Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
3 ม.ค. 2024 เวลา 13:01 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 60
อู่ซง ผู้จาริก (14) คนสวนผัก นางยักษ์
ชายผู้หนึ่งหาบฟืนมาวางไว้หน้าประตู รีบวิ่งเข้ามาดู เห็นอู่ซงนอนทับหญิงสาวอยู่บนพื้น ก็ตะโกนมาว่า “ผู้กล้าอย่างเพิ่งโมโห ยั้งมือก่อน ข้ามีเรื่องจะพูด”
อู่ซงโดดลุกขึ้นเอาเท้าซ้ายเหยียบนางไว้ สองมือกำหมัดวางท่ามวยมองมายังผู้มาใหม่เห็นเป็นชายอายุราวสามสิบหก
ชายผู้นั้นไม่ถอยแม้สักก้าว มองดูอู่ซงแล้วประสานมือถามว่า “ขอถามนามผู้กล้า”
อู่ซงตอบ “ข้าเดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ คือตูโถวอู่ซง”
“คงไม่ใช่อู่ตูโถวผู้ฆ่าเสือบนเนินจิ่งหยางมัง”
“ใช่แล้ว”
ชายผู้นั้นก้มคารวะกล่าวว่า “ได้ยินชื่อมานาน วันนี้โชคดีได้คารวะทำความรู้จัก”
อู่ซงถามว่า “ท่านคงเป็นสามีนางผู้นี้”
“ภรรยาผู้น้อยเอง มีตาแต่ไร้แวว บังอาจล่วงเกินตูโถว เห็นแก่หน้าผู้น้อย โปรดละเว้นด้วยเถิด”
自古嗔拳输笑面,从来礼数服奸邪。
只因义勇真男子,降伏凶顽母夜叉。
แต่ก่อนเก่ากำปั้นยอมยิ้มสรวล
แต่ไรล้วนมารยาทเหนือบาดหมาง
ผู้กล้าทรงคุณธรรมมิอำพราง
พิชิตนางยักขิณีที่มาดร้าย
อู่ซงเห็นเขามีมารยาทจึงรีบปล่อยนาง แล้วถามว่า “ข้าดูท่านสองสามีภรรยา หาใช่คนธรรมดา ขอถามนามพวกท่าน”
ชายผู้นั้นบอกให้ภรรยาสวมเสื้อเสียแล้วมาคารวะอู่ซง
อู่ซงว่า “เมื่อครู่เกิดการกระทบกระทั่ง ขออภัยอาซ้อ”
นางว่า “ข้ามีตาแต่ไม่รู้จักมอง ทำผิดพลาดไป ท่านลุงโปรดอภัย เชิญนั่งด้านในเถิด”
อู่ซงถามซ้ำว่า “พวกท่านสองสามีภรรยามีนามใด เหตุใดจึงรู้จักชื่อข้า”
ชายผู้นั้นตอบว่า “ผู้น้อยแซ่จาง 张 ชื่อชิง 青 เดิมเป็นคนทำสวนผักอยู่ในวัดกวงหมิง 光明寺 มีปากเสียงกับสงฆ์ในวัด เกิดอารมณ์ชั่ววูบพลั้งมือฆ่าพระตาย เลยเผาสวนทิ้งเสีย ต่อมาก็ไม่เห็นมีเจ้าทุกข์ ทางการก็ไม่มาตามจับ ผู้น้อยจึงมาอยู่ที่ลาดไม้ใหญ่ 大树坡 นี้คอยดักชิงทรัพย์
มีอยู่วันหนึ่ง มีผู้เฒ่าหาบของมา ผู้น้อยออกชิงทรัพย์ กลับต้องต่อสู้กับผู้เฒ่ายี่สิบกว่ากระบวนแล้วถูกผู้เฒ่าเอาไม้คานหวดคว่ำ ที่แท้สมัยยังหนุ่มท่านก็เป็นพวกดักชิงทรัพย์มาก่อน ท่านเห็นผู้น้อยหน่วยก้านดีจึงพาเข้าเมืองไปสอนวิชาให้หลายอย่าง ทั้งต่อมายังยกลูกสาวให้ได้เป็นลูกเขย
ในเมืองผู้น้อยอยู่ไม่เป็น จึงออกมาปลูกกระท่อมเปิดร้านอาหารยังชีพอยู่ที่นี่ อันที่จริงก็คอยดูคนค้าขายผ่านไปมา ใครเข้าตาก็วางยาฆ่าเสีย เชือดเนื้อชิ้นใหญ่ขายแทนเนื้อวัว เศษเนื้อเอาไปทำไส้หมั่นโถว แล้วหาบไปขายตามหมู่บ้านทุกวัน ผู้น้อยชอบคบหาชาวยุทธในวงนักเลง มีฉายาว่า คนสวนผักจางชิง 菜园子张青
ภรรยาของผู้น้อยนี้แซ่ซุน ถ่ายทอดวิชามาจากบิดา คนเรียกนางว่า นางยักษ์ซุนเอ้อเหนียง 母夜叉孙二娘 (บิดานางคือ ยักษ์ภูเขาซุนหยวน 山夜叉孙元 จึงได้ฉายานางยักษ์ สืบเนื่องมาจากฉายาของบิดา ; 夜叉 เย่ชา เป็นคำทับศัพท์ ยักษา) ผู้น้อยเพิ่งกลับมาได้ยินนางร้อง ไม่คิดว่าจะได้พบกับตูโถว
ผู้น้อยเคยกำชับภรรยาไว้ว่า คนสามจำพวกมิอาจล่วงเกิน
จำพวกที่หนึ่งก็คือ นักบวชสัญจร (僧道 ทั้งพระทั้งพรต) นอกจากไม่มีอะไรให้ชิงแล้ว ยังเป็นผู้ออกบวช
แม้กระนั้นนางก็ยังไปลงมือกับพระมือฉมังเข้ารูปหนึ่ง เดิมเคยเป็นถีเสียอยู่กับนายท่านฉงจิงเลวี่ยผู้เฒ่าเมืองหยันอัน แซ่หลู่ชื่อต๋า เพราะไปฆ่าเจิ้นกวนซีตายในสามหมัดจึงหนีไปออกบวชที่เขาอู่ไถ เนื่องจากมีรอยสักเต็มแผ่นหลัง วงนักเลงจึงเรียกว่า สงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซิน ใช้ไม้ขักขระหนักหกสิบกว่าชั่งเป็นอาวุธผ่านมาทางนี้ นางเห็นร่างใหญ่อ้วนพีจึงวางยาแล้วกำลังจะเชือด ผู้น้อยกลับมาเห็นไม้เท้าพระเข้าจึงเข้าไปห้าม เอายาแก้ให้ ต่อมาได้สาบานเป็นพี่น้องโดยนับเขาเป็นพี่
ได้ยินว่าตอนนี้ไปเป็นโจร ยึดเอาวัดแก้วมณี เขาสองมังกร 二龙山宝珠寺 เป็นหัวหน้าค่าย อยู่กับอีกคนเรียก สัตว์หน้าครามหยางจื้อ อะไรนี่แหละ ผู้น้อยได้รับหนังสือชวนให้ไปอยู่ด้วยกันหลายฉบับแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ไป”
อู่ซงว่า “สองคนนี้ ในวงนักเลงข้าก็ได้ยินบ่อยครั้งอยู่”
จางชิงว่า “เสียดายนักธุดงค์ 头陀 (คำทับศัพท์บาลี Dhutanga ธุดงค์ นักธุดงค์ไว้ผมไม่โกนหัวมีใบสุทธิ) ผู้หนึ่ง สูงสักเจ็ดแปดฉื่อถูกนางวางยา ผู้น้อยกลับมาช้าไป เหลือแต่แขนขา และก็เหลือ ห่วงมงคลสวมหัว เสื้อคลุมยาว และใบสุทธิพระอยู่ที่นี่ ที่หายากก็คือ สร้อยประคำกระดูกขม่อมหนึ่งร้อยแปดชิ้น และมีดศีลเนื้อเหล็กหิมะ 雪花镔铁 คู่หนึ่ง คิดว่าคนผู้นี้ตอนมีชีวิตคงฆ่าคนไปไม่น้อย ทุกวันนี้ พอกลางดึกดาบคู่นี้ยังหวีดร้องอยู่เลย ผู้น้อยยังเจ็บใจที่ช่วยคนผู้นี้ไว้ไม่ได้
คนจำพวกสองที่กำชับภรรยาไว้ไม่ให้ล่วงเกิน คือ พวกนางโลมที่ท่องวงนักเลง
พวกนี้จะตระเวนไปทั่วตามหัวเมืองต่างๆ หากินกับผู้คนมากมาย หากไปแพร่ข่าวเสียหายแก่พวกเราคงไม่เป็นการดี
คนจำพวกที่สาม คือ พวกที่ต้องโทษเนรเทศ ซึ่งในหมู่คนเหล่านี้มักมีพวกผู้กล้าที่แท้จริงอยู่
ไม่คิดว่าภรรยาจะไม่เชื่อฟัง วันนี้ยังได้ล่วงเกินตูโถวท่าน ยังโชคดีที่ผู้น้อยกลับมาไว”
นางยักษ์ซุนเอ้อเหนียงว่า “ทีแรกก็ไม่คิดจะลงมือ แต่ข้อหนึ่งเห็นห่อผ้าท่านลุงมีน้ำหนัก ข้อสองต้องโทษท่านลุงพูดจาแทะโลมมาก่อน จึงเกิดความคิดชั่วแล่น”
อู่ซงว่า “ข้าเป็นพวกรักคุณธรรมไม่กลัวตาย 斩头沥血 มีหรือจะเที่ยวแหย่คนดีๆ ข้าเห็นอาซ้อจ้องห่อผ้าข้าไม่วางตา ก็สงสัยอยู่แล้วจึงพูดเกี้ยวพาล่อให้ลงมือ เหล้าชามนั้นข้าแอบเททิ้งแล้วทำเป็นโดนพิษ ท่านก้มมายกตัวข้าจึงถูกข้าจับ เกิดการกระทบกระทั่งอาซ้อ ต้องขออภัย ”
จางชิงหัวเราะร่าแล้วเชิญอู่ซงไปนั่งด้านใน
อู่ซงว่า “พี่ท่าน ช่วยปล่อยผู้คุมสองคนนั้นด้วยเถิด”
จางชิงพาอู่ซงเข้าไปในโรงเชือด มีหนังมนุษย์ตรึงข้างฝาอยู่หลายผืน มีน่องคนแขวนที่คานราวเจ็ดน่อง สองผู้คุมนอนสลบไสลอยู่บนม้าเขียง
อู่ซงว่า “พี่ใหญ่ ช่วยแก้สองคนนั่นให้ฟื้นทีเถิด”
จางชิงว่า “ขอถามหน่อยว่า ตูโถวท่านโดนข้อหาอะไร และเนรเทศไปที่ไหน”
อู่ซงจึงเล่าเรื่องที่สังหารซีเหมินชิ่งกับพี่สะใภ้ให้ฟัง จางชิงสองสามีภรรยาต่างพากันกล่าวชม
จางชิงว่า “ผู้น้อยว่า แทนที่ท่านจะไปรับโทษที่แดนจำ มิสู้กำจัดผู้คุมทั้งสองแล้วอยู่เสียที่นี่กับผู้น้อย หรือหากตูโถวยอมเป็นโจร ผู้น้อยจะแนะนำให้ไปเข้าร่วมกับหลู่จื้อเซินที่วัดแก้วมณีเขาสองมังกร ดีหรือไม่”
อู่ซงว่า “พี่ท่านช่างมีน้ำใจต่อผู้น้อง แต่มีเรื่องหนึ่ง อู่ซงเป็นชายชาตรียืนหยัดท้าฟ้าดิน ผู้คุมทั้งสองดูแลอย่างดีมาตลอดทาง จะให้ข้าทำร้ายพวกเขานั้นผิดวิสัยฟ้า หากท่านเอ็นดูข้า โปรดช่วยพวกเขาเถิด อย่าได้ทำร้าย”
จางชิงให้คนหิ้วปีกสองผู้คุมลงมาจากเขียง ซุนเอ้อเหนียงผสมยาถอนพิษ จางชิงดึงหูแล้วกรอกยาเข้าปาก ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม สองคนก็ฟื้นคืนสติเหมือนหลับฝัน มองอู่ซงแล้วว่า “พวกเรา ทำไมมาเมาล้มอยู่นี่ เหล้าที่นี่เขาแรงจริง ดื่มหน่อยเดียวก็เมาแล้ว ต้องจำเอาไว้ ขากลับจะได้แวะมาใหม่” ทำเอาอู่ซงขำต้องหัวเราะ จางชิง ซุนเอ้อเหนียงพลอยหัวเราะไปด้วย
จางชิงให้คนเชือดไก่ห่านปรุงอาหารแล้วไปตั้งโต๊ะที่ใต้ซุ้มเถาองุ่น อู่ซง จางชิง ซุนเอ้อเหนียง และสองผู้คุมร่วมโต๊ะกัน มีหนุ่มสองคนคอยรินเหล้า
ตกค่ำจางชิงให้นำมีดศีลเหล็กหิมะคู่นั้นมาให้อู่ซงชม สองหนุ่มก็เล่าเรื่องในวงนักเลงให้ฟัง ล้วนเป็นเรื่องฆ่าคนวางเพลิง อู่ซงก็กล่าวว่า “ฝนยามแล้งซ่งกงหมิงแห่งซานตงเป็นผู้มีคุณธรรมและกล้าหาญ ตอนนี้ยังต้องหนีคดีไปอยู่กับท่านขุนนางใหญ่ไฉ”
ฟังแต่เรื่องฆ่าคนวางเพลิง ทำให้สองผู้คุมรู้สึกชอบกลอยู่ ชักกลัวขึ้นมา อู่ซงว่า “พวกท่านส่งข้ามาถึงที่นี่ ข้าไม่ได้คิดร้ายพวกท่านหรอก พวกเราชาวยุทธ ไม่ได้เที่ยวทำร้ายคนดี ดื่มกันให้สบายใจ พรุ่งนี้ไปถึงเมิ่งโจว ข้ายังมีของสมนาคุณให้”
วันรุ่งขึ้น อู่ซงจะออกเดินทาง จางชิงไม่ยอมรั้งให้อยู่ต่ออีกสามวัน อู่ซงซาบซึ้งจึงได้สาบานเป็นพี่น้องกับจางชิง จางชิงอายุมากกว่าห้าปีจึงนับเป็นพี่ ก่อนออกเดินทาง จางชิงจัดเลี้ยงส่ง นำห่อผ้ากระเป๋า สัมภาระทั้งหมดคืนให้ มอบเงินแท่งให้อู่ซงสิบตำลึง มอบเงินปลีกให้สองผู้คุมสามตำลึง อู่ซงนำเงินสิบตำลึงนั้นมอบต่อให้สองผู้คุมไปแบ่งกัน เอาคากลับคืนใส่คอ กล่าวลาจางชิงซุนเอ้อเหนียง เดินทางมุ่งมาเมิ่งโจว
结义情如兄弟亲,劝言落草尚逡巡。
须知愤杀奸淫者,不作违条犯法人。
สาบานเป็นพี่น้องผูกสัมพันธ์
ชักชวนกันเป็นโจรยังไฉเฉ
แม้สังหารชู้ชั่วได้ไม่ลังเล
ไม่เกเรเที่ยวฝ่าฝืนกฏหมาย
ไม่ทันเที่ยงวัน ก็มาถึงเมิ่งโจว สองผู้คุมส่งมอบตัวอู่ซงพร้อมรับหนังสือตอบแล้วเดินทางกลับ อู่ซงถูกส่งไปยังแดนจำที่ “ค่ายอันผิง 安平寨”
อู่ซงอยู่ห้องเดี่ยว เพื่อนร่วมแดนแวะมาดูแล้วบอกว่า “หนุ่ม เจ้ามาใหม่ ในห่อผ้าหากมีหนังสือแนะนำตัวหรือมีเงินก็เตรียมเอาไว้ เดี๋ยวผู้คุม 差拨 มาก็มอบให้เขา เวลาโบยต้อนรับจะได้เบาหน่อย ถ้าไม่มีให้หลังคงแทบหัก พวกข้าเห็นเจ้ามาใหม่ จึงมาเตือนให้รู้ก่อน”
อู่ซงว่า “ขอบคุณพวกท่านที่บอก ผู้น้อยพอมีเงินอยู่บ้าง ถ้าเขามาคุยดีๆ ก็คงให้ แต่หากแข็งมา สตางค์แดงเดียวก็ไม่ให้”
พวกเพื่อนร่วมแดนว่า “อย่าว่าเช่นนั้น
在人矮檐下,怎敢不低头!
ชายคาบ้านเขาต่ำ จำต้องเดินก้มหัว
ระวังตัวไว้หน่อยเป็นดี”
พอได้ยินคนบอกว่า “ผู้คุมมาแล้ว” พวกนั้นก็พากันแยกย้ายไป
ตอนก่อนหน้า : ลาดสี่แพร่ง
https://www.blockdit.com/posts/6592b70bd06869d4a4286ecf
ตอนถัดไป : สมิงตาทอง
https://www.blockdit.com/posts/6598065266744d907c891b50
1 บันทึก
2
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน ภาคต้น
1
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย