20 ก.พ. 2024 เวลา 12:35 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Parasite เราบิดเบี้ยว หรือสังคมต่างหากที่หยิบยื่นความบิวเบี้ยวให้เรา ชนชั้นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

หากจะพูดถึงหนังรางวัลฝั่งเอเชียที่ไม่ว่าใครก็คงรู้จัก ก็คงหนีไม่พ้นหนังเรื่อง Parasite จากเกาหลี ที่กวาดรางวัลระดับโลกมาแล้ว Parasite เป็นหนังแนว Thriller, Drama, Dark comedy โดยหนังเรื่องนี้เริ่มพาเราไปรู้จักกับครอบครัวหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วย ลูกชาย , ลูกสาว , พ่อ และแม่ ถ้าดูตำแหน่งของคนในครอบครัวก็คงเหมือนครอบครัวทั่วๆไป แต่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวนี้กลายมาเป็นตัวหลักของหนังเรื่องนี้ คือการที่พวกเค้าอาศัยอยู่ที่ใต้ถุน หรือการเป็นคนชนชั้นล่างของสังคมนั่นเอง
และชีวิตของครอบครัวนี้ก็มาถึงจุดพลิกผลัน เมื่อลูกชายของบ้านได้รับคำแนะนำจากเพื่อนสนิทให้เข้าไปสอนพิเศษภาษาอังกฤษ กับลูกของบ้านคนรวยบ้านหนึ่ง ในตอนแรกก็เริ่มแค่การปลอมแปลงเอกสารการศึกษาเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แต่ต่อมาก็เมื่อเห็นลู่ทางเขาก็เริ่มแนะนำน้องสาวของตัวเองให้กับลูกอีกคนของบ้านนั้น โดยบอกว่าเธอเป็นครูศิลปะจิตวิทยา สามารถบำบัดจิตใจให้กับลูกคนเล็กของพวกเขาได้ หลังลูกสองคนเข้ามาทำงานที่บ้านนี้ได้
พวกเขาก็เริ่มคิดวิธีการจะเอาพ่อเข้ามาด้วย แต่สิ่งที่เป็นข้อจำกัดคือ บ้านนี้มีคนขับรถอยู่แล้ว เขาจึงวางแผนทิ้งชุดชั้นในไว้ในรถ จนทำให้คนขับรถถูกกล่าวหาและโดนไล่ออกไป จนพ่อของพวกเขาได้เข้ามาทำงานแทน และสุดท้าย คือการวางแผนกำจัดแม่บ้านเก่าแก่ของบ้านนั้น โดยบอกว่าเธอเป็นวัณโรค สร้างสถานการณ์จนสุดท้ายเธอก็โดนไล่ออก และแม่ของพวกเขาก็ได้เข้ามาทำงานแทน
ในตอนนี้จะมีฉากนึกที่เราอยากจะหยิบยกมาวิจารณ์คือฉากที่แม่บ้านคนใหม่หรือแม่ของครอบครัวนี้ กำลังเอาขนมไปเสิร์ฟในห้องต่างๆ หนังเลือกใช้การถ่าย long take เดินตามแม่บ้าน พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอลูกๆของตัวเองกำลังสอนพิเศษอยู่ และพอลงไปข้างล่างก็เจอสามีตัวเองกำลังช่วยเจ้านายถือของ นี่เป็นฉากสั้นๆแต่สามารถทำให้เราเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าครอบครัวนี้ได้แทรกแซงเข้ามาในครอบครัวเจ้านายเรียบร้อยแล้ว เหมือนปรสิตที่เข้ามาเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ในบ้านหลังนี้
แต่เรื่องราวก็ไม่ได้เป็นไปตามแผน เมื่อแม่บ้านคนเก่ากลับมาในวันที่เจ้านายไม่อยู่บ้าน มีเพียงพวกเขาที่กำลังใช้ชีวิตแสนสุขอยู่ในบ้าน โดยแม่บ้านคนเก่าบอกว่าอยากจะตามหาของที่ทิ้งไว้ พอเข้ามาได้ก็รีบลงไปที่ชั้นใต้ดินของบ้านทันที และพวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อของที่แม่บ้านคนเก่าบอกว่าจะมาหา นั่นก็คือสามีของเค้านั่นเอง เพราะก่อนหน้าครอบครัวนี้จะเข้ามาแม่บ้านและสามีเคยอาศัยอยู่ที่ใต้ดินของบ้านหลังนั้นมาโดยตลอด เมื่อรู้ดังนั้นพวกเขาก็คิดว่าจะรีบแจ้งเจ้าของบ้านทันที แต่แล้วแม่บ้านก็พูดว่าเห็นใจคนจนด้วยกันเถอะ
จุดนี้หนังเหมือนหนังกำลังพยายามตอกย้ำเรื่องชนชั้นกับเราว่า สุดท้ายแม้บ้านปรสิตจะสามารถมาทำงานในจัดที่สูงอย่างนี้ได้ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาก็ยังคงเป็นแค่คนที่อาศัยอยู่ใต้ถุน และมีฐานะไม่ได้ดี ไม่ต่างอะไรจากแม่บ้านคนเก่าเลย และนี่ก็คงเป็นจุดเด่นอีกเรื่องของหนังเรื่องนี้ คือการทำให้เรารู้สึกถึงการแบ่งชนชั้นอยู่ตลอดเวลา
เช่นฉากที่เจ้าของบ้านกลับมานอนที่โซฟา ในขณะที่พวกเขาต้องแอบอยู่ใต้โต๊ะและฟังเรื่องที่เจ้านายคุยกัน ทั้งบอกว่าเขาตัวเหม็นเหมือนหัวไช้เท้าแก่ หรือรถไฟใต้ดิน แม้จะเป็นประโยคสั้นๆแต่มันกลับทำให้คนฟังรู้สึกด้อยค่าอย่างชัดเจน การยกของที่อยู่ใต้ดินมาเปรียบกับคน ยิ่งตอกย้ำให้เราเข้าใจว่าสุดท้ายในสายตาคนอื่น ตัวละครก็ยังคงเป็นชนชั้นล่างอยู่วันยังค่ำ และความรู้สึกนี้ก็ทำให้เราในฐานะคนดูเข้าใจได้ว่า ทำไมในฉากสุดท้าย คนเป็นพ่อ ถึงเลือกที่จะฆ่าเจ้าของบ้านแบบนั้น
สัญลักษณ์ของบ้านใต้ถุนกับบ้านเจ้านายที่ปรากฏตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งตอกย้ำให้เราได้เข้าใจถึงความต่างของคน และเป็นที่มาของฉากที่เป็น best scene ของเราก็คือบทพูดในตอนท้าย ที่ตัวละครส่งจดหมายถึงกันว่า “พ่อรอก่อนนะวันนึงถ้ามีเงินมากพอเราจะซื้อบ้านหลังนี้ และพอถึงวันนั้นพ่อค่อยเดินขึ้นมาอย่างภาคภูมิ” สุดท้ายบทพูดนี้ก็คงตอบคำถามที่เราตั้งไว้ในตอนต้นของเรื่องได้แล้ว ว่าถ้าไม่รวยจะขึ้นมาจากใต้ดินได้ไหม
นอกจากความโดดเด่นทางด้านบท และทักษะการแสดงที่เข้าถึงใจคนดูของนักแสดงในเรื่องแล้ว parasite ก็ยังเป็นหนังที่มีการจัดองค์ประกอบที่ดี และมีความสวยงามมาก ถ้าเราลองหยุดหนังดู ไม่ว่าเป็นฉากไหนเราก็แทบจะได้เห็นการวางองค์ประกอบที่ดีทั้งหมด เช่น ฉากที่อยู่ในบ้านใต้ดิน หนังเลือกถ่ายจากมุมนอกบ้านเข้าไป และหน้ากระจกบ้านก็มีหญ้าขึ้นบนปูนซีเมนต์ ซึ่งสื่อความหมายเหมือนพวกเขาที่เป็นปรสิต ไปแย่งพื้นที่ผลประโยชน์และชอนไชกับพื้นที่แข็งแกร่ง
หรือฉากที่อุจาระพุ่งขึ้นมาจากโถส้วม แล้วลูกสาวพยายามปิดไว้ ก็กำลังหมายถึงความผิดที่พวกเขาทำกำลังจะปกปิดไม่ได้อีกต่อไป นอกจากนี้ก็ยังมีการใช้เทคนิคการถ่ายเพื่อสื่อความหมาย เช่นการถ่ายจากด้านบน ผ่านโต๊ะลงมาข้างล่าง หรือตอนท้ายหลังจากพ่อฆ่าเจ้าของบ้าน หนังก็เลือกใช้กล้องมุมสูงให้ความรู้สึกเหมือนคนดูกำลังเป็นพระเจ้าเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ และสิ่งที่ยิ่งส่งเสริมองค์ประกอบทั้งหมดคือการตัดต่อและการเลือกสกอร์เพลง ในหนังเราจะได้เห็นการทรานสิชั่นเปลี่ยนฉากที่น่าสนใจอยู่หลายอัน
เช่น ใช้สถานการณ์น้ำท่วมมาเปลี่ยนฉาก หรือสกอร์เพลงตอนฉากน้ำท่วม แม้จะไม่มีบทพูดเลย แต่มันกลับทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ จากองค์ประกอบทุกด้านที่กล่าวมาก็ไม่แปลกเลยที่ parasite จะกวาดรางวัลไปได้มากมายขนาดนี้ หากหนังที่ดีคือต้องทำให้คนดูเข้าใจแมสเสจของหนัง parasite ก็คงเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ดี และอยากแนะนำให้ทุกคนได้ดูอีกเรื่องหนึ่ง
โฆษณา