12 ม.ค. 2024 เวลา 13:07 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 64

อู่ซง ผู้จาริก (18) อู่ซงชมจันทร์
อู่ซงเดินนำขบวนเข้ามาในร้าน บนพื้นแฉะไปด้วยน้ำเหล้า ชายสองคนยังตะกายโอ่งอยู่ขึ้นมาไม่ได้ หญิงสาวเพิ่งขึ้นมาจากโอ่ง หัวร้างข้างแตก ท่อนล่างชุ่มโชกไปด้วยเหล้า ลูกน้องอื่นหนีหายไม่เห็นหัว
อู่ซงหาที่นั่งลงแล้วตะคอกว่า “พวกเจ้ารีบเก็บของไปได้แล้ว”
ทวารบาลเจี่ยงเก็บของแล้วเรียกรถให้ภรรยาไปก่อน ทางหนึ่งก็ให้ลูกน้องที่ไม่บาดเจ็บไปเชิญชนชั้นนำในดงสำราญมาที่ร้านเพื่อเป็นสักขีวาจาในการขออภัยแก่ซือเอิน
สุราอาหารจัดเตรียมไว้พร้อม เมื่อเหล่าผู้กล้าชั้นนำมาถึง อู่ซงให้ซือเอินนั่งตำแหน่งเหนือทวารบาลเจี่ยง รินสุราใส่ชามสุราใบใหญ่เบื้องหน้าแต่ละคน เชิญดื่มกันก่อนหลายรอบแล้ว อู่ซงจึงกล่าวว่า
“เหล่าเพื่อนบ้านผู้ทรงเกียรติในที่นี้ ผู้น้อยอู่ซงผู้ต้องโทษข้อหาฆาตกรรม เนรเทศจากอำเภอหยางกู่มาถึงที่นี่ ได้ฟังว่า ดงสำราญแห่งนี้ แต่เดิมผู้ที่บุกเบิกก่อตั้งคือ ผู้กำกับน้อยซือเอิน มาถูกทวารบาลเจี่ยงใช้กำลังแย่งชิงไป
พวกท่านอย่าได้คาดเดาผิดไปว่าข้าพูดไปในสถานะนายบ่าว ข้ากับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ข้าเป็นพวกเห็นเรื่องอยุติธรรมเป็นต้องลงมือช่วยเหลือ แม้ตายก็ไม่เคยกลัว
เดิมทีวันนี้ก็คิดจะสังหารเจ้าแซ่เจี่ยงผู้นี้กำจัดภัยร้ายเสีย แต่เห็นแก่เหล่าเพื่อนบ้านผู้ทรงเกียรติจึงยังคงไว้ชีวิตมันผู้นี้ไว้ นับจากคืนนี้เป็นต้นไป มันจะต้องออกไปจากเมืองนี้ หากไม่ยอมไป ข้าพบเมื่อไรจะให้มันมีชะตากรรมเดียวกับเสือใหญ่เนินจิ่งหยาง”
เหล่าเพื่อนบ้านจึงได้รู้ว่าเบื้องหน้าคือ อู่ซงผู้ฆ่าเสือเนินจิ่งหยาง จึงพากันลุกขึ้นกล่าวสักขีวาจาแทนทวารบาลเจี่ยงว่า “ท่านผู้กล้าอย่าได้ลุแก่โทสะ ให้เขาย้ายออกไป และมอบทรัพย์คืนเจ้าของเดิม”
ทวารบาลเจี่ยงเองกลับเงียบไม่พูดจา ซือเอินจึงทำรายการข้าวของเครื่องใช้รับมอบร้านคืน ทวารบาลเจี่ยงทั้งเจ็บทั้งอายเรียกรถขนสัมภาระย้ายออกไป
วันรุ่งขึ้นอู่ซงตื่นสายถึงยามเฉิน 辰牌 (8:00 น.) ผู้กำกับแดนซือผู้เฒ่ารู้ว่าซือเอินชิงดงสำราญคืนมาได้แล้ว ก็ขึ้นม้ามาขอบคุณอู่ซงด้วยตัวเอง และอยู่พำนักจัดสุราอาหารเลี้ยงฉลองอีกหลายวัน ชาวดงสำราญรู้ว่าอู่ซงเป็นผู้เก่งกล้าต่างพากันมาคารวะทำความรู้จัก
หลังจากตกแต่งหน้าร้านใหม่ เปิดทำการแล้ว ผู้กำกับเฒ่าก็กลับค่ายอันผิง ซือเอินให้คนสืบถามข่าวทวารบาลเจี่ยง แต่ไม่รู้ไปอยู่ไหน จึงเลิกสนใจมุ่งทำการค้า อู่ซงพำนักอยู่ที่ร้านด้วย การค้าของซือเอิน ทั้งร้านอาหารและโรงบ่อนดีกว่าเดิมอีกหลายส่วน ซือเอินจึงเคารพนับถืออู่ซงราวกับบิดา
夺人道路人还夺,义气多时利亦多。
快活林中重快活,恶人自有恶人磨。
คนคิดร้ายทำลายเขาเอาร้ายตอบ
ทรงคุณธรรมความชอบตอบแทนหลาย
ดงสำราญหวนสำราญเบิกบานกลาย
อันคนร้ายรับผลกรรมทำร้ายคืน
วันเวลาผ่านไปไม่รู้ตัว หนึ่งเดือนกว่าหลังจากนั้น อากาศร้อนผ่อนคลาย น้ำค้างลงเย็นสบาย ลมพัดกลายเป็นลมสารท ซือเอินและอู่ซงนั่งสนทนากันเรื่องหมัดมวยอยู่ในร้าน ที่หน้าร้านมีทหารสามนายจูงม้าตัวหนึ่งมาถามว่า “อู่ตูโถวผู้ฆ่าเสือคือท่านไหน”
ซือเอินจำได้ว่าเป็นทหารสังกัด ตูเจียน 都监 (ผู้บัญชาการทหารประจำเมือง) จางเหมิงฟาง 张蒙方 จึงออกมาถามว่า “พวกท่านถามหาอู่ตูโถวทำไมหรือ”
ทหารผู้นั้นว่า “รับบัญชาจากนายท่านตูเจียน ทราบมาว่าอู่ตูโถวเป็นชายชาตรี จึงให้พวกเรานำม้ามาเชิญท่านไปพบ มีเทียบเชิญของนายท่านอยู่นี่”
ซือเอินเห็นเทียบแล้วจึงตรองว่า “จางตูเจียนเป็นผู้บังคับบัญชาของบิดาข้า อู่ซงเป็นนักโทษเนรเทศมาก็นับว่าอยู่ในกำกับท่านเช่นกัน จำต้องให้ไปพบ”
ซือเอินจึงกล่าวกับอู่ซงว่า “พี่ท่าน พวกนี้เป็นคนที่นายท่านจางตูเจียนใช้มารับตัวท่าน พี่ท่านคิดว่าอย่างไร”
อู่ซงเป็นคนตรงอยู่แล้วจึงว่า “มาตามตัวข้า ก็ไปสิ ดูทีว่ามีเรื่องอะไร” แล้วก็ตามเข้าเมืองไป
เมื่อมาถึงจวนของจางตูเจียน ทหารก็นำอู่ซงเข้าไปในห้องโถง จางเหมิงฟางพบอู่ซงก็ยินดีกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าท่านเป็นชายชาตรีผู้ห้าวหาญไร้คู่ต่อสู้ เปี่ยมน้ำใจไมตรีให้ฝากผีฝากไข้ ในค่ายของข้าพอดีขาดทหารอยู่ตำแหน่งหนึ่ง มิทราบว่าท่านอยากร่วมงานกับข้าหรือไม่”
อู่ซงคุกเข่าขอบคุณว่า “ผู้น้อยเป็นนักโทษในแดนจำ หากท่านกรุณาส่งเสริมแล้ว ผู้น้อยย่อมยินดีรับใช้”
จางตูเจียนยินดียิ่งนัก ให้คนนำสุราและผลไม้แกล้มเหล้ามาแล้วมอบให้อู่ซงด้วยมือเอง อู่ซงดื่มเหล้าจนเมา จึงให้จัดห้องพักให้อู่ซงที่ระบียงหน้าห้องโถง วันรุ่งขึ้นก็ให้คนไปหาซือเอิน ย้ายสัมภาระของอู่ซงมายังบ้านจางตูเจียน แต่ละวันก็ให้อู่ซงมาร่วมกินอาหารในห้องโถงด้านในเหมือนคนในครอบครัว ทั้งยังให้ช่างตัดเสื้อไปวัดตัวตัดชุดสารทฤดู 秋衣 ให้ด้วย อู่ซงย่อมรู้สึกยินดี แต่จางตูเจียนเรียกหาไม่ห่าง จนอู่ซงไม่มีโอกาสปลีกตัวกลับไปเยี่ยมซือเอินได้เลย
อู่ซงได้รับความเมตตาจากจางตูเจียนเป็นที่สังเกตุ ใครมีงานราชการมาไหว้วานให้ช่วยเหลือ พออู่ซงแจ้งแก่จางตูเจียนแล้วล้วนสำเร็จผล จึงมีคนนำสินน้ำใจมามอบให้ไม่ว่าจะเป็นเงินทองสิ่งของแพรพรรณ อู่ซงจึงซื้อหีบหวายใบหนึ่งมาเก็บของเหล่านี้และใส่กุญแจเก็บขึ้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มาถึงคืนวันไหว้พระจันทร์เดือนแปด จางตูเจียนจัดงานเลี้ยงฉลองคืนวันไหว้พระจันทร์ที่หอยวนยาง 鸳鸯楼 ซึ่งอยู่หลังบ้าน เป็นงานเลี้ยงในครอบครัวแต่เรียกอู่ซงมาร่วมงานด้วย อู่ซงพอเห็นฮูหยินมาด้วยก็ดื่มสุราเพียงหนึ่งจอกแล้วขอตัวกลับ
จางตูเจียนถามว่า “ท่านจะไปไหน”
อู่ซงว่า “นายท่าน ฮูหยินท่านมาร่วมดื่มอยู่ในงานนี้ ผู้น้อยสมควรกลับ”
จางตูเจียนหัวเราะแล้วว่า “ผิดแล้ว ข้านับถือว่าท่านเป็นคนกล้า จึงเชิญมาร่วมดื่มเหมือนคนในครอบครัว จะรีบกลับทำไม”
“ผู้น้อยเป็นนักโทษ จะนั่งเสมอนายท่านได้อย่างไร”
“ผู้กล้า อย่าออกตัวเช่นนั้น ที่นี่ไม่มีคนนอก ท่านนั่งเถิดไม่เป็นไร”
อู่ซงผัดอยู่หลายรอบ จางตูเจียนก็ไม่ยอม อู่ซงจึงจำต้องนั่งลงอยู่ห่างๆ  จางตูเจียนให้สาวใช้ยกสุรามาเชิญดื่ม 劝酒 (เป็นมารยาทของเจ้าภาพ) ดื่มไปได้สักเจ็ดจอก บวกผลไม้กับแกล้มไปสองชุด ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระแล้ววกมาคุยเรื่องหมัดมวย
จางตูเจียนพลันกล่าวว่า “ชายชาตรีร่ำสุรา ไยใช้เพียงจอกใบเล็ก” แล้วให้นำชุดจอกเครื่องเงินใบใหญ่มาเปลี่ยน ชวนอู่ซงดื่มติดต่อกันไปหลายจอกใหญ่ ชื่นชมจันทร์เพ็ญงามส่องแสงลอดหน้าต่างด้านตะวันออก อู่ซงดื่มได้ที่จนลืมรักษามารยาท
จางตูเจียนเรียกสาวใช้คนโปรดชื่อ วี่หลาน 玉兰 (กล้วยไม้หยก) สาวแน่งน้อยสะคราญโฉมมาร้องเพลงให้ฟัง “ที่นี่ไม่มีคนนอก อู่ตูโถวเป็นคนรู้ใจข้า เจ้าขับเพลงชมจันทร์คืนวันสารทให้พวกเราฟังเถิด”
วี่หลานหยิบดีดงาช้าง 象板 ทำคารวะว่านฝู 万福 แบบสตรี แล้วเริ่มขับร้องเพลงชมจันทร์คืนวันสารท 《ลำนำวารีบรรเลง》 中秋《水调歌》 ของมหากวี ซูตงพอ 苏东坡
明月几时有?把酒问青天:
不知天上宫阙,今夕是何年?
我欲乘风归去,只恐琼楼玉宇,高处不胜寒。
起舞弄清影,何似在人间。
转朱阁,低绮户,照无眠。
不应有恨,何事长向别时圆?
人有悲欢离合,月有阴晴圆缺,此事古难全。
但愿人长久,千里共婵娟。
จันทร์แจ่มฟ้ามีมาแต่ไรฤๅ
สุราถือมาถามนภาใส
มิรู้ว่าราชวังชั้นฟ้าไซร้
คืนนี้เป็นยามใดในปีดาว
ปรารถนาขี่ลมหวนทวนกลับ
แต่กลัวพลับพลาหยกนั้นเหน็บหนาว
จึงรำฟ้อนสะท้อนเงาอันพร่างพราว
อยู่กลางหาวหาใช่แดนเดินดิน
ผ่านเรือนแดงส่องแสงลอดหน้าต่าง
ส่องสว่างจนลืมหลับเสียสิ้น
มิเคยเคืองจันทร์จนมิยลยิน
ไยยามผินห่างคล้อยจึงค่อยนวล
คนมีพบพรากสุขทุกข์ระคน
จันทร์มีจ้ามีหม่นกลมเสี้ยวส่วน
แต่นานเนามิมีเท่าทั่วถ้วน
หวังอยู่ยงชวนชมจันทร์แม้พันลี้
(ตำนานว่าหนึ่งวันสวรรค์เท่าพันปีมนุษย์ จึงไม่รู้ปีดาวใด)
วี่หลานขับเพลงจบเก็บดีดงาช้างทำว่านฝูแล้วยืนอยู่ จางตูเจียนว่า “เจ้ามายกสุราหนึ่งรอบ” วี่หลานจึงนำถาดยกสุรา 劝盘 มาให้สาวใช้ริน ลำดับแรกส่งให้นายท่าน ลำดับถัดมาให้ฮูหยิน ลำดับสามที่จะให้อู่ซงดื่มนั้น จางตูเจียนให้รินเต็มจอกใหญ่ อู่ซงย่อมมิปฏิเสธ ขานยาวคารวะ 唱大喏 นายท่านและฮูหยิน ดื่มจนหมดแล้ววางจอกคืนบนถาด
จางตูเจียนชี้มายังวี่หลานกล่าวกับอู่ซงว่า “สาวน้อยผู้นี้พอจะฉลาดหลักแหลม เชี่ยวชาญดนตรี เก่งงานเย็บปักถักร้อย หากท่านมิรังเกียจฐานะของนาง อีกไม่กี่วัน ข้าจะเลือกวันดีตกแต่งให้เป็นภรรยาท่าน”
อู่ซงลุกขึ้นคารวะว่า “ผู้น้อยมิบังอาจหมายสตรีในครอบครัวของนายท่านจนเกินฐานะ”
จางตูเจียนหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ข้าได้ลั่นวาจาแล้วย่อมต้องยกให้ท่าน ท่านอย่าได้บ่ายเบี่ยง ข้ามิอาจคืนคำ”
อู่ซงดื่มต่ออีกสิบกว่าจอกรู้สึกเหล้าขย้อนขึ้นมาเกรงเสียมารยาทจึงกล่าวอำลานายท่านและฮูหยินกลับมายังห้องพักของตนที่ระเบียงประตูหน้า อู่ซงเข้าห้องแล้วรู้สึกท้องปั่นป่วนคงนอนไม่หลับ จึงถอดเสื้อนอกและผ้าโพกหัวออก คว้ากระบองสั้น 哨棒 ออกไปร่ายรำใต้แสงจันทร์ที่กลางลานอยู่หลายรอบ พอเงยหน้ามองฟ้าคะเนว่าเป็นเวลายามสามก็เดินกลับห้อง
1
พอจะถอดเสื้อเข้านอน ก็ได้ยินเสียงร้องจากโถงด้านในว่า “มีขโมย” อู่ซงคว้ากระบองสั้นวิ่งเข้าไปด้านในหมายช่วยจับขโมย ก็เห็นว่าคนร้องบอกคือ วี่หลาน ชี้ไม้ชี้มือบอกว่า “ขโมยวิ่งไปทางสวนดอกไม้ด้านหลังแล้ว”
อู่ซงถือกระบอง ก้าวเท้ายาววนหาในสวนอยู่รอบใหญ่ก็ไม่พบจึงเดินกลับออกมาไม่ทันระวัง มีม้าไม้โยนออกมาจากเงามืด อู่ซงก้าวสะดุดล้มลง ชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนร้องตะโกนว่า “จับขโมย” แล้วกรูกันเข้ามาเอาเชือกมัดอู่ซงไว้อย่างแน่นหนา
อู่ซงรีบร้องบอกว่า “ข้าเอง” แต่พวกนั้นไม่ยอมฟัง
ในห้องโถงมีแสงตะเกียงสว่างขึ้น เสียงจางตูเจียนตะโกนมาว่า “เอาตัวมา” พวกทหารจึงพาตัวอู่ซงเดินก้าวหวดไม้พลองก้าว ลากตัวมายังหน้าห้องโถง
ตอนก่อนหน้า : ทวารบาลเจี่ยง
ตอนถัดไป : เวิ้งเฟยหวิน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา