9 ก.พ. เวลา 10:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

สรุปเรื่อง AI ตัวท็อปของ Google “Bard” เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Gemini”

หลายคนคงรู้จัก AI ของ Google ที่มีชื่อว่า “Bard” ที่เป็นแช็ตบอต AI ช่วยเซิร์ชและสรุปข้อมูล รวมถึงช่วยตอบคำถามยาก ๆ ภายในไม่กี่วินาที
1
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่วันนี้ เราจะไม่ได้เห็นชื่อ “Bard” อีกต่อไป..
1
เพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา Google ประกาศรีแบรนด์ใหม่
โดยจะเปลี่ยนชื่อ Bard รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ทั้งหมดอย่าง Duet AI (AI ที่ทำงานบน Google Workspace ซึ่งช่วยในเรื่องงานเขียน) มาเป็นชื่อว่า “Gemini” แทน
1
ซึ่ง Gemini ก็จะมาพร้อมกับความสามารถใหม่ ๆ รวมถึงมีทั้งแบบฟรี และเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้งาน
แล้วรายละเอียดของ Gemini เป็นอย่างไร ? มีอะไรน่าสนใจบ้าง ? แล้วเหมือนหรือไม่เหมือน Google Bard อย่างไรบ้าง ?
1. Google เปลี่ยนชื่อโดเมนแช็ตบอตใหม่
จาก Bard หรือ bard.google.com ที่หลายคนใช้ช่วยทำงานแบบฟรี ๆ
เป็น Gemini หรือ gemini.google.com
1
2. พัฒนาเป็น Gemini Pro อีกขั้นของแช็ตบอตจาก Google ที่เก่งขึ้นไปอีกระดับ ไม่ว่าจะเป็น
- สามารถตอบคำถาม สรุป แปล เขียน และคิดไอเดีย ได้หลากหลายมากกว่าเดิม
ที่น่าสนใจคือ สามารถสร้างรูปภาพ ที่มาจากการป้อนคำสั่งได้แล้ว
- สามารถโต้ตอบบทสนทนา ตอบคำถาม ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และลื่นไหลกว่าเดิม
1
จากเดิม Bard เป็น AI ที่คอยค้นหาข้อมูลมาตอบ
แต่ปัจจุบัน Gemini จะสรุปข้อมูลจากการค้นหาในหลาย ๆ แหล่ง แล้วมาสรุปและตอบให้แทน
ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจในเนื้อหาต่าง ๆ ที่ต้องการได้มากยิ่งขึ้น
3. ออกเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึง Gemini ได้ง่ายขึ้น
จากเดิมหากเราต้องการใช้ Bard เพื่อเซิร์ชข้อมูล จะต้องใช้งานผ่านเว็บไซต์เท่านั้น
แต่ล่าสุด Google ได้ออกเป็นแอปพลิเคชัน เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าถึง Gemini ได้ง่ายขึ้น
1
โดยในฝั่งของ Android จะมีแอปพลิเคชันใหม่ ที่มีชื่อว่า Gemini
ซึ่งดาวน์โหลดได้ผ่าน Google Play Store จากนั้นก็สามารถเข้าไปใช้งาน เซิร์ชข้อมูลได้แบบง่าย ๆ ผ่านสมาร์ตโฟน
หรือจะใช้งาน Gemini ผ่านแอปพลิเคชัน Google Assistant ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแอปพลิเคชันที่ติดมาพร้อมกับเครื่องอยู่แล้ว
5
โดยเริ่มต้นใช้งานด้วยการสั่งคำสั่งผ่านเสียง เช่น “Hey Google, talk to Gemini.”
พร้อมกับสั่งได้เลยว่า อยากให้ Gemini ช่วยทำอะไร ทั้งแต่งเพลง เขียนเรียงความ สรุปเนื้อหา แปลภาษา หรือเขียนอีเมล
2
ส่วนในฝั่งของ iOS ทาง Google บอกว่า จะไม่ได้ออกเป็นแอปพลิเคชันใหม่เหมือน Android
32
แต่จะใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันเดิมที่มีอยู่แล้วอย่าง “Google Assistant” ซึ่งจะมีไอคอน Gemini ให้ผู้ใช้งานกดแล้วสั่งใช้งานได้เช่นกัน
6
ต้องบอกว่า ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เป็นในส่วนของ Gemini ที่เปิดให้ใช้งานแบบ “ฟรี ๆ”
3
แต่สำหรับใครที่ต้องการใช้งาน Gemini แบบแอดวานซ์มากกว่านั้น
ทาง Google ยังได้เปิดตัว “Gemini Advanced”
ซึ่งเป็น AI ที่เก่งและฉลาดมากขึ้น ทั้งในด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์
และยังสามารถหาเหตุผลในเรื่องของกฎหมายและศีลธรรมได้อีกด้วย
รวมทั้งยังสามารถเขียนโคดด้วยภาษา Programming ยอดนิยม เช่น Python, Java, C++ ที่ซับซ้อน และมีประสิทธิภาพได้มากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม Gemini Advanced ไม่ได้เปิดให้ใช้งานแบบฟรี ๆ
1
แต่กลยุทธ์ของ Google คือ “Up-Selling” ด้วยการนำแพ็กเกจ Google One ที่มีให้บริการอยู่แล้วในราคา 350 บาท/เดือน
ซึ่งจะได้รับ Google Cloud 2TB หรือบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ทั้งบน Google Photos, Google Drive และ Gmail
มาอัปเกรดเพิ่มขึ้นเป็น “Google One AI Premium” ที่มาในราคา 750 บาท/เดือน หรือ 7,500 บาท/ปี
โดยสิ่งที่จะได้รับคือ บริการต่าง ๆ เหมือนเดิม เช่น พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 2TB แต่เพิ่มเติมด้วย
- Gemini Advanced หรือก็คือ Gemini Ultra ซึ่งเป็น AI ที่เก่งขึ้น
- มี Gemini มาใช้ช่วยเขียนอีเมลบน Gmail, ช่วยเขียนคอนเทนต์บน Google Docs และช่วยทำสไลด์นำเสนองานบน Google Slides
3
- สามารถประชุมผ่าน Google Meet ได้ด้วยคุณภาพวิดีโอที่สูงขึ้น
อธิบายง่าย ๆ ว่า จากเดิมใครที่ใช้บริการ Google One ในราคา 350 บาทอยู่แล้ว
ก็จ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีก 400 บาท แต่จะได้รับบริการที่หลากหลายกว่าเดิมเป็นเท่าตัว..
1
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวและรายละเอียดของ “Bard” ในการเปลี่ยนผ่านสู่ “Gemini”
ทาง Google บอกว่า การเปลี่ยนชื่อในครั้งนี้ ก็เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนา AI Assistant หรือผู้ช่วย AI
ซึ่ง Gemini เป็นชื่อเดียวกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) ที่ Google กำลังพัฒนานั่นเอง..
4
ต้องบอกว่า กลยุทธ์ Google ที่ให้ใช้งาน Gemini แบบฟรี ๆ และแบบเรียกเก็บเงิน
ก็คล้ายกับโมเดลธุรกิจของ OpenAI เจ้าของ ChatGPT แช็ตบอตที่เปิดให้ใช้งานแบบฟรี ๆ และแบบเรียกเก็บเงินสำหรับ GPT-4 ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ..
รู้หรือไม่ว่า นอกจาก Google จะมี Gemini Pro และ Gemini Ultra แล้ว ยังมี Gemini Nano ด้วย
ซึ่ง Gemini Nano ถูกใช้งานอยู่บนสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต 2 แบรนด์
ได้แก่ Samsung Galaxy S24 Series ที่เพิ่งเปิดตัวเป็น Galaxy AI Phone และ Google Pixel 8 Series
2
โดย Gemini Nano มีความสามารถน้อยกว่า Gemini Pro เพียงเล็กน้อย แต่สามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้ด้วย
โฆษณา