12 ม.ค. เวลา 01:44 • ท่องเที่ยว
The Waseda International House of Literature (The Haruki Murakami Library)

The Haruki Murakami Library เปิดโลกอีกใบกับห้องสมุดมูราคามิ

หากพูดถึงนักเขียนญี่ปุ่นคิดว่าหลายคนคงนึกถึง ฮารูกิ มูราคามิ เป็นแน่ด้วยเพราะเขาเป็นนักเขียนชื่อดังระดับโลก มีผลงานทั้งเรื่องสั้น นวนิยาย เรียงความ ผลงานแปลมากกว่า 50 ภาษา ติดอันดับหนังสือขายดีทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ และเขายังได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย รวมทั้งชื่อของเขาเคยอยู่ใน Shortlist รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมหลายครั้งหลายปี ทำให้มีแฟนคลับหนังสือมูราคามิอยู่ไปทั่วโลก
1
ด้วยเหตุนี้ทางมหาวิทยาลัยวาเซดะ หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 141 ปี มีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ฮารูกิ มูราคามิ ได้สร้างห้องสมุด The Waseda International House of Literature ชื่อย่อว่า The Haruki Murakami Library หรือที่ใครๆ เรียกว่า ห้องสมุดมูราคามิขึ้นมาในปี 2021 ตรงคณะอักษรศาสตร์คณะที่เขาเคยได้เรียน
6
เพื่อให้เกียรติกับตัวมูราคามิที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับทางมหาวิทยาลัยวาเซดะในเวทีโลก รวมทั้งยังจัดให้เป็นห้องสมุดที่รวบรวมผลงาน ประวัติ ของมูราคามิให้นักศึกษาวาเซดะและประชาชนทั่วไปรวมถึงนักท่องเที่ยวได้ชมได้ศึกษา
1
โดยตัวมูราคามิยังเป็นคนเลือกเค็นโกะ คุมะ สถาปนิกชื่อดังให้มาออกแบบห้องสมุดด้วยตัวเอง ทำให้ห้องสมุดมูราคามิยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก ทำให้เมื่อผมมีโอกาสได้ไปโตเกียวครั้งล่าสุดจึงไม่พลาดที่จะหาโอกาสไปชมห้องสมุดมูราคามิ
3
เมื่อผมเดินมาถึงห้องสมุดก็เห็นเส้นอุโมงค์โค้งเคลื่อนไหวนำสายตาตัดกับตัวตึกสีขาวชัดเจน เป็นตึกที่แปลกแตกต่างกว่าตึกอื่นๆ โดยรอบ ตัวเค็นโกะเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาได้แนวคิดการออกแบบมาจากผลงานของมูราคามิที่ชอบสร้างโลกแปลกประหลาดอีกใบให้คนอ่านได้เข้าไปพบเสมอ
5
เขาจึงออกแบบทางเข้าให้เป็นแนวอุโมงค์ไม้ดัดสีขาวที่ดัดโค้งไปโค้งมาเป็นเส้นสายเคลื่อนไหวล้อมมุมของตึก เป็นการเชื้อเชิญคนภายนอกให้อยากเดินเข้ามาในโลกของมูราคามิ ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ ไม่ว่าใครที่เดินอยู่บริเวณแถวนั้นเป็นต้องมนต์กับเส้นโค้งที่ดึงดูดให้เดินเข้ามาห้องสมุด
4
ตัวอาคารมีทั้งหมด 5 ชั้น และมีชั้นใต้ดินอีกหนึ่งชั้น แต่ทางห้องสมุดเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมได้จะมีเฉพาะชั้นใต้ดิน ชั้น 1 และชั้น 2 เท่านั้น โดยเมื่อเราเดินลอดซุ้มอุโมงค์โค้งตรงทางเข้ามาก็จะเจอซุ้มไม้ดัดที่เป็นชั้นวางหนังสือสุดอลังการที่สามารถเดินลงไปชั้นใต้ดิน ถือเป็นมุมไฮไลต์ของห้องสมุดนี้ แต่ทางบรรณารักษ์แนะนำให้ผมเลี้ยงซ้ายชมชั้นอื่นๆ ก่อนแล้วค่อยเดินวนมาที่จุดนี้จึงค่อยเดินลงไปชั้นใต้ดินเป็นอย่างสุดท้าย
4
เมื่อผมเดินไปทางซ้ายก็จะเห็นผลางานหนังสือของมูราคามิมากกว่า 1,400 เล่ม โดยเป็นหนังสือฉบับพิมพ์ครั้งแรกในภาษาญี่ปุ่น และฉบับแปลกว่า 50 ภาษา
4
ที่ห้องนี้จะมีโต๊ะยาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ให้เราสามารถหยิบหนังสือมานั่งอ่านได้ ถัดจัดห้องนี้มาจะมีห้องเสียงที่จัดแสดงแผ่นเสียงไวนิลบางส่วนของมูราคามิตั้งแต่สมัยที่เขาได้เคยเปิดบาร์ Peter-Cat Jazz Bar ให้เราได้เขาไปชม ไปนั่งเล่นกัน ที่ข้างห้องจะมีผนังแสดงรายชื่อหนังสือผลงานมูราคามิประเภทต่างๆ ตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน โดยจัดเรียงลำดับตามไทม์ไลน์ รวมทั้งยังบอกรางวัลที่เขาได้รับทั้งรางวัลในประเทศและรางวัลระดับนานาชาติ
6
ชั้น 2 จะมีห้องสำหรับจัดนิทรรศการ โดยช่วงที่ผมไปนั้นมีการจัดแสดงผลงานของ มิซูมารุ อันไซ นักเขียน นักวาดภาพประกอบ เพื่อนซี้ของ ฮารูกิ มูราคามิ ที่พวกเขาได้รู้จักคบหากันมานานกว่า 30 ปี มูราคามิมีผลงานร่วมกันกับอันไซหลายชิ้น โดยมูราคามิจะคิดเรื่องและอันไซจะวาดภาพประกอบ ซึ่งในนิทรรศการจะนำเสนอตั้งแต่ผลงานชิ้นแรกที่ทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกันพร้อมคำบรรยายประกอบ ไปยังผลงานชิ้นสุดท้าย ก่อนที่ มิซูมารุ อันไซ จะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2014 ด้วยวัย 71 ปี
5
มิซูมารุ อันไซมีชื่อจริงว่า โนโบรุ วาตานาเบะ ซึ่งมูราคามิได้เขียนตัวละครที่ชื่อ โนโบรุ วาตานาเบะ อยู่ในเรื่องต่างๆ หลายเรื่อง เช่น เป็นแฟนน้องสาวในเรื่อง “พี่ชาย น้องสาว” เป็นแมวที่หายไปในเรื่อง “ตำนานนกไขลาน” หรือเป็นคุณลุงผู้ดูแลสวนสัตว์ในเรื่อง “ช้างหาย”
ภายในนิทรรศการยังมีบทความที่อันไซกล่าวชื่นชมมูราคามิ และมีบทความของมูราคามิที่พูดถึงอันไซอย่างสนิทสนม นับเป็นบุคคลที่มูราคามิผูกพันและสนิทมากทั้งเป็นเพื่อนในชีวิตจริง เป็นเพื่อนร่วมงาน และยังเป็นตัวละครให้กับนิยายเขาในหลายๆ เรื่อง
4
ถัดจากห้องนิทรรศการจะมีห้องที่จัดฉายบทสัมภาษณ์ของฮารูกิ มูราคามิ เราสามารถนั่งดูนั่งฟังได้ เพียงแต่ห้องนี้ทางห้องสมุดไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปหรือบันทึกเสียงใดๆ เสร็จสิ้นจากห้องนี้ผมก็เดินลงบันไดเดินวนไปตรงทางเข้า เพราะมีป้ายไม่อนุญาตให้คนภายนอกขึ้นไปชั้น 3, 4, 5
3
และก็มาถึงจุดไฮไลต์ของห้องสมุดมูราคามิ คือ ซุ้มอุโมงค์ไม้โอ๊คโค้งอลังการที่สูงถึงฝ้าเพดาน โดยทำเป็นชั้นวางหนังสือที่เราสามารถเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน หนังสือบนชั้นจะเป็นหนังสือจริง จัดวางเรียงตามตัวอักษร เราสามารถหยิบมานั่งอ่านได้ ตรงชั้นใต้ดินจะมีห้องทำงานของมูราคมิจำลองให้เราได้เห็นสภาพห้อง สภาพโต๊ะเขียนหนังสือของเขา นอกจากนี้ยังมี Orange Cat ร้านคาเฟ่ที่ตั้งชื่อตาม Peter-Cat Jazz บาร์ที่ทางมูราคามิเคยเปิดเมื่อสมัยก่อน ให้เราสามารถกินกาแฟและนั่งชิลๆ ไปด้วยได้
3
จากชั้นใต้ดินมีประตูทางออกที่เมื่อออกมาก็เจอกับทางลาดเอียงที่สามารถเดินวนไปซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้าตรงชั้น 1 ผมรู้สึกเหมือนเพิ่งได้เดินออกมาจากโลกส่วนตัวของมูราคามิที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองอันวุ่นวาย ซึ่งกำลังเชื้อเชิญรอให้เราเข้าไปเรียนรู้ศึกษา เหมือนอย่างที่มูราคามิได้ให้นิยามของห้องสมุดนี้ไว้ว่า “learning is just like breathing,” การเรียนรู้ก็เหมือนกับการหายใจ
4
ใครที่ไม่ใช่แฟนหนังสือมูราคามิจึงสามารถเข้าไปเรียนรู้ศึกษาเปิดโลกกับเรื่องราวใหม่ๆ ที่แปลกแตกต่างได้ แต่ถ้าใครที่เป็นแฟนหนังสือด้วยแล้วยิ่งไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งครับ
3
โฆษณา