3 ก.พ. 2024 เวลา 12:00 • อาหาร
Rimping Supermarket NimCity Branch

มีใครเคยสงสัยไหมว่า ทำไมเชอร์รี่ในประเทศไทยถึงปลูกได้ยากกว่าในประเทศอื่น ๆ

มีใครเคยสงสัยไหมว่า ทำไมเชอร์รี่ในประเทศไทยถึงปลูกได้ยากกว่าในประเทศอื่น ๆ และทำไมเราถึงไม่มีเชอร์รี่ราคาถูก ๆ ทานกันเสียที วันนี้เรามาทำความรู้จักเชอร์รี่กันค่ะ
เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น จึงเติบโตได้ดีในประเทศที่มีอากาศหนาว ถึงแม้ประเทศไทยเราจะมีฤดูหนาวเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้หนาวพอที่จะปลูกเชอร์รี่ได้ง่าย ๆ เพราะการปลูกเชอร์รี่นั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นสภาพดิน น้ำ อากาศ แสงแดด รวมไปถึงสายพันธุ์ของเชอร์รี่ก็ส่งผลต่อการเติบโตด้วยเช่นกัน
History of Cherry
เชอร์รี่มีถิ่นกำเนิดบริเวณรอบ ๆ ทะเลดำ (ปัจจุบันคือประเทศตุรกี) พื้นที่แถบนี้มีอากาศหนาวเย็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉะนั้นเชอร์รี่จึงเติบโตได้ดีในบริเวณนี้ก่อนจะถูกนำไปยังยุโรปในช่วงยุคกลาง จนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งในปีที่ 1600 ชาวอาณานิคมอังกฤษก็ได้นำเมล็ดเชอร์รี่มายังโลกใหม่ด้วยจึงทำให้การปลูกเชอร์รี่กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกาและมีการปลูกในหลายส่วนของประเทศ รวมถึงแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ แคลิฟอร์เนีย และมิชิแกน
เชอร์รี่มีอยู่ 2 ประเภทคือเชอร์รี่หวานและเชอร์รี่เปรี้ยวที่เราพบเห็นตามซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่จะเป็นเชอร์รี่หวานลูกโต ๆ สายพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ มีเนื้อสัมผัสที่หนา เข้มข้น เกือบจะคล้ายกับลูกพลัม ส่วนเชอร์รี่เปรี้ยวจะนิยมนำผลไปทำแยมหรือนำไปปรุงอาหารอื่น ๆ ไม่นิยมนำมารับประทานกันแบบสด ๆ เหมือนเชอร์รี่หวานค่ะ
Cherry cultivation
ด้วยความที่เติบโตและขยายพันธุ์มาในสภาพแวดล้อมที่มีแต่อากาศหนาว เชอร์รี่จึงไม่ค่อยคุ้นชินกับสภาพอากาศในบ้านเราสักเท่าไหร่ แต่ในประเทศไทยเราก็ใช่ว่าจะปลูกเชอร์รี่ไม่ได้เสียทีเดียว เพราะยังมีเชอร์รี่อีกสายพันธุ์หนึ่งที่สามารถปลูกได้ในบ้านเรา เรียกว่าสายพันธุ์พื้นเมือง หรือเชอร์รี่พันธุ์ไทย (Barbados cherry) เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับมาจากประเทศอเมริกาใต้เมื่อนานมาแล้ว เชอร์รี่สายพันธุ์นี้มีผลขนาดเล็ก น้ำหนักผลเฉลี่ยไม่เกิน 2 กรัม มีรสชาติค่อนข้างเปรี้ยว จึงนิยมนำไปปลูกเป็นไม้ประดับกันมากกว่า
ถ้าเป็นเชอร์รี่สายพันธุ์อื่น ๆ ที่นำจากเมืองนอกมาปลูกในบ้านเราก็อาจจะปลูกได้เช่นกัน แต่ว่าต้องอาศัยการดูแลมากเป็นพิเศษ เพราะเชอร์รี่สายพันธุ์นอกจะไม่ค่อยมีภูมิต้านทานต่อสภาพอากาศบ้านเรา อีกทั้งยังต้องปลูกในพื้นที่ที่มีความสูง 1000-1200 เมตร ขึ้นไป และต้องอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นอีกด้วย จึงไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่
หากนำสายพันธุ์นอกมาปลูกในบ้านเรา เพราะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าต้นเชอร์รี่จะเติบโตและออกผล และเมื่อถึงเวลาเรายังต้องลุ้นอีกว่าเชอร์รี่จะให้ผลผลิตหรือไม่ หรือถ้าหากเชอร์รี่ที่ออกผลแล้วจะมีรสชาติตรงตามที่เราต้องการหรือเปล่า จะหวานฉ่ำเหมือนที่ปลูกจากเมืองนอกแล้วนำมาจำหน่ายในบ้านเราหรือไม่ ก็ต้องลุ้นกันอีกที ฉะนั้นจึงไม่ค่อยมีใครกล้าเสี่ยงนำสายพันธุ์นอกมาปลูกในบ้านเรานั่นเองค่ะ
ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้เชอร์รี่ลูกใหญ่ ๆ หวานฉ่ำ จึงหาได้ยากในบ้านเรา ที่เห็นส่วนใหญ่ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตก็จะเป็นสายพันธุ์นำเข้า จึงมีราคาแพง ท้ายที่สุดก็ยังคงหวังว่าในสักวันหนึ่งเราจะได้ทานเชอร์รี่ที่ปลูกในประเทศไทยลูกใหญ่ ๆ รสชาติหวานฉ่ำ ราคาไม่แพงมากกันนะคะ
สามารถหาซื้อเชอร์รี่หลากหลายสายพันธุ์ได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ
โฆษณา