวคำไหน อู่ซงก็ให้หูเจิ้งชิงจดคำนั้น
ยายหวางว่า “นางตัวแสบ สารภาพเสียหมดแล้วจะให้ข้าเลี่ยงอย่างไร เวรกรรมของยายเฒ่า” ยายเฒ่าจึงสารภาพให้หูเจิ้งชิงจดบันทึก
อู่ซงให้ทั้งคู่ประทับลายนิ้วมือ และวาดแทนชื่อ ให้บันทึกชื่อเพื่อนบ้านทั้งสี่ และวาดแทนชื่อ แล้วอู่ซงก็เก็บหนังสือในอกเสื้อ ให้ทหารแก้ไถ้คาดเอวมาแทนเชือกมัดยายหมาแก่มือไขว้หลัง
อู่ซงให้ทหารเทเหล้าใส่ชามวางเซ่นไหว้หน้าป้ายวิญญาณ ลากตัวพานจินเหลียนมาคุกเข่าหน้าป้าย ตวาดเรียกยายเฒ่าให้มาคุกเข่าคู่กัน
อู่ซงว่า “วิญญาณท่านพี่คงอยู่ไม่ห่าง อู่เอ้อผู้น้องขอล้างแค้นให้ท่าน” แล้วให้ทหารเผาเงินกระดาษ
พานจินเหลียนเห็นท่าไม่ดี อ้าปากจะตะโกน อู่ซงชิงจับล้มนอนลง เอาสองเท้าเหยียบสองแขนนางไว้ ฉีกอกเสื้อนางออก เอามีดปักคว้านกลางอก นำมีดมาคาบไว้ ใช้สองมือแหวกอกควักหัวใจและเครื่องในของนางมาวางกองเซ่นไหว้หน้าป้ายวิญญาณ แล้วเอามีดฟันฉับตัดหัวนางเลือดไหลนองพื้น เพื่อนบ้านทั้งสี่ตกใจกลัวเอามือปิดหน้า เห็นอู่ซงดุร้ายไม่กล้าขยับตัว
อู่ซงให้ทหารไปเอาผ้าห่มจากชั้นบนมาห่อหัวนางไว้ เก็บมีดเข้าฝัก ล้างมือจนสะอาดแล้วร้องบอกว่า “ขออภัยพวกท่านเพื่อนบ้าน ขอเชิญขึ้นไปนั่งชั้นบน รออู่เอ้อกลับมา”
เพื่อนบ้านทั้งสี่ต่างไม่กล้าขัด มองหน้ากันและกันแล้วพากันเดินขึ้นไปชั้นบน อู่ซงให้ทหารกุมตัวยายเฒ่าขึ้นไปชั้นบนด้วย ปิดประตูห้องชั้นบนแล้วให้ทหารสองนายคุมอยู่ชั้นล่าง
อู่ซงอุ้มผ้าห่อหัวตรงมายังร้านสมุนไพรของซีเหมินชิ่ง เห็นผู้จัดการร้านก็ถามว่า “ท่านขุนนางใหญ่อยู่ไหม”
“เพิ่งออกไปข้างนอก”
“ท่านออกมาหน่อย มีเรื่องจะคุย”
ผู้จัดการพอรู้จักอู่ซงอยู่ จึงไม่กล้าขัดเดินตามอู่ซงเข้ามาในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง
อู่ซงหันกลับมาถามว่า “เจ้าอยากอยู่หรืออยากตาย”
ผู้จัดการลนลานตอบว่า “ท่านตูโถว ข้าน้อยไม่เคยล่วงเกินท่าน”
“ถ้าเจ้าอยากตายก็ไม่ต้องบอก แต่หากอยากอยู่ก็บอกมาว่าซีเหมินชิ่งไปที่ไหน”
ผู้จัดการตะกุกตะกัก “ไปกับ…คนรู้จัก…ไปภัตตาคารใหญ่…ที่สะพานสิงโต 狮子桥”
อู่ซงมุ่งมายังหน้าภัตตาคารที่สะพานสิงโตถามบริกรว่า “ซีเหมินชิ่งต้าหลางมากินอาหารกับใคร”
บริกรบอกว่า “มากับเศรษฐีท่านหนึ่ง อยู่ที่ห้องติดถนนชั้นบน”
อู่ซงขึ้นชั้นบนมายังหน้าห้อง มองเข้าไปเห็นซีเหมินชิ่งนั่งตรงข้ามกับแขก มีนักร้องสาวนั่งเคียงข้างอยู่ด้วยสองนาง อู่ซงเปิดผ้าห่อหัวออกสะบัด หัวหล่นกลิ้งบนพื้นเลือดกระจาย อู่ซงหิ้วหัวขึ้นมาด้วยมือซ้าย มือขวาชักมีดมาถือไว้ เลิกม่านขึ้นเดินเข้าไปในห้อง เอาหัวเหวี่ยงใส่หน้าซีเหมินชิ่ง
ซีเหมินชิ่งจำอู่ซงได้ ตกใจร้อง “ไอ้หยา” แล้วโดดลุกขึ้นยืนบนม้านั่ง ก้าวเท้าข้างหนึ่งเหยียบขอบหน้าต่างหาทางหนี มองลงไปเป็นถนน ไม่กล้ากระโดด ยังพะวักพะวนอยู่ อู่ซงก็กดมือลงกระโจนขึ้นยืนบนโต๊ะ เตะถ้วยจานชามทิ้ง สองสาวนักร้องตกใจไม่กล้าขยับตัว แขกเศรษฐีตกใจหงายหลัง
ซีเหมินชิ่งชี้มือแล้วเตะขาขวาขึ้นมา อู่ซงถลันเข้าไปแล้ว จึงพยายามหลบแต่ยังถูกเตะมีดกระเด็นหลุดมือตกหน้าต่างไป ซีเหมินชิ่งเห็นไม่มีอาวุธแล้ว จึงไม่กลัว เอามือขวาป้อง มือซ้ายกำหมัดชกมากลางอกอู่ซง อู่ซงพลิกหลบแล้วตามกระบวนท่าเข้าด้านข้างใช้มือซ้ายคว้าก้านคอต่อไหล่ยกขึ้น มือขวายุดขาซ้ายซีเหมินชิ่งไว้ก่อนแล้ว ตะโกนว่า “ลงไป” ซีเหมินชิ่งผู้ซึ่งมีผีพยาบาทตามพัวพันหนึ่ง ด้วยลิขิตฟ้าหนึ่ง สู้แรงอู่ซงไม่ได้หนึ่ง จึงถูกจับทุ่มเอาหัวลงก่อนขาชี้ฟ้าพุ่งลงกลางถนน จนมึนหัวไปหมด คนเดินถนนต่างตระหนกตกใจ
อู่ซงคว้าหัวหญิงแพศยาที่ตกอยู่บนม้านั่ง พุ่งตัวออกทางหน้าต่างกระโดดจากชั้นบนลงมายืนอยู่กลางถนน คว้ามีดที่ตกอยู่ มองดูซีเหมินชิ่งที่นอนตัวแข็งปางตายได้แต่กลอกตา ก้มลงกดตัวแล้วใช้มีดตัดหัวซีเหมินชิ่งนำมามัดรวมกับอีกหัว หิ้วหัวทั้งสองเดินมายังถนนจื่อสือ เรียกทหารให้เปิดประตู หิ้วหัวทั้งสองไปวางเป็นเครื่องเซ่น เทเหล้ารดคารวะแล้วว่า “วิญญาณท่านพี่คงอยู่ไม่ห่าง จงไปสู่สวรรค์เถิด น้องได้ล้างแค้นแทนท่าน สังหารชายชู้หญิงแพศยาแล้ว วันนี้จะเผาส่ง”
อู่ซงให้ทหารไปเชิญเพื่อนบ้านทั้งสี่และกุมตัวยายเฒ่าลงมาจากชั้นบน อู่ซงถือมีดและหิ้วหัวทั้งสองยืนกล่าวกับเหล่าเพื่อนบ้านว่า
“ผู้น้อยได้ล้างแค้นให้แก่พี่ชายแล้ว แต่ด้วยเรื่องนี้ก็ได้ทำความผิดไปไม่น้อย แม้กระนั้นตายไปก็ไม่ขอโทษใคร ยิ่งกว่านั้นได้สร้างความหวาดกลัวให้พวกท่านเพื่อนบ้านอาวุโสอยู่ไม่น้อย จากนี้ไปผู้น้อยจะเป็นตายร้ายดีไม่รู้ได้ จึงจะจัดการเผาหิ้งบูชาและป้ายของพี่ชายเสียในวันนี้ สำหรับทรัพย์สิ่งของที่มีในบ้าน ใคร่ขอให้พวกท่านผู้อาวุโสนำออกขายเปลี่ยนเป็นเงินแทนผู้น้อย สำหรับนำมาใช้จ่ายในเรื่องที่เกี่ยวกับคดีนี้ตามแต่พวกท่านจะเห็นควร
วันนี้ผู้น้อยจะไปมอบตัวที่อำเภอ ขอให้พวกท่านเป็นสักขีพยานแก่ผู้น้อยให้การตามความเป็นจริง ไม่ต้องคำนึงถึงว่าโทษที่ผู้น้อยได้ก่อจะหนักหรือเบาเพียงใด”
อู่ซงนำป้ายวิญญาณมาเผาพร้อมเงินกระดาษ นำหีบข้าวของจากชั้นบนมาเปิดให้ดู แล้วมอบให้ผู้อาวุโสทั้งสี่นำไปขายเป็นเงิน จากนั้นก็กุมตัวยายหวาง หิ้วหัวทั้งสอง เดินตรงมายังอำเภอ
ตอนก่อนหน้า : อู่ซงฟ้องคดี
ตอนถัดไป : ลาดสี่แพร่ง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา