19 ม.ค. 2024 เวลา 12:26 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 67

อู่ซง ผู้จาริก (21) ผู้จาริกแสวงบุญ
อู่ซงเดินเรื่อยมาจนถึงยามห้าฟ้าใกล้สว่าง ใช้กำลังมาตลอดวันตลอดคืนเริ่มเหนื่อยล้า แผลกระบองโบยทำโทษแม้ฟาดเบาก็เริ่มปวด เห็นในป่าละเมาะมีศาลเจ้าเก่าหลังเล็กอยู่จึงเดินเข้าไป เอาดาบพิงไว้ แก้ห่อผ้ามาใช้หนุนต่างหมอน ล้มตัวลงนอน ขณะจะหลับตาก็มีไม้ยาวปลายมีตะขอเหล็กสองไม้ยื่นมากดตัวไว้ คนอีกสองคนเข้ามากดตัวอู่ซงแล้วจับมัด
1
ชายหญิงสี่คนพูดว่า “ไอ้นกเขานี่อ้วนดี น่าจับส่งพี่ใหญ่” แล้วก็หยิบดาบและห่อผ้าของอู่ซง ลากตัวเหมือนจูงแพะไปเชือดเข้ามาในหมู่บ้าน
ระหว่างทางก็คุยกันว่า “รอยเลือดเต็มตัว มันไปทำอะไรมา หรือไปขโมยของแล้วถูกเขาซ้อม”
1
เดินมาสี่ห้าลี้ถึงกระท่อมหญ้าหลังหนึ่ง พวกนั้นจุดตะเกียง แล้วจับอู่ซงถอดเสื้อผ้าออกมัดไว้กับเสา อู่ซงเห็นบนคานมีน่องคนห้อยลงมาสองน่อง
อู่ซงคิดว่า “มาเจอยมทูตเข้า ตายไปไม่มีใครรู้ รู้เช่นนี้ไปมอบตัวที่เมิ่งโจวดีกว่า ตายไปยังไว้ชื่อ”
杀尽奸邪恨始平,英雄逃难不逃名。
千秋意气生无愧,七尺身躯死不轻。
สังหารสิ้นคนชั่ว
ความเกลียดกลัวเริ่มสงบ
คนจริงเร้นกายหลบ
แต่ไม่กลบชื่อขายหน้า
ขวัญกล้าท้าพันปี
มิอายที่ได้เกิดมา
ฝังเจ็ดฉื่อกายา
ยามมรณาให้เลื่องลือ
ชายหญิงทั้งสี่ยังอุ้มห่อผ้าของอู่ซงอยู่ตะโกนบอกว่า “พี่ใหญ่ ซ้อใหญ่ รีบมาดูนี่ พวกเราได้สินค้าชั้นดีหัวหนึ่งอยู่ที่นี่”
มีเสียงตอบมาจากหน้าร้าน “มาแล้ว อย่าเพิ่งลงมือ ข้าผ่าเอง”
สองคนเดินเข้ามา หญิงนำหน้า ชายตามหลัง พอมองเห็นอู่ซง หญิงนั้นก็ว่า “ท่านอาอู่ตูโถวไม่ใช่หรือ”
ชายนั้นว่า “รีบแก้มัดให้น้องชายข้า”
ทั้งสองคือ คนสวนผักจางชิง และนางยักษ์ซุนเอ้อเหนียง ลูกน้องสี่คนตะลึงรีบแก้มัดนำเสื้อผ้ามาให้ใส่ ผ้าโพกหัวขาดกระจุยไปแล้ว จึงหาหมวกมาให้แทน กิจการของจางชิงที่ลาดสี่แพร่งนั้นดูท่าจะรุ่งเรือง จึงมีสาขาอีกหลายแห่ง ที่นี่ก็เป็นแห่งหนึ่ง
จางชิงเชิญอู่ซงมายังห้องรับแขกด้านหน้าแล้วถามว่า “น้องเรา ทำไมมีสภาพเช่นนี้”
อู่ซงตอบว่า “พูดแล้วยาว ตั้งแต่แยกทางกับพี่ท่านแล้ว มาถึงแดนจำ ได้รู้จักกับลูกชายผู้กำกับแดน สมิงตาทองซือเอิน แรกพบก็เหมือนคบกันมานาน เลี้ยงอาหารชั้นดีให้ทุกวัน เขามีภัตตาคารอยู่ที่ดงสำราญ ทำเงินได้ดีทีเดียว มาถูกจางถวนเลี่ยนพาทวารบาลเจี่ยงใช้กำลังชิงเอาซึ่งหน้า พอซือเอินเล่าให้ฟัง ข้าว่ามันไม่ยุติธรรม จึงไปซัดเจ้าทวารบาลเจี่ยงชิงเอาดงสำราญกลับมา
ต่อมา จางถวนเลี่ยนไปสมคบกับจางตูเจียนทำอุบายใส่ร้ายข้า เพื่อแก้แค้นให้ทวารบาลเจี่ยง คืนวันที่สิบห้าเดือนแปด แกล้งทำเป็นมีขโมย ตอนข้าเข้าบ้านไปช่วยจับ มันก็เอาเครื่องเงินมายัดใส่หีบข้า จับข้าส่งทางการกล่าวหาว่าข้าเป็นขโมย จับข้าขังในคุก ซือเอินใช้เงินวิ่งเต้น ข้าเลยไม่เป็นอันตราย แล้วก็มีเย่ข่งมู่ที่ไม่ยอมตัดสินความใส่ร้ายคนบริสุทธิ์ มีคังเจี๋ยจี๋ที่รู้จักกับซือเอินดีช่วยเหลือ พอครบกำหนด ก็ลงโทษโบยหลังข้าแล้วเนรเทศไปเอินโจว
เมื่อวานตอนออกจากเมือง จางตูเจียนกับทวารบาลเจี่ยงก็วางแผนส่งลูกน้องมาสมทบกับผู้คุมหาทางกำจัดข้าระหว่างทางโดยลงมือที่เฟยหวินผู่ ข้าชิงลงมือก่อน เตะลูกน้องสองคนของมันตกน้ำไป แล้วเอาดาบฟันสองผู้คุมตาย ทิ้งศพลงน้ำ จากนั้นก็กลับเข้าเมืองมา ตอนยามหนึ่งสี่เตี่ยน ข้าไปที่คอกม้า ฆ่าคนเลี้ยงม้าก่อน ปีนเข้าบ้านไปฆ่าสองสาวใช้แล้วขึ้นหอยวนยางฆ่าจางตูเจียน จางถวนเลี่ยน กับทวารบาลเจี่ยงตายทั้งสามคน เก็บงานฆ่าลูกเมียกับคนในบ้านมันหมด แล้วโดดกำแพงหนีออกจากเมืองมา ยามห้ามาถึงศาลเจ้า ถูกสี่คนนี่จับมัดมานี่”
ทั้งสี่คนกราบคารวะแล้วว่า “พวกข้าทั้งสี่เป็นลูกน้องของพี่ใหญ่จาง เล่นพนันเสียมาหลายวันจึงเข้าป่าไปหาสินค้า เห็นท่านเดินโชกเลือดมาตามทางน้อยเข้ามาพักในศาลเจ้า พวกเราไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่พี่ใหญ่จางกำชับเอาไว้ว่า จะจับให้จับเป็นไว้ก่อน จึงจับมัดไว้ ไม่ได้เอาถึงชีวิต นับว่าพวกเรามีตาหามีแววไม่ ได้ล่วงเกินพี่ท่าน ต้องขออภัยด้วย”
จางชิงสองผัวเมียหัวเราะแล้วว่า “ช่วงนี้พวกเราก็กังวลอยู่จึงกำชับเอาไว้ให้จับเป็น สี่คนนี้ไม่รู้ความในใจพวกเราหรอก และจะบอกพวกเจ้าให้ หากไม่ใช่น้องข้าเหนื่อยจนหมดแรง อย่าว่าแต่เจ้าแค่สี่คน ต่อให้สี่สิบคนก็เข้าใกล้ตัวไม่ได้”
สี่คนนั้นจึงก้มหัวคำนับ อู่ซงบอกให้ลุกขึ้นแล้วว่า “พวกเจ้าไม่มีเงินไปต่อทุนพนัน ข้าขอชดเชยให้พวกเจ้าบ้าง” แล้วเปิดห่อผ้านำเงินสิบตำลึงมอบให้ไปแบ่งกัน สี่คนคารวะขอบคุณ จางชิงก็สมทบทุนให้ไปอีกสองตำลึงไปแบ่งกัน
จางชิงว่า “ตั้งแต่น้องเราแยกไป ข้าก็กลัวว่าอาจเกิดอะไรผิดพลาดเหนือคาดหมายขึ้น อาจต้องย้อนกลับมาช้าหรือเร็ว จึงกำชับพวกนี้ไว้ว่า พบสินค้าให้จับเป็น เว้นแต่สู้ไม่ไหวจึงจับตาย ดังนั้นจึงไม่ให้พกดาบ ติดตัวไป มีแต่ตะขอกับเชือก เมื่อครู่พอแจ้งมาก็สงสัย บอกให้รอไว้ก่อน กลายเป็นน้องเราจริงๆ”
ซุนเอ้อเหนียงว่า “พอได้ฟังว่าท่านอาเอาชนะทวารบาลเจี่ยงได้ตอนเมา ใครได้ยินก็ทึ่ง พวกพ่อค้าที่ไปค้าขายยังดงสำราญก็มักเล่ากันมาแค่นี้ ไม่มีใครรู้เบื้องหลัง ท่านอายังเหนื่อยอยู่ ไปพักที่ห้องรับแขกก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
金宝昏迷刀剑醒,天高帝远总无灵。
如何廊庙多凶曜,偏是江湖有救星。
เงินทองสิ่งมอมเมา
มีดดาบเคล้าคาวโลหิต
ฟ้าราชันสูงสถิต
สิ้นศักดิ์สิทธิ์ไร้ความหมาย
เหตุใดราชสำนัก
ชุกชุมนักมากดาวร้าย
วงนักเลงกลับกลาย
หาได้ง่ายดาวอุปถัมภ์
ทางด้านจวนผู้บัญชาการจางตูเจียนเมืองเมิ่งโจว ไม่ได้ถูกอู่ซงสังหารเสียจนหมด มีคนรอดมาฟ้องคดียังที่ว่าการเมืองเมิ่งโจว เจ้าเมืองส่งคนไปตรวจสถานที่แล้วกลับมารายงานว่า
“แห่งแรกที่บุกรุกเข้ามาคือ คอกม้า สังหารคนดูแลม้า มีเสื้อผ้าใช้แล้วถอดทิ้งเอาไว้ ถัดมาคือห้องครัว มีศพสาวใช้สองนางอยู่ข้างเตาไฟ ประตูหลังมีดาบบิ่นของคนร้ายทิ้งอยู่ บนหอมีศพจางตูเจียนและทหารติดตามสองนาย แขกสองนายคือ จางถวนเลี่ยนและเจี่ยงเหมินเสิน บนผนังมีอักษรแปดตัว - มือ สังหาร คือ อู่ ซง ผู้ ฆ่า เสือ 杀人者 打虎武松也 - เขียนโดยใช้เสื้อจุ่มเลือดทิ้งอยู่ ชั้นล่างมีศพฮูหยินหนึ่ง วี่หลานหนึ่ง แม่นมสอง บุตรีสามนาง รวมทั้งสิ้นสิบห้าศพ ของที่ถูกลักคือเครื่องเงินใช้ดื่มสุราจำนวนหกชิ้น”
ฟังจบความ เจ้าเมืองสั่งให้ปิดประตูเมืองเมิ่งโจวทั้งสี่ทิศสามวัน ในเมืองให้ทหารไล่ตรวจค้นเรียงไปทีละบ้าน
วันถัดมา เป่าเจิ้งแห่งเวิ้งเฟยหวินมีรายงานว่า “พบศพถูกฆ่าตายสี่ศพในบริเวณเวิ้ง มีรอยเลือดใต้สะพานข้ามเวิ้งเฟยหวิน ศพทั้งสี่พบในน้ำ”
เจ้าเมืองให้คนไปงมศพชันสูตร พบว่าสองนายเป็นเจ้าหน้าที่ของเมือง อีกสองนายมีเจ้าทุกข์แจ้งความไว้
เจ้าเมืองให้ออกประกาศจับไปติดตามอำเภอ ตำบล บ้าน ในเมืองเมิ่งโจว และแจ้งจับไปยังเมืองใกล้เคียง ตั้งรางวัลนำจับสามพันก้วน ผู้ใดให้ที่พักพิงช่วยเหลือมีความผิดร่วมกัน
อู่ซงพำนักอยู่กับจางชิงแล้วห้าวัน ได้ข่าวเรื่องมีประกาศจับตนไปทั่ว
จางชิงกล่าวกับอู่ซงว่า “น้องรอง ใช่ว่าข้ากลัวจนไม่กล้าให้ท่านอยู่ แต่ทางการค้นเรียงบ้านแบบนี้ วันพรุ่งอาจมาเจอเข้า ข้ามีที่ปลอดภัยให้ท่านหลบ เคยบอกไปก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าท่านจะยอมไปไหม”
อู่ซงว่า “หลายวันนี้ข้าก็คิดอยู่ว่าเรื่องต้องเป็นเช่นนี้ หากยังคงพักอยู่ที่นี่คงเดือดร้อนพี่ท่านกับอาซ้อ และยังพวกญาติพี่น้องที่จะพลอยโดนไปด้วย ในเมื่อพี่ท่านมีที่ปลอดภัยให้ไปหลบ มีหรือจะไม่ยอมไป เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่ไหน”
จางชิงว่า “ที่วัดแก้วมณี เขาสองมังกร เมืองชิงโจว สงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซินกับสัตว์หน้าครามหยางจื้อ ตั้งส้องโจรอยู่ที่นั่น ทางการเมืองชิงโจวไม่กล้าไปตอแยด้วย มีแต่ที่แห่งนี้ที่น้องเราน่าจะอยู่รอดปลอดภัย ไปที่อื่นช้าเร็วคงโดนจับ ทางนั้นมีหนังสือมาชวนข้าไปเข้าพวกอยู่บ่อย ข้ายังเสียดายถิ่นทำมาหากินจึงยังไม่ได้ไป ข้าจะเขียนหนังสือบอกเล่าเรื่องของน้องรองไป พวกเขาคงไม่ปฏิเสธด้วยเห็นแก่หน้าข้า”
1
อู่ซงว่า “พี่ใหญ่พูดถูกต้อง ข้าเองก็คิดไว้อยู่ เพียงยังไม่มีวาสนาเวลาเหมาะ วันนี้มาฆ่าคนตาย ไม่มีที่ไป ได้ที่นี่นับว่าเยี่ยมนัก พี่ใหญ่ ท่านช่วยเขียนหนังสือที วันนี้ข้าจะไปเลย”
จางชิงเขียนหนังสือมอบให้อู่ซงแล้วจัดสุราอาหารเลี้ยงส่ง ซุนเอ้อเหนียงแย้งว่า “จะให้ท่านอาไปในสภาพนี้หรือ เดี๋ยวก็โดนจับแน่”
อู่ซงถามว่า “อาซ้อ ทำไมว่าข้าไปไม่รอดต้องโดนจับแน่ล่ะ”
ซุนเอ้อเหนียงว่า “ท่านอา ตอนนี้ทางการปิดประกาศจับท่านไปทั่ว มีข้อมูลทั้งภาพ บ้านเกิด อายุ ตั้งรางวัลนำจับสามพันก้วน บนหน้าท่านอายังถูกสักถึงสองหน คงเดินไปได้ไม่ถึงไหน”
จางชิงว่า “ตราสักบนหน้าสองแถวนั่น เอากอเอี๊ยะปิดเสียก็ไม่เห็น”
ซุนเอ้อเหนียงหัวเราะแล้วว่า “โลกนี้มีแต่ท่านฉลาด ถึงพูดออกมาได้ จะไปตบตาเจ้าหน้าที่ได้อย่างไร ข้าพอมีหนทาง ไม่รู้ท่านอาจะเอาด้วยไหม”
อู่ซงว่า “ข้าก็อยากหลบให้พ้น ทำไมจะไม่เอาด้วยเล่า”
ซุนเอ้อเหนียงว่า “สองปีก่อน มีนักธุดงค์ 头陀 ผ่านทางมาถูกข้าวางยาเอาไปทำไส้หมั่นโถว เหลือไว้แต่ชุดที่สวมมี ห่วงมงคลสวมหัว เสื้อในหลายตัว เสื้อนอกคลุมยาว เชือกรุ้งถักมัดเอว ใบสุทธิ ประคำกระดูกขม่อม มีดศีลเหล็กหิมะคู่หนึ่งในฝักหนังฉลาม มีดคู่นี้ตกกลางดึกจะหวีดร้อง ท่านอาก็เคยเห็นเมื่อเที่ยวก่อน ท่านอาก็ปล่อยผมแบบพวกนักแสวงบุญใช้บังตราสักหน้าได้พอดี ทั้งยังมีใบสุทธิเป็นยันต์คุ้มภัย เจ้าของเดิมก็อายุราวท่านอาตอนนี้ ช่างเหมาะเจาะเหมือนเตรียมไว้ให้ เวลาใครเรียกชื่อตามใบสุทธิท่านอาก็ขานตอบ ดีไหมล่ะ”
1
缉捕急如星火,颠危好似风波。
若要免除灾祸,且须做个头陀。
ไล่ล่าดังสะเก็ดไฟ
เภทภัยปานพายุถล่ม
แม้นใคร่หลบคลื่นลม
ยอมสมอ้างพรางธุดงค์
จางชิงถามว่า “น้องรอง เจ้าว่าอย่างไร”
อู่ซงว่า “ดีอยู่หรอก แต่กลัวข้าจะดูไม่เหมือนคนถือศีล”
จางชิงว่า “ก็ลองแต่งตัวดูก่อน”
ซุนเอ้อเหนียงนำชุดออกมาให้ อู่ซงสวมเสื้อคลุมแล้วว่า “พอดีอย่างกับวัดตัวตัด”
พอเอาเชือกคาดเอว ปล่อยผมสวมห่วงมงคล และสร้อยประคำแล้ว จางชิงกับซุนเอ้อเหนียงถึงกับชมว่า “คงเป็นท่านเมื่อชาติก่อน”
อู่ซงส่องกระจกดูหน้าตัวเองแล้วหัวเราะร่วน จางชิงถามว่า “น้องรองขำอะไร”
อู่ซงว่า “ข้าขำตัวเอง กลายเป็นนักจาริกแสวงบุญไปแล้ว พี่ใหญ่ ช่วยตัดผมให้ข้าที” จางชิงตัดผมหน้าหลังให้
1
打虎从来有李忠,武松绰号尚悬空。
幸有夜叉能说法,顿教行者显神通。
ขุนพลสยบเสือคือหลี่จง
ฉายาของอู่ซงจึงเว้นว่าง
โชคดีที่ยักขิณีช่วยชี้ทาง
สมอ้างผู้จาริกแสวงบุญ
จางชิงว่า “น้องรอง ไม่ใช่ข้าอยากได้ แต่ข้าว่าเอาเครื่องเงินที่ได้จากจางตูเจียนทิ้งไว้นี่ ข้าแลกให้เป็นเงินปลีกติดตัวไปเป็นค่าเดินทางดีกว่า”
“พี่ใหญ่พูดถูกต้อง”
อู่ซงกินจนอิ่มหนำ คาดมีดศีลคู่ไว้กับเอวแล้วกล่าวอำลาจางชิงสองสามีภรรยา ซุนเอ้อเหนียงนำใบสุทธิใส่ถุงแพรบอกให้อู่ซงคล้องคอไว้แนบตัว
จางชิงว่า “ระหว่างทางน้องรองระวังตัวให้ดี เรื่องเล็กอย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ กินดื่มแต่พอประมาณ อย่ามีเรื่องกับใคร วางท่าเป็นผู้ถือศีลอย่าให้ใครดูออก ไปถึงเขาสองมังกรแล้วส่งข่าวกลับมาบ้าง ข้าสองคนผัวเมียอาจจะได้ตามไปอยู่ด้วยในอีกไม่นาน ฝากเนื้อฝากตัวกับสองนายใหญ่หลู่หยางให้จงดี”
อู่ซงอำลาแล้วเดินสะบัดแขนเสื้อจากไป สองสามีภรรยาว่า “ช่างเหมือนผู้จาริกจริง”
前面发掩映齐眉,后面发参差际颈。
皂直裰好似乌云遮体,杂色绦如同花蟒缠身。
额上界箍儿灿烂,依稀火眼金睛;
身间布衲袄斑斓,仿佛铜筋铁骨。
戒刀两口,擎来杀气横秋;
顶骨百颗,念处悲风满路。
啖人罗刹须拱手,护法金刚也皱眉。
ผมด้านหน้าเสมอคิ้วไว้ปิดบัง
ผมด้านหลังปรกคอเสมอไหล่
ชุดคลุมร่างอย่างเมฆดำปกคลุมไว้
เชือกสดใสหลากสีสรรใช้พันพุง
เหนือหน้าผากห่วงมงคลยลกระจ่าง
แววตาอย่างเปลวทองโชติโรจน์รุ่ง
เสื้อในรัดทรวดทรงส่งสีรุ้ง
เหมือนหมายมุ่งอวดกล้ามเนื้อแลเส้นเอ็น
มีดศีลคู่ชูยามใดได้ถึงฆาต
ประคำดาดกระดูกขม่อมนับลำเข็ญ
รากษสอสุรายอมมาเซ่น
เทพคุมกฎเห็นต้องขมวดคิ้ว
 
(罗刹 คำทับศัพท์ รากษส)
ตอนก่อนหน้า : หอยวนยาง
ตอนถัดไป : สันตะขาบ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา