“ปากคลองตลาด” จากย่านขายปลา ในพระนคร สู่แหล่งค้าดอกไม้ ยอดฮิต ช่วงวาเลนไทน์
หากย่านเยาวราช กลายเป็นแหล่งกิน และที่เที่ยวยอดฮิต
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่เพิ่งผ่านมานี้
“ปากคลองตลาด” ก็จะเป็นอีกหนึ่งย่าน ที่ครึกครื้นในช่วงวันวาเลนไทน์เช่นเดียวกัน
เพราะย่านปากคลองตลาด เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับใครหลายคน
ในฐานะแหล่งค้าดอกไม้ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ซึ่งปัจจุบัน ปากคลองตลาด ได้ถูกจัดอันดับ ให้เป็นตลาดดอกไม้ที่ดีที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกด้วย..
แล้วปากคลองตลาด มีเรื่องราวความเป็นมา ที่น่าสนใจอย่างไร
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
ปากคลองตลาด เป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะแหล่งค้าขายดอกไม้ขนาดใหญ่
ตั้งอยู่บนถนนจักรเพชร ไปจนถึงถนนเยาวราช ใกล้ ๆ กับสะพานพุทธฯ
ซึ่งบริเวณปากคลองตลาดแห่งนี้ เป็นปากทางแยกคลองบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีคลองรอบกรุง ซึ่งเป็นคลองที่ได้ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1
และคลองบางกอกใหญ่ มาบรรจบกันที่บริเวณนี้พอดี
เมื่อมีคลองหลายสายมาบรรจบกัน จึงทำให้ย่านปากคลองตลาด กลายเป็นแหล่งค้าปลาขนาดใหญ่
โดยแหล่งของปลาส่วนใหญ่ก็มาจากมหาชัย หรือจากจังหวัดสมุทรสาคร
โดยเรือขนปลา ก็จะขนปลาผ่านทางแม่น้ำท่าจีน
แล้วล่องเรือบรรทุกปลามาที่ปากคลองบางกอกใหญ่ แล้วนำปลาขึ้นมาขายที่ปากคลองตลาด
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงเล็งเห็นว่า ในบริเวณแหล่งค้าขายปลาบริเวณพื้นที่ปากคลองตลาด ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองที่ขุดไว้นั้น
เริ่มมีกลิ่นเหม็นคาวปลาตลบอบอวลไปทั่วบริเวณพระราชวัง ที่อยู่ไม่ไกลจากปากคลองตลาดมากนัก
เมื่อเห็นดังนั้น จึงทรงโปรดให้ย้ายตลาดปลาไปอยู่ที่หัวลำโพง
และให้นำสินค้าเกษตร อย่างผักและผลไม้ จากฝั่งธนบุรีมาขายแทน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริเวณปากคลองตลาด ก็กลายเป็นแหล่งค้าขายผักและผลไม้ที่ครึกครื้นมาก
จนถึงขั้นที่พ่อค้าแม่ค้า ต่างก็หันมาจับจองพื้นที่บริเวณนั้น
เพื่อทำมาค้าขายมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเลยมาถึงเขตอารามหลวงของวัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
จนทำให้พื้นที่วัดโพธิ์ ที่อยู่ใกล้พระราชวังนั้น เริ่มเสื่อมโทรมมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่ง จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
ก็ได้เข้ามาจัดระเบียบการค้า ของพ่อค้าและแม่ค้า บริเวณพื้นที่ปากคลองตลาด
ด้วยการจัดตั้งองค์การตลาด หรือ “ตลาดกลาง” ขึ้นมา บริเวณปากคลองตลาดในปี 2496
โดยตั้งใจให้เป็นแหล่งรวมสินค้า อย่างผัก ผลไม้ สำหรับค้าส่ง
รวมถึงเป็นแหล่งคัดแยกสินค้า และบรรจุสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกด้วย
พร้อมกับย้ายตลาดผักจากบริเวณใกล้เคียง อย่างท่าเตียน และเยาวราช มารวมกันที่นี่ให้หมด
ซึ่งผักและผลไม้ ที่ได้นำมาขายในพื้นที่ปากคลองตลาด ล้วนมีความสดใหม่ แถมยังมีคุณภาพดี
จึงทำให้ประชาชนจำนวนมาก ต่างก็เข้ามาจับจ่ายใช้สอยที่นี่
รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า ต่างก็อยากจะเข้ามาซื้อของจากตลาดนี้ด้วยราคาขายส่ง
เพื่อนำไปขายต่อในพื้นที่อื่น ๆ
เมื่อการขายสินค้าเกษตรอย่างผักและผลไม้ เริ่มไปได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้ในเวลาต่อมา พ่อค้าแม่ค้าบางส่วน ก็เริ่มนำสินค้าเกษตรใหม่ ๆ อย่างดอกไม้ หรือกล้วยไม้พันธุ์ต่าง ๆ มาขายในปากคลองตลาด ในราคาส่งเช่นเดียวกับผักและผลไม้บ้าง
ซึ่งดอกไม้ที่ค้าขายในปากคลองตลาด ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ๆ เช่นเดียวกัน
โดยส่วนหนึ่งก็เพราะว่า ตั้งแต่ในช่วงนั้น ประเทศไทยก็เริ่มมีการรับวัฒนธรรมต่าง ๆ
จากชาติตะวันตกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น
- เรื่องอาหารการกิน ที่คนไทยเริ่มกินขนมปัง หรือแซนด์วิชมากขึ้น
จนเกิดเป็นขนมปังแบรนด์ไทยชื่อ “ฟาร์มเฮ้าส์” ในปี 2525
- เรื่องวัฒนธรรมการมอบดอกไม้ในวาระสำคัญ
เพื่อแสดงความขอบคุณ แสดงความยินดี หรือมอบดอกไม้ให้ในโอกาสพิเศษ
เช่น การมอบดอกไม้ให้กับคนรักในวันวาเลนไทน์
ดังนั้น ปากคลองตลาด จากเดิมที่เป็นแหล่งค้าส่งสินค้าเกษตร อย่างผักและผลไม้
ก็ได้กลายเป็นแหล่งค้าส่งดอกไม้ สำหรับวาระสำคัญ
อย่างดอกกุหลาบ สำหรับแสดงความรัก โดยจะขายดีในช่วงวันวาเลนไทน์
หรือดอกดาวเรือง ที่มอบให้เพื่อแสดงความยินดี ในวาระสำคัญต่าง ๆ
เช่น งานแต่งงาน งานสำเร็จการศึกษา
เมื่อเป็นอย่างนี้ จึงทำให้พื้นที่ปากคลองตลาด
กลายเป็นแหล่งค้าส่งดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ไปโดยปริยายตั้งแต่ตอนนั้น
ซึ่งลูกค้าประจำของตลาดดอกไม้ ย่านปากคลองตลาด
ก็คือร้านรับจัดดอกไม้ ที่มีอยู่ทั่วกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง
นอกจากนี้ ในพื้นที่ปากคลองตลาด ก็มีศูนย์การค้าหรือตลาดของเอกชน เกิดขึ้นในบริเวณแห่งนั้น
เพื่อช่วยส่งเสริมการค้าขาย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่นั้นด้วย อย่างเช่น
- ตลาดส่งเสริมเกษตรไทย ซึ่งเป็นตลาดเอกชน ที่อยู่ระหว่างองค์การตลาด และตลาดยอดพิมาน
- ตลาดยอดพิมาน ซึ่งเป็นตลาดเอกชน ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กับคอมมิวนิตีมอลล์แนวยาวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีร้านอาหารและศูนย์การค้า ให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเดินเล่น หรือถ่ายรูปได้
นอกจากนี้ บริเวณปากคลองตลาด ก็ยังมีสถานที่สำคัญที่อยู่ใกล้ ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น
มิวเซียมสยาม, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์, โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
และยังสามารถเดินทางได้สะดวก ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสนามไชย สายสีน้ำเงิน
ซึ่งแน่นอนว่า พื้นที่แห่งนี้ ก็ยังสามารถรองรับนักเรียนแถวนั้น รวมถึงนักท่องเที่ยว
ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ไปเที่ยววัดรอบ ๆ พระนคร
ให้มาแวะซื้อผลไม้หรือดอกไม้ที่ปากคลองตลาดได้..
จวบจนถึงปัจจุบัน ก็ต้องบอกว่า พื้นที่บริเวณปากคลองตลาด ก็เริ่มมีความแออัดมากขึ้น
และเริ่มมีร้านขายดอกไม้ ไปจนถึงสินค้าเกษตรที่เยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดโมเดลตลาด อย่างปากคลองตลาดใหม่ขึ้นมา
ซึ่งปากคลองตลาดใหม่ หรือ Flower Market Thailand ในปัจจุบัน เป็นตลาดดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชน กรุงเทพมหานคร และกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าปากคลองตลาด
ที่รวมตัวกันเพื่อสร้างศูนย์การค้าดอกไม้ขนาดใหญ่
และสามารถรองรับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในปากคลองตลาดเดิม
โดยปากคลองตลาดใหม่ ตั้งอยู่บริเวณหัวมุม ถนนพรานนก-กาญจนาภิเษก ตัดกับถนนราชพฤกษ์
บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ และมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 3,000 แผงค้า
และมีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี..
สำหรับเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องราวของ สถานที่ที่ใครหลายคนนึกถึง
ถ้าอยากไปซื้อดอกไม้สำหรับวันวาเลนไทน์ อย่าง “ปากคลองตลาด”
จากอดีตที่เป็นตลาดปลาเมื่อหลายร้อยปีก่อน
สู่แหล่งค้าดอกไม้ ยอดฮิตระดับโลก ในวันนี้..
References
- 38
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
