30 ม.ค. เวลา 09:20 • บันเทิง

#วันนี้Doอะไรดี

วันนี้ขออนุญาตพูดคุยควันหลงหลังจากที่ คุณโอม ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำและผู้ก่อตั้งวงดนตรีนาม #Cocktail ออกมาประกาศเตรียมตัวยุติบทบาทของวงดนตรีชื่อเหมือนเครื่องดื่มชวนจิบ ที่เดินอยู่บนเส้นทางสายดนตรีมามากกว่า 20 ปี ซึ่งถ้าเทียบกับชีวิตคนก็คงจะบอกได้ว่าถึงเวลาแยกย้ายไปเติบโตกันได้อย่างจริงจัง ดังนั้นขอเล่าเรื่องราวที่ข้องเกี่ยวกับวงดนตรีวงนี้ที่เราเติบโตมาด้วยกันสักหน่อยแล้วกัน
๑. ครั้งแรกที่เราได้รู้จักกับวง Cocktail เกิดขึ้นเมื่อตอนอยู่ชั้นม.4 ยุคนั้นเป็นช่วงที่เพลงอินดี้ (หรืออีกในหนึ่งความเข้าใจคือวงดนตรี Underground) กำลังเฟื่องฟู เพื่อนเราเป็นคนแนะนำวงดนตรีวงนี้ให้รู้จักผ่านเพลง #วูบเดียว และ #เศษซากความฝัน ซึ่งต้องถือว่าเป็นเพลงที่ค่อนข้างแปลกและแตกต่างจากเพลงเมนสตรีมทั่วไป และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เริ่มเข้ามาทำความรู้จักกับวงอย่างจริงจัง
๒. ในยุคสมัยนั้นการจะติดตามข่าวสารค่อนข้างไม่สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ที่สื่อโซเชียลมีเดียและอินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่ายยิ่งกว่าหาร้านข้าวอร่อยๆ แถวออฟฟิศกินเสียอีก (ประมาณช่วงปีพ.ศ. ๒๕๔๗) การจะดั้นด้นไปดูคอนเสิร์ตของเด็กวัยเพิ่งผ่านพ้นม.ปลาย จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อนพอสมควร
๓. แต่ความบังเอิญไม่มีจริง ทุกสิ่งถูกจัดวางเอาไว้ด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ในปีพ.ศ. ๒๕๕๑ ขณะที่กำลังศึกษาชั้นปีที่ ๑ ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ชื่อเหมือนอยู่ในเมือง แต่ที่ตั้งห่างไกลออกไปแถวปทุมธานี ได้มีการจัดแสดงละครเวทีประจำปี โดยครั้งนั้นได้เชิญวง Cocktail มาร่วมการแสดง วันนั้นเองเป็นครั้งแรกที่ได้ Do คอนเสิร์ตวงนี้อย่างจริงจัง ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆ ประกอบละครเวที แต่ #งานเต้นรำในคืนพระจันทร์เต็มดวง ฉบับดั้งเดิม ก็เข้าไปสะกดในจิตใจ เลยได้เริ่มสถาปนาตัวเองเป็น FC อย่างจริงจัง
๔. ผ่านมาอีก ๑ ปี การขาดซึ่งทุนทรัพทำให้ต้องจากลามหาวิทยาลัยเดิม เพื่อมาศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยศิลปะใจกลางพระนครในฐานะเด็ก "ซิ่ว" ซึ่งครั้งนี้ช่วยยืนยันเรื่องความบังเอิญไม่มีจริงได้อย่างเห็ดภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อคณะที่เลือกเรียนสาขาใหม่นี้ได้มีโอกาสพบเจอกับ ๒ สมาชิกวง Cocktail ซึ่งเป็นศิษย์ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าคณะ ขณะที่เสียงบรรเลง #ดาราดับแสง และ #วราลี ได้เริ่มต้นขึ้น เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับ พี่อายุ จารุบูรณะ มือกลอง (ในขณะนั้น) และ พี่เชากล้ามปู ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย
๕. ด้วยวันเวลาที่เที่ยวเล่นและใช้เวลาค่อนข้างมากอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทำให้ได้สนิทสนมกับพี่ว๊ากท่านหนึ่ง พี่ปาร์ค เกริกเกียรติ สว่างวงศ์ ที่เรียกได้ว่าช่วงนั้นลุยไหนลุยกันเปิดตี้ยันหว่างก็ไม่สามารถเอาพี่ปาร์คลงได้เลย ก่อนที่ไม่กี่ปีหลังจากนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในวง Cocktail โดยพี่อายุได้เดินออกมา สวนทางกับพี่ปาร์คที่ได้เข้าไปร่วมทางเดินแทน
๖. ช่วงเวลาพัดผ่านไปเรื่อยๆ จนมีครั้งหนึ่งที่ Cocktail ได้มีเปิดโชว์เล็กๆ ที่ร้านเครื่องดื่มมึนเมาแห่งหนึ่งแถวลาดพร้าว ในฐานะแฟนเพลงที่ดีก็มีโอกาสดั้นด้นไป Do คอนเสิร์ตครั้งนั้น ซึ่งทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีอย่างคาดไม่ถึง เริ่มที่ได้รู้จักพี่หมี (ผู้จัดการวง) พี่เหน่ง วิวัฒน์ สว่างวรรณรัตน์ (ขณะนั้นเป็นมือกีตาร์วง Fairy Tale) พี่สาวพี่ปาร์คที่ชวนกระดกเบียร์ไม่หยุด ก่อนจะได้พูดคุยกับพี่โอมอย่างใกล้ชิด แถมปิดท้ายด้วยพี่ปาร์คเห็นว่าเดินทางมาไกล ช่วยค่ารถมาอีก ๒๐๐ บาท แบบนี้ใครจะไม่รักไหว
๗. ในขณะที่วง Cocktail กำลังเติบโตไปบนเส้นทางสายดนตรี ซิงเกิ้ลที่ทำให้คนไทยได้รู้จักกับวงร็อกวงนี้ #คุกเข่า และ #เธอทำให้ฉันเสียใจ ก็เหมือนกับว่าเรื่องราวระหว่างเรากับวงคงเป็นเส้นขนาน ด้วยหน้าที่การงานทำให้ไม่ได้แวะเวียนไปให้กำลังใจวงเหมือนเช่นเคย จนกระทั่งวงได้ประกาศงานคอนเสิร์ต Side B ที่เล่นเพลงเก่าๆ ที่พี่โอมประกาศกลางคอนฯ ว่า "กูไม่เล่นคุกเก่าโว้ยยย" ในฐานะแฟนเก่าแฟนแก่ที่หลงรักเพลงในวันเก่าๆ จะพลาดได้อย่างไร เป็นอีกครั้งที่ได้ดวดเบียร์กับพี่ปาร์คหลังจากห่างหายกันไปนาน
๘. จนถึงวันนี้ที่วงประกาศยุติเส้นทางในปี ๒๕๖๘ ถือว่าเป็นอีกนิมิตหมายที่ถึงเวลาแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของแต่ละคน ถ้านับเวลากลมๆ ตั้งแต่ได้รู้จักกับวงดนตรีวงนี้ก็ประมาณ ๒๐ ปี เป็นอีกวงที่โตมาด้วยกันเลยก็ว่าได้ ได้เห็นพัฒนาการมุ่งหน้าคลองตัน จนวันนี้ได้เห็นแสงที่ปลายทางลิบๆ กำลังรออยู่ไกลๆ เชื่อได้เลยว่างานคอนเสิร์ตส่งท้ายของวง จะต้องยิ่งใหญ่และสร้างความทรงจำที่ประทับใจไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน แล้วเจอกันครับ
.
เรียบเรียง : เรื่องราวในห้วงความทรงจำของแฟนคลับคนหนึ่ง
โฆษณา