21 ก.พ. 2024 เวลา 12:00 • อาหาร
Rimping Supermarket NimCity Branch

Lime (มะนาว) และ Lemon (เลมอน) ต่างกันอย่างไร

Lime (มะนาว) และ Lemon (เลมอน) เป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ทั้งสองชนิดมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจ แม้จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ทั้งสองชนิดนี้ก็มีความแตกต่างกันที่ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกประวัติของ Lime และ Lemon กันค่ะ
ตามประวัติศาสตร์เชื่อกันว่ามะนาวและเลมอนมีถิ่นกำเนิดอยู่ในที่เดียวกัน คือแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย หลังจากนั้นจึงถูกนำไปเผยแพร่ยังส่วนอื่น ๆ ของโลก โดยชาวยุโรปรู้จักผลไม้ทั้งสองชนิดนี้ผ่านพ่อค้าชาวอาหรับที่นำสินค้าจากอินเดียมาค้าขายทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกาและตอนใต้ของยุโรป ในช่วงศตวรรษที่ 10
ต่อมาในศตวรรษที่ 16 นักสำรวจและนักเดินทางชาวอิตาลี คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ได้นำผลไม้ทั้งสองไปปลูกที่หมู่เกาะทางตะวันออกของทวีปอเมริกาในการเดินเรือครั้งที่ 2 นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผู้คนในพื้นที่แถบนั้นรู้จักมะนาวและเลมอน ในภายหลังผลไม้ทั้งสองชนิดนี้จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและแพร่กระจายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เช่น ฟลอริดายาวไปจนถึงเม็กซิโก
ในอดีตมะนาวและเลมอนได้รับการยกย่องในด้านสรรพคุณทางยาและถูกนำมาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เช่น โรคบิด โรคเลือดออกตามไรฟัน ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการขาดวิตามินซี นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาสำหรับปัญหาทางเดินอาหาร เช่น อาการคลื่นไส้และท้องผูก แต่ด้วยความที่มะนาวและเลมอนเป็นผลไม้ที่เดินทางมาอย่างยาวไกลกว่าจะถึงทวีปอเมริกา อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยาที่มากมาย ในตอนนั้นจึงมีเฉพาะคนที่มีเงินเท่านั้นที่จะหาซื้อได้ ยุคแรก ๆ มะนาวและเลมอนจึงเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นปกครองและชนชั้นสูง
นอกจากเรื่องสรรพคุณทางยาแล้ว มะนาวและเลมอนยังมีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนาในสังคมต่าง ๆ อีกด้วย เช่น ศาสนาฮินดู มีเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งถือมะนาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย ร้านค้าในอินเดียไม่ว่าเล็กหรือใหญ่จะแขวนเชือกที่ร้อยมะนาวพร้อมพริกเจ็ดเม็ดไว้ที่หน้าร้าน เพื่อขับไล่ปีศาจ เหมือนกับวัฒนธรรมเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนเลมอนเป็นหนึ่งในพืชผลสี่อย่างที่ชาวยิวใช้สวดมนต์ในเทศกาลอยู่เพิง (sukkhot)
Difference between lime and lemon
มะนาวและเลมอนเป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่มีความเป็นกรดสูง จัดอยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ทั้งสองชนิดจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ในแง่คุณค่าทางโภชนาการและการนำมาใช้งานนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยมะนาวจะมีสีเขียว ผลกลม ขนาดเล็กมีความเป็นกรดมากกว่า ส่วนเลมอนจะมีสีเหลืองทรงกลมรี ขนาดผลใหญ่กว่า ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าน้ำมะนาวมีค่า pH ระหว่าง 2.00 ถึง 2.60 ในขณะที่น้ำเลมอนมีค่า pH ระหว่าง 2.00 ถึง 2.35
ในแง่ของรสชาติมะนาวจะมีความเปรี้ยวแหลมจัดจ้านมากกว่าเลมอน จึงนิยมใช้ในอาหารคาว เช่น ต้มยำ ยำ ส้มตำและอื่น ๆ ซึ่งเหมาะกับอาหารเอเชีย โดยเฉพาะอาหารไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องความครบรส เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ส่วนเลมอนจะมีความเปรี้ยวที่ละมุนกว่า จึงนิยมใช้ในอาหารตะวันตกทั้งคาวและหวาน เช่น ไก่เลมอน พายเลมอน เมอแรงก์ ทาร์ตเลมอน แยมเลมอน ไอศกรีม เจลาโต้ และขนมอบต่าง ๆ
โดยส่วนใหญ่แล้วอาหารที่มีส่วนผสมของเลมอน มักใส่ผิวเลมอนลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความหอม นอกจากนี้เลมอนยังนิยมใช้ในเครื่องดื่มต่าง ๆ รวมไปถึงค็อกเทล เช่น Margarita และ Mojito
ในด้านโภชนาการตามฐานข้อมูลของ USDA ระบุว่าเลมอนมีวิตามินซีและโฟเลตที่เข้มข้นกว่ามะนาว โดยพบวิตามินซี 39 มก. และโฟเลต 20 มก. ในน้ำเลมอน 100 กรัม เมื่อเทียบกับน้ำมะนาวที่มีวิตามินซี 30 มก. และโฟเลต 10 มก. ในน้ำมะนาว 100 กรัม แต่อย่างไรก็ตามมะนาวยังมีวิตามินเอที่สูงกว่าเลมอน ฉะนั้นทั้งเลมอนและมะนาว ต่างก็เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ ซึ่งอาจจะมีคุณค่าทางโภชนาการที่แตกต่างกันเล็กน้อย
สามารถหาซื้อ Lime (มะนาว) และ Lemon (เลมอน) ได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ
โฆษณา