12 ก.พ. เวลา 00:01 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

รถยนต์พลังงานไอน้ำแห่งตระกูล Doble จุดเริ่มต้นความสำเร็จทางวิศวกรรม แต่ล้มเหลวทางธุรกิจ

หลังจากที่อุตสาหกรรมยานยนต์ดั้งเดิมปรากฎขึ้นเป็นครั้งแรกในทศวรรษ 1800 ขุมกำลังหลายประเภทถูกพัฒนามาเพิ่อใช้งาน หนึ่งในนั้นคือเครื่องยนต์พลังงานไอน้ำ
เวลานั้น เครื่องยนต์ประเภทนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลาย และประสบความสำเร็จอย่างมากในอุตสาหกรรมรถไฟ หลักการทางวิศวกรรมจากเครื่องยนต์รถไฟถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง เพื่อมาใช้ขับเคลื่อนรถยนต์
อย่างไรก็ดี เครื่องยนต์ไอน้ำสำหรับรถยนต์ยังคงมีปัญหาในช่วงสตาร์ท เพราะต้องใช้เวลาถึง 20 นาทีในการทำให้ไอน้ำเดือดก่อนที่จะสามารถเคลื่อนตัวออกไปได้ แม้ว่าจะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ตามเมืองใหญ่กลับปรากฏรถม้าเครื่องยนต์ไอน้ำมากมาย ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือ คนที่ครอบครองรถเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ลาภมากดี
ปัจจุบันเราอาจจะเห็นว่า ใครต่อใครล้วนแล้วแต่พูดว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถยนต์สันดาป มีมูลค่าทางการตลาดมหาศาล ซึ่งถ้าย้อนกลับไปร้อยปีก่อน รถยนต์ไอน้ำก็น่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสนใจเช่นเดียวกันนี้ แล้วอะไรที่ทำให้รถยนต์พลังงานไอน้ำ ไม่สามารถก้าวขึ้นมาแทนที่รถยนต์สันดาปได้ วันนี้ Tech Hero จะพาไปหาคำตอบกัน
จริงๆ แล้วรถยนต์พลังงานไอน้ำไม่ได้สูญพันธุ์ไปแต่อย่างใด แต่ยังมีการครอบครองและใช้งานอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่ได้จะเห็นกันง่ายๆ สาเหตุสำคัญก็เพราะเครื่องยนต์สันดาปตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่า ผู้ใช้งานสามารถสตาร์ทแล้วออกตัวได้โดยไม่ต้องรอ 10-20 นาที
แต่รู้ไหมว่าในช่วงแรกของอุตสาหกรรมสันดาป ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะขั้นตอนการใช้งานนั้นซับซ้อน ต้องใช้เพลาข้อเหวี่ยงในการสตาร์ท (นึกถึงภาพของเกษตรกรสตาร์ทรถอีแต๋น) กระทั่งในปี 1912 General Motor พัฒนาการสตาร์ทโดยใช้ไฟฟ้าเข้ามาช่วย ซึ่งหลายปีต่อมาถูกล้มเลิกการใช้งานไป เพราะปัญหาด้านการตลาดมียอดสั่งจองดิ่งลงอย่างน่าห่วง ท่ามกลางปัญหาดังกล่าว สี่พี่น้องแห่งตระกูล Doble กลับมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ระหว่างปี 1906 และ 1909 ขณะที่กำลังเรียนมัธยมปลาย Abner Doble และน้องๆ อีกสาม สร้างรถยนต์พลังงานไอน้ำขึ้นมาเป็นครั้งแรกในอู่ของครอบครัว พวกเขานำซากรถยนต์เก่ามารีบิวต์ใหม่ และออกแบบเครื่องยนต์ไอน้ำขึ้นมาประกอบเข้ากัน แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก
หลายปีต่อมา พี่น้องตระกูล Doble ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาโปรโตไทป์ 2 และ 3 ต่อ แสงแห่งความสำเร็จเริ่มปรากฎเด่นชัดตอนพัฒนาโปรโตไทป์ 3 มันถูกตั้งชื่อเล่นว่า “โมเดล บี”
หลายสิ่งที่น่าสนใจสำหรับโมเดลบี สามารถตอบโจทย์ในสิ่งที่รถยนต์สันดาปในท้องตลาดไม่มี นั่นคือไม่ต้องเหวี่ยงเพลาตอนสตาร์ท เครื่องยนต์ไม่เสียงดัง และมีความคล่องตัวสูงขณะขับเคลื่อน โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ในเวลาแค่ 15 วินาที ความสำเร็จดังกล่าวถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Automobile ในปี 1914
ปีต่อมา Abner Doble โชว์ศักยภาพของโมเดลบี ด้วยการเดินทางจากแมสซาชูเสตส์ไปยังดีทรอยต์ ในขณะเดียวกัน ก็เพื่อหานักลงทุนในการขยายกิจการ ในเวลานั้น พี่น้อง Doble ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท General Engineering
พวกเขาพัฒนาโมเดลซีในทันที เพื่อที่จะให้ตอบโจทย์ตลาดได้มากกว่าโมเดลบี การพัฒนาทางวิศวกรรม พวกเขาเพิ่มฟีทเจอร์ในการใช้กุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ แทนการสตาร์ทแบบแมนวล ด้วยประสิทธิภาพที่ดีกว่ารถยนต์สันดาป ด้วยแรงสปีดที่สูงกว่า ความสะดวกสบายในการขับขี่ดีมากกว่า และเสียงที่เบากว่า รู้ไหมว่าในเดือนเมษายนปี 1914 General Engineering ได้รับการสั่งจองในนาม Doble Detroits ถึง 5,390 คัน ซึ่งได้มีกำหนดการส่งมอบในต้นปี 1918
หลังจากที่รถส่งถึงมือลูกค้า ไม่เพียงแต่ลูกค้าไม่พึงพอใจที่ต้องรอเป็นเวลานาน แต่พี่น้อง Doble กลับได้รับการคอมเพลนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความช้าและความไม่แน่นอนของเครื่องยนต์ไอน้ำ ทุกอย่างสวนทางกลับที่พี่น้อง Doble โฆษณาเอาไว้ ซ้ำยังมีความผิดพลาดจุกจิกอีกมาก
อย่างไรก็ดี อุปสรรคเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้พี่น้องตระกูล Doble ล้มเลิก พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาพัฒนารถยนต์ไอน้ำโมเดลอีต่อจนเสร็จในปี 1924 และส่งรถตัวอย่างไปยังนิวยอร์คเพื่อทำการทดสอบโดยกลุ่ม Automobile Club of America
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นจนนำค้างเกาะเครื่องยนต์แข็งตัว แต่ก็ถูกสตาร์ทติดได้ในเวลา 40 วินาที สิ่งน่าทึ่งก็คือโมเดลอีดีกว่าที่ผ่านๆ มาหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบายในการขับขี่ดีกว่าเดิม แม้จะมีน้ำหนักสูงกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าเครื่องยนต์ถูกพัฒนาให้มีแม็กซ์สปีดสูงมากกว่า 100 ไมล์ต่อชั่วโมง ใช้เชื้อเพลิงเพียง 15 ไมล์ต่อแกลลอน แถมยังปล่อยมลพิษเพียงน้อยนิด
น่าชื่นชมสำหรับความสำเร็จทางวิศวกรรมของพี่น้อง Doble แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เนื่องจากราคาของรถในปี 1924 อยู่ที่ 18,000 เหรียญสหรัฐฯ มันเป็นที่นิยมแค่ในกลุ่มผู้ลาภมากดี ในขณะที่ปุถุชนคนธรรมดาไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงได้ ขณะเดียวกัน ตลาดขาดความไว้เนื้อเชื่อใจต่อแบรนด์ ซ้ำทั้งมองว่าโมเดลซีมีฟีทเจอร์เหมือนเดิม แค่ประสิทธิภาพดีกว่าเท่านั้น
แม้บริษัทจะถูกพับลงในปี 1931 Abner Doble ผู้เป็นเสาหลักของพี่น้องทั้งหมด ก็ไม่ล้มเลิกที่จะหยุดสร้างรถยนต์ไอน้ำ รู้ไหมว่าตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งปี 1931 โมเดลซีถูกผลิตและขายไปน้อยกว่า 40 คัน ก่อนที่เขาจะจากไป
ความน่าทึ่งทางวิศวกรรมยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ แม้จะผ่านมามากกว่า 60 ปี ปัจจุบันผู้คนส่วนหนึ่งจากทั่วโลกมองว่า Abner ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะรู้ไหมว่าโมเดลอีหลายคันยังปรากฎให้เห็นในท้องถนนในอเมริกา แถมยังมีสภาพดีอยู่เลย
รถยนต์ไอน้ำไม่เพียงแต่มีเสียงเบา แต่ยังปล่อยมลพิษในอากาศเพียงน้อยนิด ถึงขั้นที่ว่าผ่านกฎหมายอากาศสะอาดของรัฐแคลิฟอร์เนียมาแล้ว
โฆษณา