15 ม.ค. 2024 เวลา 12:09 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 65

อู่ซง ผู้จาริก (19) เวิ้งเฟยหวิน
อู่ซงตะโกนบอกว่า “ข้าไม่ใช่ขโมย ข้าอู่ซง”
จางตูเจียนโกรธจนหน้าเปลี่ยนสีด่ามาว่า “เจ้าทหารโจร เดิมทีก็คือโจรทั้งไส้ทั้งพุง ข้าคิดจะส่งเสริมเจ้าให้มีโอกาสได้เป็นขุนนาง เลี้ยงดูเหมือนคนในครอบครัว แต่เจ้ากลับทำตัวต่ำช้า”
อู่ซงว่า “นายท่าน ไม่เกี่ยวกับข้า ข้ามาจับขโมย ทำไมมากลายเป็นขโมยเสียเองได้ ข้าเป็นชายชาตรียืนหยัดท้าฟ้าดิน ไม่คิดกระทำเรื่องเช่นนี้”
“ยังมีหน้ามาปฏิเสธอีก คุมตัวมันไปค้นดูที่ห้องว่ามีของกลางไหม”
ทหารคุมตัวอู่ซงมาค้นห้องพบหีบหวาย เปิดออกดูเห็นเสื้อผ้าแพรพรรณอยู่ด้านบน ด้านล่างเป็นจานจอกชุดเครื่องเงิน มูลค่าของกลางราวสองร้อยตำลึง อู่ซงเห็นแล้วพูดไม่ออก บอกแต่ว่าถูกใส่ความ ทหารนำของเหล่านั้นมายังห้องโถง
จางตูเจียนด่าว่า “ทหารโจร เลวมาก ของกลางเจอในหีบนี้หมดแล้ว จะแก้ตัวอย่างไรอีก เขาถึงว่า สรรพสัตว์โปรดได้ ยากก็แต่คน 众生好度人难度 หน้าตาเจ้าเหมือนคน แต่ตับไตไส้พุงล้วนหัวขโมย เมื่อของกลางเห็นแจ่มแจ้ง ไม่มีอะไรต้องพูดอีก” จึงให้เก็บของกลางอย่างมิดชิด คุมตัวอู่ซงให้แน่นหนา คืนนั้นก็ใช้คนนำสินบนไปให้เจ้าเมืองและเจ้าหน้าที่ตุลาการ
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าเมืองออกว่าการให้นำตัวอู่ซงมาพร้อมกับของกลาง จางตูเจียนส่งตัวแทนนำคำฟ้องมามอบให้ เจ้าเมืองไม่รอให้อู่ซงให้การกล่าวว่า “เจ้านี่เป็นนักโทษเนรเทศมาจากแดนไกล เป็นโจรอยู่แล้ว พอเห็นทรัพย์จึงเกิดความโลภ ของกลางเห็นชัดอยู่” จึงสั่งโบยให้รับสารภาพ
อู่ซงรู้สถานการณ์ดีว่าแก้ตัวไปไม่มีประโยชน์จึงทำหนังสือรับสารภาพว่า “วันที่สิบห้าเดือนนี้ ได้เห็นชุดจานจอกเครื่องเงินแล้วเกิดความโลภ จึงลักมาเป็นของตน” อู่ซงถูกใส่คานำไปจำขังเพื่อรอคำตัดสินต่อไป
都监贪污实可嗟,出妻献婢售奸邪。
如何太守心堪买,也把平人当贼拿。
ทอดถอนใจตูเจียนชั่วฉ้อฉล
ใช้เล่ห์กลยกเมียเลวเหลือหลาย
ทั้งยังซื้อผู้ว่าได้ง่ายดาย
ยัดข้อหาโจรร้ายให้สามัญชน
อู่ซงอยู่ในคุกคิดว่า “ไอ้จางตูเจียน ขุดหลุมพรางให้ร้ายข้า หากข้ามีชีวิตรอดออกไปได้ ได้เห็นดีกัน”
ทางด้านซือเอินรู้ข่าวจึงรีบไปปรึกษาบิดา ผู้กำกับเฒ่าว่า “เห็นชัดอยู่ว่าจางถวนเลี่ยนต้องการแก้แค้นให้ทวารบาลเจี่ยง ซื้อตัวจางตูเจียนไปจึงใช้อุบายนี้เล่นงานอู่ซง และคงติดสินบนอีกเพื่อหวังเอาชีวิต ข้ามาตรองดูแล้ว คดีนี้ไม่ถึงโทษประหาร เพียงต้องซื้อตัว เจี๋ยจี๋ 节级 (เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สมัยซ่งเทียบเท่า พัศดี) ให้ละเว้นชีวิตไว้ พอได้ตัวออกมาแล้วค่อยหารือกันอีกที”
ซือเอินว่า “เจี๋ยจี๋เรือนจำนี้แซ่คัง ลูกรู้จักดี ข้าไปไหว้วานเขาดีไหม”
ผู้กำกับเฒ่าว่า “เขาต้องคดีนี้ก็เพราะเจ้า เจ้าไม่ไปแล้วจะรอเมื่อไร”
ซือเอินนำเงินสองร้อยตำลึงติดตัวไป คนแรกที่ไปหาคือ คังเจี๋ยจี๋ 康节级 ชี้แจงเรื่องราวให้ฟัง
คังเจี๋ยจี๋ว่า “บอกตามตรง ต้นเรื่องนี้มาจาก จางถวนเลี่ยนและจางตูเจียน ทั้งสองแซ่เดียวกันจึงสาบานเป็นพี่น้องกัน ทวารบาลเจี่ยงตอนนี้ก็หลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านจางถวนเลี่ยน พวกเขาคิดอุบายนี้กันขึ้นมา ทวารบาลเจี่ยงเป็นคนจ่ายสินบนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ข้าเองก็รับเงินมาแล้วเช่นกัน เจ้าเมืองเองเป็นหัวเรือใหญ่คิดกำจัดหมายเอาชีวิตอู่ซง แต่ติดอยู่ที่เย่ข่งมู่ 叶孔目 (ข่งมู่ 孔目 ตุลาการ)ไม่ยินยอม ด้วยว่าท่านเป็นคนตรง ไม่ยอมทำร้ายผู้บริสุทธิ์ อู่ซงจึงยังรอดอยู่
วันนี้ได้ฟังจากพี่ท่านแล้ว ข้าจะช่วยดูแลเรื่องในเรือนจำไม่ให้ต้องทัณฑ์ทรมาน ท่านก็ไปหารือกับเย่ข่งมู่ ให้มีคำตัดสินไวขึ้น จะได้ไม่ถูกหาเรื่องเล่นงานจนถึงชีวิต” ซือเอินมอบเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้คังเจี๋ยจี๋ คังเจี๋ยจี๋ปฏิเสธเป็นพิธีอยู่สามรอบแล้วค่อยรับไว้
ซือเอินกลับมาที่ค่ายอันผิง หาคนที่คุ้นเคยกับเย่ข่งมู่ดีแล้วฝากเงินหนึ่งร้อยตำลึงไปให้ เพื่อขอให้ตัดสินคดีให้เร็วขึ้น ตุลาการข่งรู้เรื่องของอู่ซงว่าเป็นการใส่ความ มีใจช่วยเหลืออยู่แต่แรกจึงยังไม่ปิดคดี ทางเจ้าเมืองรับสินบนจากจางตูเจียนมาจึงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ และถึงหากอู่ซงจะผิดจริง คดีนี้ก็ไม่ถึงประหารชีวิต พวกนั้นจึงคิดจะกำจัดอู่ซงเสียขณะยังอยู่ในคุก ทางเย่ข่งมู่ยิ่งมาได้รับเงินหนึ่งร้อยตำลึง จึงแก้สำนวนให้เบาลงไป เหลือแต่รอการอ่านคำตัดสิน
赃吏纷纷据要津,公然白日受黄金。
西厅孔目心如水,不把真心作贼心。
ข้าราชการโลภจนน้ำลายสอ
รีดไถขอเงินทองกันเห็นเห็น
ใจตุลาการดังน้ำใสเย็น
ไม่รู้เห็นเป็นใจโจรด้วยใจธรรม
1
วันถัดมาซือเอินจัดสุราอาหารไปหาคังเจี๋ยจี๋ให้พาไปเยี่ยมอู่ซงในคุก ตอนนี้อู่ซงได้รับการดูแลจึงไม่ถูกกลั่นแกล้งให้ต้องลำบาก ซือเอินนำเงินสามสิบตำลึงให้กับพวกเจ้าหน้าที่คุกเพิ่มอีก
ซือเอินนำอาหารมาให้อู่ซงแล้วกระซิบกระซาบว่า “คดีนี้ ตูเจียนใส่ความพี่ท่านเป็นการแก้แค้นให้ทวารบาลเจี่ยง แต่ท่านวางใจ ข้าได้วานคนไปเจรจากับเย่ข่งมู่แล้ว ท่านเองก็มีเจตนาช่วยเหลือพี่ท่านอยู่ พอครบกำหนดก็จะให้ท่านออกไป แล้วค่อยมาจัดการกัน”
ซือเอินมาเยี่ยมอู่ซงอีกสองครั้ง นำอาหารมาให้ นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยน รู้ไปถึงหูจางถวนเลี่ยน จึงไปบอกต่อจางตูเจียน ตูเจียนนำสินบนมาให้เจ้าเมืองหวังเร่งกำจัดอู่ซงในคุก ซือเอินรู้ก็ไปส่งข่าวและวิ่งเต้นทางคังเจี๋ยจี๋ ยื้อกันไปมา
ครบกำหนดหกสิบวันซึ่งต้องอ่านคำพิพากษา เย่ข่งมู่เจ้าของคดีอ่านคำพิพากษาว่าอู่ซงมีความผิดให้ลงโทษโบยหลังยี่สิบที สักตราหน้าเนรเทศไปยังแดนจำเมืองเอินโจว 恩州牢城 ของกลางให้ส่งคืนเจ้าของเดิม อู่ซงเมื่อจะต้องโทษโบยนั้น ซือเอินติดสินบนไว้แล้วจึงโบยไม่เต็มแรง โบยเสร็จใส่คาขอบเหล็กหนักเจ็ดชั่งครึ่ง ทำหนังสือส่งมอบตัวแล้วให้ผู้คุมสองนายคุมตัวออกเดินทาง
เดินทางออกนอกเมืองมาได้ราวหนึ่งลี้ เห็นซือเอินเดินออกมาจากร้านอาหารริมทาง มีผ้าพันแผลโพกหัวและห้อยแขน อู่ซงถามว่า “ไม่พบกันไม่ทันไร ทำไมกลับมีสภาพนี้อีกแล้ว”
ซือเอินว่า “บอกพี่ท่านตามตรง นับแต่ผู้น้องไปเยี่ยมท่านสามหนแล้ว เจ้าเมืองรู้เข้า จึงให้คนมาเฝ้าดู จางตูเจียนให้คนมาดักอยู่หน้าคุก ผู้น้องจึงเข้าไปเยี่ยมพี่ท่านไม่ได้อีก
ครึ่งเดือนก่อน ทวารบาลเจี่ยงพาคนบุกมายังร้านที่ดงสำราญทุบตีผู้น้องจนอยู่ในสภาพนี้ ให้ไปเชิญคนมาเป็นสักขีวาจา ชิงเอาร้านกลับไป ผู้น้องพักฟื้นอยู่ที่บ้านยังไม่หายดี รู้ว่าพี่ท่านถูกเนรเทศไปเอินโจววันนี้จึงนำเสื้อผ้าสำหรับใส่ระหว่างทางมาให้ และต้มห่านมาสองตัวให้พี่ท่านกินก่อนออกเดินทาง”
ซือเอินเชิญสองผู้คุมเข้ามาในร้านอาหาร ผู้คุมทั้งสองไม่ยอมอ้างว่าหากเจ้าเมืองรู้เข้าตนจะมีโทษ ซือเอินจึงนำเงินสิบตำลึงมอบให้สองผู้คุม ทั้งสองก็ไม่ยอมรับ เร่งรัดให้ออกเดินทาง ซือเอินจึงได้แต่สั่งเหล้าสองชามเลี้ยงส่งอู่ซง เอาห่านสองตัวแขวนไว้กับคา เอาของห่อหนึ่งมัดไว้ที่เอว แล้วกระซิบบอกว่า “ในห่อผ้ามีเสื้อผ้าสองชุด มีห่อเล็กใส่เงินปลีกสำหรับใช้สอยระหว่างทาง และรองเท้าปาตา 八搭麻鞋 (รองเท้าป่านมีสายรัด) สองคู่ ระหว่างทางพี่ท่านระวังตัวด้วย เจ้าสองคนนี้ดูท่าจะปองร้าย”
1
อู่ซงว่า “ข้ารู้แล้ว ให้มาอีกสองคนก็ไม่กลัว ท่านวางใจกลับไปพักผ่อน ข้ามีวิธีรับมือ”
เดินๆ ไป อู่ซงได้ยินสองผู้คุมแอบถามกันว่า “ไม่เห็นสองคนนั่นมา”
อู่ซงได้ยินแล้วแอบยิ้มเยาะว่า “ไม่สนนกเขามารดาเจ้า (ด่าคำหยาบ) 没你娘鸟兴  คิดจะมาเล่นงานเจ้าพ่อ”
คาที่ใส่คอของอู่ซงนี้ล่ามเอามือขวาของอู่ซงเอาไว้ด้วยเพียงข้างเดียว มือซ้ายนั้นเป็นอิสระ (ซือไน่อันเขียนบรรยายไว้ชัดเจนในหนังสือ ผิดกับในหนังหรือละครที่มักสร้างเป็นว่าคาที่คอนั้นล่ามเอามือไว้ด้วยทั้งสองข้าง เรื่องนี้มีผลต่อการต่อสู้ในฉากที่จะตามมา)
อู่ซงเอาห่านที่แขวนไว้ที่คามาฉีกกินทีละตัว โดยใช้มือขวาจับห่านไว้ มือซ้ายฉีกเนื้อมากิน กินหมดตัวหนึ่งเดินมาได้สี่ห้าลี้ พอหมดสองตัวก็เดินทางมาได้แล้วแปดเก้าลี้ เห็นด้านหน้ามีชายสองคนดักรออยู่ แต่ละคนถือดาบพอเตา เอวสะพายดาบอีกเล่ม พออู่ซงกับสองผู้คุมเดินผ่านก็เดินตามกันมา สองผู้คุมยักคิ้วหลิ่วตาแอบส่งสัญญานให้ อู่ซงทำเป็นไม่เห็น
1
เดินกันไม่ไกลนักมาถึงเวิ้งน้ำใหญ่ดักจับปลา รอบด้านเป็นช่วงแม่น้ำกว้างไหลเชี่ยว ทั้งห้าเดินมาถึงสะพานไม้กว้าง มีซุ้มประตูโค้งเขียนอักษรบนป้ายสามตัวว่า “เวิ้งเมฆเหิน 飞云浦 (เฟยหวินผู่)”
อู่ซงแกล้งถามว่า “ที่นี่เรียกว่าที่ไหน”
สองผู้คุมว่า “ตาก็ไม่บอด เห็นเห็นอยู่ ป้ายเขียนไว้ว่า เวิ้งเมฆเหิน”
อู่ซงหยุดยืนแล้วบอกว่า “ข้าปวดปัสสาวะ”
ชายถือดาบพอเตาสองคนเดินใกล้เข้ามา อู่ซงตะโกนว่า “ลงไป” แล้วเตะคนหนึ่งตีลังกาตกน้ำไป อีกคนจะกลับตัวหนี อู่ซงเตะด้วยเท้าขวาตกน้ำโครมไปเช่นกัน
สองผู้คุมรีบวิ่งไปทางสะพานจะข้ามหนี อู่ซงตวาดลั่น “หนีไปไหน” เอามือบิดคาที่คอจนแตกเป็นสองเสี่ยง (หากมือไม่ว่างข้างหนึ่งจะจับบิดไม่ได้) แล้ววิ่งข้ามสะพานตามมา
สองผู้คุมตกใจสะดุดล้มลงคนหนึ่ง อู่ซงวิ่งกวดมาชกใส่หลังคนที่ยังวิ่งอยู่ล้มลง กลับมาเก็บดาบที่ตกอยู่ริมน้ำกลับไปฟันใส่หลายทีจนตายคาที่ หันกลับมายังคนที่ล้ม ฟันใส่ไปหลายดาบ
สองคนที่ถูกเตะตกน้ำตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งมาจนได้ กำลังจะวิ่งหนี อู่ซงวิ่งตามมาฟันใส่คนหนึ่งล้มลง คว้าหัวอีกคนไว้ ตวาดถามว่า “เจ้าพูดความจริงมา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
คนผู้นั้นตอบว่า “ผู้น้อยสองคนเป็นลูกน้องทวารบาลเจี่ยง อาจารย์กับจางถวนเลี่ยนวางแผนใช้ผู้น้อยทั้งสองมาช่วยผู้คุมกำจัดท่านผู้กล้า”
อู่ซงถามว่า “ทวารบาลเจี่ยงอาจารย์เจ้าตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ตอนผู้น้อยออกมา ดื่มเหล้าอยู่กับจางถวนเลี่ยนที่หอยวนยาง 鸳鸯楼 ในจวนท่านจางตูเจียน รอฟังข่าวผู้น้อยอยู่”
“อย่างนี้นี่เอง แต่ปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้” อู่ซงยกดาบฟันฉับ แก้ดาบที่เอวมาเลือกเอาเล่มที่ดีกว่ามาคาดเอว เอาศพทั้งสองโยนทิ้งน้ำ อีกสองศพบนสะพานกลัวไม่ตายจริง เดินกลับมาฟันซ้ำ แล้วยืนตรองอยู่บนสะพาน “ฆ่าเจ้าสี่คนนี่ไปแล้ว ถ้าไม่ได้ฆ่าจางตูเจียน จางถวนเลี่ยน เจี่ยงเหมินเสิน จะระบายโทสะได้อย่างไร”
ยกดาบพอเตาพาดบ่า ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจเดินกลับมายังเมิ่งโจว
ตอนก่อนหน้า : อู่ซงชมจันทร์
ตอนถัดไป : หอยวนยาง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา