Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
22 ม.ค. 2024 เวลา 12:48 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 68
อู่ซง ผู้จาริก (22) สันตะขาบ
ผู้จาริกอู่ 武行者 อำลาจางชิงสองสามีภรรยา ออกจากลาดสี่แพร่งเดินทางมาได้ราวห้าสิบลี้ กลางเดือนสิบกลางวันสั้น ไม่ทันไรก็ค่ำแล้ว เบื้องหน้าเป็นสันเขาสูง ผู้จาริกอู่าศัยแสงจันทร์ค่อยๆ เดินขึ้นเขาไป มาใกล้ยอดคะเนเวลายามหนึ่ง แสงจันทร์สว่างเห็นรอบด้านชัดเจน พลันได้ยินเสียงคนหัวเราะดังมาจากป่าละเมาะด้านหน้า
ผู้จาริกคิดว่า “เอาอีกแล้ว เขาสูงอย่างนี้ ยังมีคนมานั่งคุยกันเล่น”
ผู้จาริกอู่เดินเข้าไปในดงสน แลเห็นอารามประจำสุสาน 坟庵 ตั้งอิงเขา เป็นเรือนมุงหญ้ามีสิบกว่าห้อง ห้องหนึ่งหน้าต่างเปิดอยู่ เห็นนักพรตรูปหนึ่งกอดหญิงสาวยืนชมจันทร์หัวเราะอยู่
ผู้จาริกอู่เห็นแล้วฉุนเฉียวขึ้นมาทันที “แดนพระธรรมกลางดงบนเขาสูง กลับมาทำเรื่องบัดสี” จึงชักมีดศีลคู่มาจากข้างเอว มองดูใต้แสงจันทร์แล้วออกปากว่า “มีดดี ตั้งแต่อยู่ในมือข้ายังไม่ได้เปิดตัวเลย ประเดิมลองมีดกับอาจารย์นกเขานี่เสียเลย” แล้วเอาเล่มหนึ่งพาดข้อมือไว้ อีกเล่มเก็บกลับเข้าฝัก เอาแขนเสื้อยาวของชุดคลุมมัดอ้อมหลังให้กระชับ เดินไปเคาะประตูหน้าอาราม นักพรตนั้นได้ยินก็ปิดหน้าต่างเสีย
ผู้จาริกอู่จึงก้มลงหยิบก้อนหินขึ้นมาทุบประตู สักครู่ก็ได้ยินเสียงดังเอี๊ยด มีเด็กวัดเปิดประตูข้างเดินออกมาตวาดว่า “ใครน่ะ ดึกดื่นค่อนคืนมาทุบประตูโครมคราม”
ผู้จาริกอู่ถลึงตา ตวาดลั่น “เอาเด็กนกเขานี่เซ่นมีดก่อน” ปากว่ามือถึงไม่ทันขาดคำ มีดก็ตัดหัวเด็กวัดขาดกระเด็น
มีเสียงนักพรตมาจากในอารามว่า “ใครบังอาจฆ่าศิษย์ข้า” นักพรตรูปหนึ่งถือกระบี่พิธีกรรมคู่กระโดดออกมาพุ่งเข้าหาผู้จาริกอู่ อู่ซงชักมีดอีกเล่มขึ้นมาใช้เป็นมีดคู่ปราดเข้าหา เงากระบี่วาววับ เงามีดเย็นยะเยียบ กระบี่คู่ประมีดคู่ผลัดกันรุกรับสิบกว่าเพลง ในที่สุด ผู้จาริกอู่ก็พบช่องโหว่ ขณะนักพรตโถมฟันเข้าใส่ ผู้จาริกอู่ม้วนตัวเล็งมั่นเหมาะตวัดมีดตัดคอนักพรตขาดกระเด็นลงบนพื้นหิน
อู่ซงตะโกนเสียงดัง “นางคนในอาราม ออกมา ข้าไม่ฆ่าเจ้า แค่มีเรื่องถาม”
หญิงสาวนางหนึ่งออกมาจากอารามแล้วคุกเข่าลงกราบ
ผู้จาริกอู่ว่า “ไม่ต้องกราบข้า แค่บอกมาว่าที่นี่ที่ไหน อาจารย์นั่นเป็นอะไรกับเจ้า”
หญิงสาวร้องไห้แล้วว่า “ข้าน้อยเป็นบุตรสาวของจางไท่กงอยู่ที่ตีนเขาแห่งนี้ อารามแห่งนี้เป็นอารามประจำสุสานบรรพบุรุษ อาจารย์ผู้นี้ไม่ทราบว่าเป็นคนที่ไหนมาขอค้างแรมที่บ้าน คุยว่าตนรู้เรื่องยินหยาง จัดวางฮวงจุ้ย บิดามารดาข้าน้อยจึงเชิญขึ้นเขามาดูทำเลสุสาน ถูกเขากล่อมจนขอให้เขาพักอยู่ที่บ้านอีกหลายวัน วันหนึ่งได้เห็นข้าน้อยเข้าจึงไม่ยอมไปไหน อยู่ต่อถึงสามเดือน หาเรื่องทำร้ายพ่อแม่พี่ชายและพี่สะใภ้ของข้าน้อยจนถึงแก่ชีวิต หลอกข้าน้อยมากักขังอยู่ในอารามแห่งนี้ พวกเด็กวัดก็ล้วนจับตัวมาจากที่อื่น
สันเขาแห่งนี้เรียกว่า สันตะขาบ 蜈蚣岭 อาจารย์ผู้นี้บอกว่าสันตะขาบมีฮวงจุ้ยดี จึงตั้งฉายาตัวเองว่า นักพรตหวางตะขาบเหินฟ้า 飞天蜈蚣王道人”
ผู้จาริกอู่ถามว่า “เจ้ายังมีญาติไหม”
หญิงสาวว่า “ญาติยังพอมีอยู่หลายคน แต่ก็ล้วนเป็นชาวนา ไม่มีใครกล้าตอแยกับเขา”
“หมอนั่นพอมีเงินทองบ้างไหม”
“เห็นมีเก็บอยู่ราวสองร้อยตำลึง”
“เจ้าไปเอามาเก็บติดตัวไว้ ข้าจะเผาอารามนี้ทิ้ง”
หญิงสาวถามว่า “ท่านอาจารย์ จะรับประทานอาหารไหม”
“ถ้ามี ก็เอามาให้ข้า”
“เชิญท่านอาจารย์เข้าไปในอารามเถิด”
“กลัวว่าจะมีใครแอบเล่นงานข้า”
“ข้าน้อยมีอยู่เพียงหัวเดียว มีหรือจะกล้าทำอะไรท่าน”
ผู้จาริกอู่ตามหญิงสาวเข้าไปในอาราม เห็นบนโต๊ะริมหน้าต่างมีสุราอาหารจัดวางอยู่ จึงจัดการกินเสียชุดใหญ่ หญิงสาวเก็บข้าวของเงินทองรวบรวมขึ้นแล้ว ผู้จาริกอู่ก็เริ่มจุดไฟเผาจากด้านใน
หญิงสาวนำห่อทรัพย์สินเงินทองมอบให้ผู้จาริกอู่เพื่อขอไถ่ชีวิต ผู้จาริกอู่ว่า “ข้าไม่เอาของเจ้า เจ้าเก็บไว้เลี้ยงตัว รีบไปเสีย”
หญิงสาวกราบขอบคุณแล้วลงเขาไป ผู้จาริกอู่นำศพทั้งสองโยนเข้าไปเผาในกองไฟ แล้วข้ามเทือกเขาในคืนนั้น เดินทางมุ่งหน้าเมืองชิงโจว
เดินทางต่อมาได้สิบกว่าวัน ไปถึงชุมชนตำบลเมือง ตลาดร้านย่านใดล้วนเห็นประกาศจับอู่ซง แต่อู่ซงแปลงร่างเป็นผู้จาริกแสวงบุญเสียแล้วจึงไม่มีใครมาเรียกสอบ ย่างเข้ากลางเดือนสิบเอ็ด อากาศหนาวเย็นจนทนแทบไม่ไหว ผู้จาริกอู่เดินขี้นมาบนเนินดิน แลไปเห็นเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่งอยู่ด้านหน้า ลงเนินดินเดินมาได้ห้าลี้มีร้านอาหารเล็กๆ ตั้งหันหน้าหาคลองน้ำใส ด้านหลังเป็นผาหินสลับซับซ้อน
门迎溪涧,山映茅茨。
疏篱畔梅开玉蕊,小窗前松偃苍龙。
乌皮桌椅,尽列着瓦钵磁瓯;
黄土墙垣,都画着酒仙诗客。
一条青旆舞寒风,两句诗词招过客。
端的是走骠骑闻香须住马,使风帆知味也停舟。
ริมลำน้ำใต้ผาค้ำหลังคา
เหมยงามตาริมรั้วเกสรสล้าง
เขียวชะอุ่มพุ่มสนแคระนอกหน้าต่าง
เครื่องดินเผาวางเข้าชุดกับโต๊ะดำ
กำแพงดินเขียนภาพเซียนร่ำสุรา
ธงเหล้าร่าเริงสายลมเย็นฉ่ำ
โคลงสองแถวเรียกลูกค้าประดิษฐ์คำ
หอมกลิ่นจำแวะมาทั้งม้าเรือ
ผู้จาริกอู่เข้ามาในร้านตะโกนเรียก “เถ้าแก่ เอาเหล้ามาสองเจี่ยว มีเนื้ออะไรก็ยกมา”
เจ้าของร้านว่า “ท่านอาจารย์ เหล้าขาวยังพอมี แต่เนื้อนั้นหมดแล้ว”
“งั้นเอาเหล้ามาแก้หนาว”
เจ้าของร้านนำเหล้าขาวมาให้สองเจี่ยวพร้อมผักลวกอีกจานแกล้มเหล้า พริบตาเดียวเหล้าก็หมด จึงยกมาอีกสองเจี่ยว ผู้จาริกอู่ก้มหน้าก้มตาดื่มกินจนหมด ตอนเดินข้ามเนินดินก่อนหน้านี้ ก็ดื่มแก้หนาว เมาไปก่อนสามสี่ส่วนแล้ว พอมาดื่มอีกสี่เจี่ยว ก็เริ่มออกอาการ
อู่ซงส่งเสียงดังว่า “เถ้าแก่ ไม่มีอะไรขายจริงหรือ ถ้ามีเนื้อเก็บไว้กินเอง ก็เอามาแบ่งข้าบ้าง ข้าจ่ายเงินให้”
เถ้าแก่หัวเราะแล้วว่า “ข้าไม่เคยเห็นนักบวชที่ไหนเหมือนท่าน เอาแต่ดื่มเหล้ากินเนื้อ ข้าจะไปหาที่ไหนมาให้ ท่านอาจารย์ก็พอเถอะ”
“ข้าไม่ได้กินของเจ้าเปล่าๆ ทำไมไม่ขายให้”
“ข้าก็บอกท่านแล้วว่า เหลือแต่เหล้าขาว อย่างอื่นไม่มีแล้ว”
1
ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งสูงกว่าเจ็ดฉื่ออายุราวยี่สิบห้าเดินนำหน้าชายอีกสี่คนเข้ามาในร้าน เถ้าแก่ร้านยิ้มกุลีกุจอต้อนรับ “ต้าหลางเชิญนั่ง”
ชายผู้นั้นว่า “ของที่สั่งไว้ เตรียมเสร็จหรือยัง”
เถ้าแก่ว่า “ไก่กับเนื้อสุกแล้ว”
“เหล้าชิงฮวาเวิ่ง (เหล้าลายคราม) 青花瓮酒 ของข้าล่ะอยู่ไหน”
“อยู่ที่นี่แล้ว”
(เหล้าลายคราม 青花瓮酒 เหล้าขึ้นชื่อแถบซานซี 山西 (汾酒) บรรจุในภาชนะลายคราม จึงเรียกว่าเหล้าลายคราม ชิงฮวาเวิ่ง)
ชายกลุ่มนั้นนั่งลงยังโต๊ะตรงข้ามกับผู้จาริกอู่ เถ้าแก่นำเหล้าชิงฮวาเวิ่งมาเปิดแล้วเทใส่อ่างขาวใบใหญ่ กลิ่นเหล้าชั้นดีหอมโชยมาเตะจมูกผู้จาริกจนระคายคออยากจะเข้าไปแย่งดื่ม เถ้าแก่นำเนื้อจานใหญ่ ไก่สองตัว และผักวางเรียงตรงหน้า เอาช้อนตักเหล้ามาอุ่น ผู้จาริกอู่ก้มลงมองจานผักลวกของตนแล้วโทสะกรุ่น
พออิ่มตาแต่ท้องว่าง ฤทธิ์เหล้าก็กำเริบ อยากจะทุบโต๊ะพังเสียตรงนั้น ผู้จาริกตะโกนลั่น “เถ้าแก่มานี่ แกนี่มันดูถูกลูกค้า”
เถ้าแก่รีบมาถามว่า “ท่านอาจารย์ อย่าใจร้อน จะดื่มอะไรค่อยๆ พูด”
ผู้จาริกอู่ถลึงตาตวาดว่า “แกนี่มันไม่มีเหตุผล เหล้าชิงฮวาเวิ่ง ไก่กับเนื้อ ทำไมไม่ขายให้ข้า ข้าก็มีเงินจ่าย”
เถ้าแก่ว่า “เหล้าชิงฮวาเวิ่ง ไก่กับเนื้อ ต้าหลางเอามาเองจากบ้าน แค่มาอาศัยนั่งกินที่ร้านข้า”
ผู้จาริกอยากกินเต็มแก่ ไม่ยอมฟัง ตะคอกว่า “ผายลม”
เถ้าแก่ว่า “ข้าไม่เคยเห็นนักบวชที่ไหนป่าเถื่อนเหมือนท่าน”
“เจ้าพ่อ 老爷 รึป่าเถื่อน ข้ากินของเจ้าเปล่าๆ หรือ”
“ข้ากลับไม่เคยเห็นนักบวชที่ไหนเรียกตัวเองว่า เจ้าพ่อ”
ผู้จาริกโดดลุกขึ้นกางมือตบหน้าเถ้าแก่จนเซล้มไปอีกทาง หน้าบวมไปครึ่งหน้า ลุกไม่ขึ้น
ชายฉกรรจ์โต๊ะตรงข้ามเห็นเหตุการณ์แล้วโมโห โดดขึ้นยืนชี้หน้าด่าอู่ซงว่า “เจ้านักธุดงค์หัวนกเขา 鸟头陀 เที่ยวลงไม้ลงมือ ไม่เจียมฐานะตัว ไม่สำนึกว่า ผู้ออกบวชมิควรลุแก่โทสะ 出家人勿起嗔心”
ผู้จาริกอู่ว่า “ข้าอัดมัน เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
ชายฉกรรจ์ขัดเคืองว่า “ข้าแนะเจ้าดีๆ เจ้านักธุดงค์หัวนกเขา กล้าย้อนข้า”
ผู้จาริกโกรธจัดผลักโต๊ะกระเด็น ขึ้นหน้าตะคอกถามว่า “เอ็งว่าใคร”
ชายฉกรรจ์หัวเราะว่า “เจ้านักธุดงค์หัวนกเขาจะมาเล่นกับข้ารึ บังอาจมาแหย่ดินบนกบาลไท่สุ้ย” แล้วชี้มือออกไปนอกร้าน “ไอ้นักบุญโจร ออกมาคุยกัน”
ผู้จาริกอู่ว่า “คิดว่าข้ากลัวไม่กล้าอัดเจ้าหรือ” แล้วพรวดไปข้างประตู
ชายฉกรรจ์หลบออกไปนอกประตู ผู้จาริกตามออกมา ชายฉกรรจ์เห็นอู่ซงร่างสูงใหญ่ไม่กล้าดูเบา วางกระบวนท่าตั้งรับ 门户 อย่างรัดกุม ผู้จาริกอู่พุ่งตัวมาจับมือไว้มั่น ชายผู้นั้นจะผลักอู่ซงให้ล้มก็จนปัญญาด้วยสู้กำลังมหาศาลของอู่ซงไม่ได้ กลับถูกลากล้มคว่ำลงเหมือนเด็ก สี่คนที่มาด้วยเห็นแล้วมือเท้าชาไม่กล้ามาช่วย ผู้จาริกอู่ใช้เท้าเหยียบร่างชายนั้นไว้แล้วกระหน่ำชกใส่หลายสิบหมัด แล้วยกร่างขึ้นทุ่มลงไปในลำธาร ชายสี่คนที่มาด้วยรีบลงไปช่วยขึ้นจากน้ำแล้วพยุงกันหนีไปทางทิศใต้
ผู้จาริกอู่กลับเข้าในร้าน เจ้าของร้านที่ถูกตบจนหน้าชาหลบไปหลังร้านนานแล้ว ผู้จาริกว่า “ดี ไปกันหมดแล้ว เหล้ายาข้ากินเอง” แล้วก็ลงมือตักเหล้าลายครามมาดื่ม ตะเกียบไม่ต้อง ใช้มือฉีกไก่กับเนื้อที่ยังไม่มีใครแตะมากินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม กินดื่มไปได้สักแปดส่วน รู้สึกอิ่มแล้ว จึงลุกขึ้นเอาแขนเสื้อคลุมผูกอ้อมหลังให้กระชับ ออกจากร้านเดินเลียบลำธารมา
1
ตอนก่อนหน้า : ผู้จาริกแสวงบุญ
https://www.blockdit.com/posts/65aa6a68e12738fb377adb67
ตอนถัดไป : ดาวหาง ดาวเพลิง
https://www.blockdit.com/posts/65b1054235300f15f07a24bf
1 บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน ภาคต้น
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย