25 ม.ค. เวลา 08:56 • กีฬา

[ Dave Whelan : อดีตนักเตะแบล็คเบิร์นที่รวยกว่าเนย์มาร์ EP.3/3 ]

“คุณพอจะให้พวกเรายืมเงินหน่อยได้มั้ย?”
ปี 1995 ระหว่างที่ Dave Whelan กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูงกับธุรกิจของเขาอย่าง JJB Sports หนึ่งในร้านขายอุปกรณ์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ เขาก็ได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือเรื่องการเงินจาก Stan Jackson ผู้บริหารทีมฟุตบอลวีแกนแอธเลติก
ในตอนนั้นวีแกนแอธเลติกเป็นเพียงทีมฟุตบอลเล็กๆในลีกลำดับ 4 (หรือ EFL ลีก 2 ในปัจจุบัน) ซึ่งมีแฟนบอลมาติดตามเชียร์ไม่ถึง 2,000 คน จึงเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจที่น้อยคนจะรู้จักทีมนี้ และพวกเขาก็กำลังประสบปัญหาการเงินเรื่องการจ่ายค่าเหนื่อยให้เหล่าผู้เล่น
พวกเขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคนท้องถิ่น ผู้มีใจรักฟุตบอลกับเงินมากพอที่จะสนับสนุนให้สโมสรไปต่อได้ และคนนั้นคือ Dave Whelan
Whelan เกิดที่เมืองวีแกน และเป็นอดีตนักเตะผู้เคยฝ่าฟันไปถึงรอบชิงชนะเลิศ FA Cup เมื่อปี 1960 แต่นอกจากจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขายังได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากเกมนั้น ก่อนจะผันตัวไปทำธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตกับร้านขายอุปกรณ์กีฬาจนประสบความสำเร็จอย่างสูง
เมื่อได้รับการติดต่อ Whelan ก็ทำมากกว่าการให้ยืมเงินเฉยๆแก่สโมสรในบ้านเกิด
เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1995 Dave Whelan เข้าซื้อทีมวีแกนแอธเลติก
และเขาก็ให้คำสัญญาสองอย่างแก่ผู้สนับสนุนทีมเล็กๆนี้ พวกเขาจะได้ลงเล่นในสนามแห่งใหม่ที่ทันสมัยกว่าเดิม และพวกเขาจะโบยบินขึ้นไปถึงลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ
หลายคนหัวเราะเยาะเย้ย
แต่ Whelan จะเป็นคนหัวเราะในท้ายที่สุด
คล้ายกับที่ Whelan นำแนวคิดจากสหรัฐอเมริกามาใช้จนแซงหน้าเจ้าอื่นๆในสหราชอาณาจักร เขารู้ดีว่าถ้าจะเอาชนะการแข่งขัน เขาต้องนำความแตกต่างจากต่างแดนเข้ามาเสริมทัพ
ตอนนั้นทีมฟุตบอลในสหราชอาณาจักรยังนิยมใช้ผู้เล่นในประเทศ โดยพวกเขาแทบไม่สนใจตามหาผู้เล่นจากนอกเกาะเท่าไหร่ ยิ่งเป็นทีมเล็กๆก็ยิ่งแล้วใหญ่
Whelan แสดงถึงความมุ่งมั่นของเขา โดยการใช้เครือข่ายจาก JJB Sports ที่กำลังขยายเข้าไปในประเทศสเปนพอดี และเซ็นสัญญากับ “สามสหาย” ได้แก่ Isidro Diaz, Jesus Seba (อดีตผู้เล่นทีมชาติสเปนชุด U21), และ Roberto Martinez ตำนานของทีมในอนาคต
เป็นการส่งสัญญาณว่าคำสัญญาของเขาไม่ใช่คำเพ้อฝัน
สองปีต่อมา ความสำเร็จแรกก็มาหาพวกเขา วีแกนแอธเลติกได้แชมป์ลีก และได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในลีกลำดับ 3 (EFL ลีก 1 ในปัจจุบัน) แต่แน่นอนว่า Whelan ไม่ได้พอใจแค่นั้น คำสัญญาของเขาคือการพาวีแกนแอธเลติกขึ้นไปยังลีกสูงสุด
และสัญญาแรกของ Whelan ก็เป็นจริง เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 1999 สนามฟุตบอลใหม่ของวีแกนแอธเลติก JJB Stadium ได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในเกมกระชับมิตรระหว่างเจ้าบ้าน กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เพื่อนบ้านเมืองใกล้เคียงและแชมป์ยุโรปในตอนนั้น
แต่มันใช้เวลาอีกสักพักกว่าคำสัญญาที่สองจะเป็นจริง Whelan มีเงินมากพอที่จะซื้อดาวเตะมาประดับทีม แต่เขาจำเป็นต้องมีแม่ทัพผู้สามารถนำดาวเตะเหล่านั้นไปสู่ความสำเร็จได้
จนในปี 2001 Whelan ก็ได้พบกับ Paul Jewell อดีตผู้เล่นวีแกนแธเลติก และอดีตผู้จัดการทีมที่เคยพาแบรดฟอร์ดขึ้นไปสู่ลีกสูงสุด ถึงแม้ระยะหลังเขาจะทำผลงานไม่ดีจนถูกปลดถึงสองรอบ แต่ Whelan ก็เห็นบางอย่างในตัวเขา และจ้าง Jewell ให้นำทีมของเขาสู่ลีกสูงสุดให้ได้
ผลงานในฤดูกาลแรกของ Jewell นั้นไม่เป็นไปตามเป้าหมายเท่าไหร่ แต่ในฤดูกาลที่สองของเขา Whelan ยอมลงทุนถึง 1.8 ล้านยูโร ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากในยุคนั้น และสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เพื่อคว้าดาวยิง “The Duke” Nathan Ellington มาร่วมทีม
ก่อนที่ฤดูกาลนั้นวีแกนแอธเลติกจะแพ้เพียงแค่สี่นัด และคว้าได้ถึง 100 คะแนนในลีก ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์และเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในลีกลำดับ 2 (EFL Championship ในปัจจุบัน) เป็นตำแหน่งที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร และอีกแค่หนึ่งก้าวจากลีกสูงสุด
เหล่านักวิจารณ์ต่างสบประมาททีมน้องใหม่รายนี้ “Sunday League Pub team” คือชื่อที่พวกเขาใช้เรียกวีแกนแอธเลติก แต่ทีมของ Whelan ก็ทำให้คนเหล่านั้นคิดผิด เพราะวีแกนแอธเลติกสามารถแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนเกาะหัวตาราง และหากพวกเขาไม่ฟอร์มหลุดในครึ่งฤดูกาลหลัง พวกเขาก็อาจจะสามารถคว้าตั๋วเลื่อนชั้นได้ภายในฤดูกาลเดียว
แต่ในเมื่อความพยายามครั้งแรกไม่สำเร็จ พวกเขาก็ตั้งมั่นว่าจะไม่พลาดอีกซ้ำสอง Whelan ลงทุนเพิ่มในทีมของเขา จนวีแกนแอธเลติกเต็มไปด้วยดาวเตะพรสวรรค์มากมาย ซึ่งในฤดูกาลที่สองของพวกเขาในลีกนี้ “The Duke” Nathan Ellington ก็ระเบิดประตูจนได้รับรางวัลดาวซัลโว และคว้าตั๋วเลื่อนชั้นในฐานะรองแชมป์ฤดูกาลนั้น
คำสัญญาที่สองของ Whelan เป็นจริงแล้ว
วีแกนแอธเลติกจะได้เล่นในลีกสูงสุด ฤดูกาล 2005/2006
และ Whelan ก็ได้หัวเราะกลับใส่คนที่เคยหัวเราะเยาะเขาเมื่อเกือบสิบปีก่อน
แต่ในขณะเดียวกัน ความท้าทายใหม่ก็ปรากฏขึ้น
ในลีกสูงสุดที่ทุกคนมีเงินถุงเงินถัง เขาจะทำให้วีแกนแอธเลติกอยู่รอดได้อย่างไร?
เป้าหมายต่อไปของ Whelan คือการทำให้สโมสรได้อยู่ในลีกสูงสุดต่อไปเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน การบริหารทีมฟุตบอลนั้นก็ใช้เงินมากขึ้นเช่นกัน และหากใช้เงินเกินตัวบ่อยๆ วีแกนแอธเลติกอาจจะกลับไปสู่จุดเดิม ตอนที่สโมสรไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าจ้างให้ผู้เล่น
พวกเขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งทั้งในและนอกสนามฟุตบอล
จุดเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ของพวกเขานั้นดูไม่ดีเท่าไหร่ วีแกนแอธเลติกต้องเสียดาวยิงคนสำคัญ “The Duke” Nathan Ellington ให้กับทีมเวสต์บรอมมิชอัลเบียน
แต่นักธุรกิจอย่าง Whelan เห็นกุญแจสู่ความสำเร็จจากการสูญเสียครั้งนี้
เขาสามารถขาย Ellington ได้ในราคาถึง 4.5 ล้านยูโร โดยมันเป็นราคาที่มากกว่าสองเท่าของจำนวนที่เขาจ่ายเพื่อซื้อดาวยิงคนนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน
ทำให้ Whelan ตั้งเป้าที่จะสร้างทีมวีแกนแอธเลติก ให้เป็นบันไดสู่ทีมใหญ่สำหรับนักเตะดาวรุ่ง คล้ายกับในตอนที่เขาเซ็นสัญญา “สามสหาย” เมื่อตอนที่เข้าซื้อทีมใหม่ๆ Whelan เริ่มยุคใหม่ด้วยการเฟ้นหาดาวรุ่งราคาถูก เพื่อที่จะนำมาปลุกปั้นและขายต่อในราคาแพงๆ
นักเตะชื่อดังผลัดกันเข้าออกวีแกนแอธเลติกอย่างไม่ขาดสาย และ Whelan ก็มักจะได้กำไรงามๆจากการขายผู้เล่นเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็น Pascal Chimbonda (เซ็นสัญญาฟรี ขายต่อ 10 ล้านยูโร), Wilson Palacios (ซื้อ 1.3 ล้านยูโร ขายต่อ 15 ล้านยูโร), หรืออดีตนักเตะเชลซีชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก Victor Moses (ซื้อ 3 ล้านยูโร ขายต่อ 11.5 ล้านยูโร)
หนึ่งในอดีตนักเตะวีแกนแอธเลติกยุคของ Whelan ที่หลายคนมักจะรู้จักเป็นอย่างดี คือ Antonio Valencia ปีกชาวเอกวาดอร์ ที่ย้ายเข้ามาร่วมทัพจากลีกสเปนในราคา 2 ล้านยูโร ก่อนจะแสดงผลงานได้ยอดเยี่ยม และถูกขายให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้สูงถึง 18.8 ล้านยูโร
และในเมื่อยุคของ Whelan เริ่มต้นด้วยการมาของ “สามสหาย” จึงค่อนข้างเหมาะสมที่ยุครุ่งเรืองของเขาจะได้ต้อนรับการกลับมาของหนึ่งใน “สามสหาย” Roberto Martinez ครั้งนี้ในฐานะผู้จัดการทีมที่นำทัพวีแกนแอธเลติกต่อกรกับเหล่าทีมชั้นนำได้อย่างสนุกสนาน
แต่หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน ในที่สุดวีแกนแอธเลติกก็พ่ายแพ้ให้กับการแข่งขันในลีกสูงสุด ฤดูกาล 2012/2013 ทีมของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ และเหล่านักเตะดาวรุ่งก็ไม่สามารถทดแทนผู้เล่นที่ย้ายออกไปได้ ทำให้ยุคสมัยของวีแกนแอธเลติกในลีกสูงสุดจึงสิ้นสุดลง รวมระยะเวลายาวนาน 8 ฤดูกาล
แต่ในฤดูกาลนั้น พวกเขาก็มอบของขวัญชิ้นสุดท้ายให้กับ Whelan
เพราะถึงแม้ฟอร์มในลีกจะไม่ดีจนจมอยู่ท้ายตาราง แต่วีแกนแอธเลติกก็สามารถฝ่าฟันเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศของบอลถ้วย FA Cup ในปีนั้นได้สำเร็จ
คู่แข่งของพวกเขาคือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ แชมป์ลีกสูงสุดของฤดูกาลที่แล้ว ใครๆต่างก็มองว่าพวกเขาจะคว้าถ้วยนี้เหนือวีแกนแอธเลติกได้อย่างสบายๆ
Whelan ได้รับอนุญาตให้เดินนำทีมของเขาลงสนามเวมบลีย์ ในวินาทีนั้น เขาอยู่ห่างจากจุดที่ตัวเองเคยขาหักเมื่อ 50 กว่าปีก่อนไม่เท่าไหร่นัก เหตุการณ์ที่เปลี่ยนเขาจากนักบอลสู่นักธุรกิจ แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวของเขาก็กลับมาบรรจบที่จุดเริ่มต้นนี้อีกครั้ง
และมันก็เป็นบทสรุปเรื่องราวอันงดงาม
“Maloney เปิดมุม… แล้วก็เข้าประตู! Ben Watson! Ben Watson ยิงให้วีแกนแอธเลติก! พวกเขาคงชนะ FA Cup อย่างแน่นอนแล้ว!”
“เพื่อ Dave Whelan! เพื่อ Roberto Martinez!”
“คุณไม่มีทางเขียนสคริปต์แบบนี้ได้!”
กล้องถ่ายทอดสดจับไปที่ Dave Whelan ผู้กำลังกระโดดดีใจบนอัฒจันทร์
มันอาจจะใช้เวลารอนานไปหน่อย 53 ปีนับจากครั้งแรกที่ก้าวเข้าไปชิงชัยในสนามเวมบลีย์ แต่ในที่สุด Whelan ก็ได้ชูถ้วย FA Cup ที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด
จาก “จอมปะทะ” ของทีมกุหลาบไฟ สู่นักธุรกิจไฟแรง เจ้าของร้านอุปกรณ์กีฬาเจ้าใหญ่
จากนักฟุตบอลถังแตก สู่ (อดีต) นักฟุตบอลที่รวยกว่าเนย์มาร์กับเอ็มปัปเป้
จากผู้แพ้ในวันนั้น สู่ผู้ชนะในวันนี้
โฆษณา