28 ม.ค. 2024 เวลา 12:00 • อาหาร
Rimping Supermarket NimCity Branch

Baby carrot และ Baby cut carrots ต่างกันอย่างไร

แครอทเป็นพืชยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของโลกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารสารพัดประโยชน์ของสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ต่างก็ชื่นชอบการบริโภคแครอทกันมานานหลายยุคหลายสมัย
แครอทถูกปลูกขึ้นมาครั้งแรกเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์แครอทถูกค้นพบว่าวางอยู่ในสุสานของฟาโรห์ รวมทั้งภาพวาดต่าง ๆ โดยสมัยก่อนแครอทจะมีสีดำ สีขาว สีแดง และสีม่วง เป็นแครอทที่มีรสชาติออกไปทางขม ในสมัยอียิปต์โบราณจึงถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรค
ต่อมาในศตวรรษที่ 17 เนเธอร์แลนด์ได้เพราะพันธุ์แครอทสีส้มขึ้นมา ไม่มีรสขม แต่มีรสหวาน ซึ่งเป็นแครอทสายพันธุ์ที่เราคุ้นเคยกันดีในทุกวันนี้ ส่วนแครอทจิ๋วหรือเบบี้แครอท (Baby carrot) ที่เราเห็นกันตามซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ไม่ได้เป็นแครอทสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นแครอทที่ยังไม่โตเต็มวัยนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเบบี้แครอทที่เราเห็นกันทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น แต่ยังมีเบบี้แครอทอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกกันว่าเบบี้คัทแครอท (Baby cut carrots) ซึ่งเป็นการนำแครอทขนาดใหญ่มาตัดเป็นท่อนเล็กจิ๋วยาวประมาณ 2 นิ้ว ซึ่งไอเดียนี้เกิดขึ้นในปี 1986 โดยเกษตรกรชาวแคลิฟอร์เนียชื่อ Mike Yurosek
เขาคิดไอเดียนี้ขึ้นมา เนื่องจากเกษตรกรที่ปลูกแครอทในแคลิฟอร์เนียประสบกับปัญหาแครอทผิวไม่สวยและรูปทรงไม่เท่ากันจำนวนมาก ซึ่งในแต่ละครั้งของการเก็บเกี่ยวจะมีแครอทที่ไม่ได้มาตรฐานมากถึง 70 % ของแครอททั้งหมด
โดยแครอทที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้ เขามองว่าไม่เหมาะที่จะวางขายในซุปเปอร์เก็ต จึงต้องคัดแครอทเหล่านั้นออกมา อย่างไรก็ตามถึงแม้แครอทเหล่านี้จะมีรูปทรงไม่ได้มาตรฐาน แต่ก็ใช่ว่าคุณค่าทางโภชนาการจะลดลงตามไปด้วย จะให้ทิ้งไปเลย หรือนำไปเป็นอาหารสัตว์ทั้งหมดก็คงจะขาดทุนย่อยยับ เขาจึงนำแครอทเหล่านั้นมาปอกเปลือก แล้วหั่นเป็นชิ้นจิ๋วใส่กระป๋องขาย ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาเชิงการตลาดที่ประสบความสำเร็จมากในอเมริกา
1
ความสำเร็จของเบบี้คัทแครอทนั้นท่วมท้นในปี 1987 ชาวอเมริกันนิยมทานเบบี้คัทกันมากขึ้น จนยอดขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นพุ่งสูงขึ้นแซงหน้าแครอทแบบหัวใหญ่ไปเลยค่ะ ที่เบบี้คัทแครอทได้รับความนิยมนั่นก็เพราะว่าผู้คนจำนวนมากไม่ชอบทานเปลือกแครอท ถึงแม้จะซื้อแครอทหัวใหญ่ไปก็ต้องปอกเปลือกออกอยู่ดี แต่เบบี้คัทนั้นถูกปอกเปลือกก่อนจะถูกนำมาวางขาย อีกทั้งยังมีขนาดเล็กทานได้ง่าย เนื้อไม่แข็งเกินไป สามารถกัดกินเป็นของว่างได้เลย ผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมทานเบบี้คัทแครอทเป็นของว่าง แทนที่จะนำไปแปรรูปเป็นอาหาร
1
ลักษณะของเบบี้คัทที่เราเห็นตามซุปเปอร์มาร์เก็ตก็คือจะเป็นแครอทขนาดเล็กที่ถูกปอกเปลือกออกจนเกลี้ยง ขนาดจะเท่า ๆ กันทั้งหมด มีสีส้มสดใสแตกต่างจากเบบี้แครอทที่ยังไม่โตค่ะ
ในเวลาต่อมาเมื่อผู้คนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น จึงตระหนักได้ว่าการที่แครอทถูกปอกเปลือกออกไป จะทำให้สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการไปด้วย ดังนั้นความนิยมของเบบี้คัทจึงลดลง และเป็นยุคของเบบี้แครอทที่ยังไม่โตเต็มวัย ซึ่งเบบี้แครอทที่ยังไม่โตเต็มวัยนี้ จะถูกเก็บออกมาก่อนที่จะโต โดยไม่จำเป็นต้องปอกเปลือกออกเหมือนเบบี้คัท แต่รูปทรงก็อาจจะไม่ได้เท่ากันหรือสวยงามเหมือนเบบี้คัท เพียงแต่มีขนาดหัวเล็ก และทานง่ายนั่นเองค่ะ
ประโยชน์ของเบบี้แครอทหรือเบบี้คัท ที่จริงแล้วไม่ต่างกับแครอทที่โตเต็มวัยเลยค่ะ คือมีสารอาหารจำพวก เบตาแคโรทีน วิตามิน แร่ธาตุ วิตามินซี โพแทสเซียม และโฟเลตเหมือนกัน โดยเบตาแคโรทีนจะเปลี่ยนเป็นวิตามิน A เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการมองเห็น ต่อต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงผิว นอกจากนี้เบบี้แครอทยังมีแคลอรีและไขมันต่ำ จึงเป็นอาหารว่างที่เหมาะสำหรับผู้ที่พยายามรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
โดยสรุปความแตกต่างระหว่าง แครอททั้ง 3 รูปแบบทั้งแครอทหัวใหญ่ เบบี้แครอท และเบบี้คัท ก็อาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ในแง่คุณค่าทางโภชนาการแครอทหัวใหญ่ และเบบี้แครอทก็อาจจะมีมากกว่าเบบี้คัท เพราะไม่ได้ผ่านการแปรรูป ส่วนในแง่ของการใช้งานที่นิยมทานเป็นของว่างและทานสด ๆ เบบี้คัทและเบบี้แครอทก็อาจจะเหมาะสมมากกว่าแครอทหัวใหญ่ เพราะทานง่ายและเนื้อเปราะกว่า แต่แครอทหัวใหญ่นิยมนำไปทำอาหารแบบปรุงสุก หรือทำเป็นน้ำผลไม้ ฉะนั้นแครอททั้ง 3 รูปแบบนี้จึงแตกต่างกันในรูปแบบการนำไปใช้ประโยชน์มากกว่าค่ะ
สามารถหาซื้อแครอท หรือเบบี้แครอทได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ
โฆษณา