21 ก.พ. เวลา 05:11 • นิยาย เรื่องสั้น

ใจสารภาพ

อะไรดีๆก็เก็บไว้เป็นกำลังใจ
อะไรที่แย่ๆก็เก็บไว้เป็นบทเรียน
เพราะบางอย่างไม่เหมาะแก่การครอบครอง
และสุดท้ายก็เป็นแค่คนรู้จัก
ที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำ
“แค่เพียงสมมติว่าหยุดคบกัน ใจฉันก็สั่นเหมือนคนเป็นไข้ ถ้าในความจริงสองเรามีอันห่างไกล ผลลัพธ์ที่เกิดกับใจก็คงเหมือนตายจากกัน”
เสียงเพลงที่แว่วเข้ามาของนักร้องชื่อดังเป็นเพลงที่ชื่อว่า “ใจสารภาพ” มันทำให้ฉันนึกถึงความรักในครั้งก่อนที่เกิดขึ้นนานมากแล้วแต่ความประทับใจมันคงตราตรึงอยู่ในใจฉันเสมอมา
“วัฒน์” เป็นผู้ที่มักจะร้องเพลงนี้ให้ฉันฟังอยู่บ่อยๆและเขาก็จะคอยแหย่ฉันว่า “เราก็มีชีวิตเหมือนเพลงนี้แหละ” ส่วนคนที่ฉันกำลังพูดถึงตามเพลงนี้ก็คือ ฉัน เองแหละ ช่วงนั้นบอกตามตรงฉันเองก็ยังไม่แน่ใจในหัวใจตัวเองเหมือนกัน
วัฒน์และฉันต่างก็เรียนอยู่ในชั้นเรียนปีที่ 4 ของมหาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ เราเรียนอยู่กันคนละคณะแต่เผอิญมาเจอกันในงานกิจกรรมอาสาพัฒนาในช่วงปิดเทอม
จากนั้นมา วัฒน์ ก็มักจะตามเย้าเหย่ฉันอยู่ตลอดแต่ส่วนมากจะออกมาในรูปของเพื่อนมากกว่า เพราะวัฒน์เป็นประธานค่ายอาสานี่เอง เมื่อเขาจะไปออกค่ายที่ไหน เขาก็มักชวนฉันอยู่ตลอด ซึ่งหากไม่ติดเรียนอะไร ฉันก็มักจะตามเขาไปตลอด
เมื่อไปออกค่ายครั้งใดวัฒน์มักจะดูแลเอาใจใส่ฉันตลอดและสม่ำเสมอ จนบ่อยครั้งเข้าทำให้ใจฉันเริ่มเอนเอียงไปทางวัฒน์เข้าไปทุกที ส่วนวัฒน์เขาก็ยังคงมีพฤติกรรมที่ดีกับฉันสม่ำเสมอเช่นเคย
สำหรับเขาไม่เคยที่จะปริปากบอกรักฉันเลย ส่วนฉันก็คิดว่าการพูดไม่สำคัญให้ดูการกระทำดีกว่า แค่เขาดีกับฉันแบบนี้เสมอไป ฉันก็คิดว่าเขาชอบฉันเหมือนกับที่ฉันก็ชอบเขาเอามากๆ ทำให้ฉันทุ่มเททุกอย่างในการเอาใจเขาแบบสุดๆไปเลย แม้กระทั่งตัวของฉันก็ได้มอบให้เขาไป ซึ่งมันก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เรื่อยไปจนกระทั่งเรียนจบและต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปหางานทำ
หลังจากวุ่นวายไปกับการหางานทำไปหลายเดือนจึงทำให้เราทั้งสองเหินห่างแทบไม่ได้ติดต่อกันกันไปหลายเดือนจนกระทั่งฉันได้งานที่บริษัทแห่งหนึ่ง เมื่อได้งานพร้อมกับที่วัฒน์ก็ได้งานที่ต่างจังหวัดเช่นกัน เมื่อทุกอย่างลงตัวฉันจึงเริ่มติดต่อเขาอีกครั้ง ซึ่งการพูดคุยก็ยังเป็นปกติดีทุกอย่าง แต่การติดต่อของเราก็ยังคงเป็นแบบการโทรศัพท์อยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องการแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวเขาก็ยังปริปากพูด ส่วนแนก็ยังคงไม่เซ้าซี้คิดว่าถ้าเขาพร้อมเมื่อไหร่เขาก็คงพูดเองแหละ
มีอยู่วันหนึ่งฉันคิดจะเซอร์ไพรส์วัฒน์ ก็เลยแอบเดินทางไปถึงบ้านพักของเขาที่ต่างจังหวัดที่เขาทำงานอยู่ ไปถึงก็เย็นมากแล้วพอลงจากรถประจำทางฉันก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งยังที่พักของเขาเวลาในช่วงนั้นก็ราว 20.00 น.พอถึงที่พักของวัฒน์ ฉันจึงรีบเดินไปเคาะประตูที่หน้าห้องของเขา สักครู่วัฒน์ก็ออกมาเปิดประตู พอเห็นฉันเห็นเขากำลังจะอ้าปากทักทายแต่ก็ต้องตกใจ เมื่อมีผู้หญิงในสภาพนุ่งน้อยห่มน้อยอยู่ด้านหลังเขา
เพียงเห็นแค่นี้ในหัวสมองของฉันก็ขาวโพลนไปหมดคิดอะไรไม่ออก ฉันรีบหันหลังกลับและรีบเดินออกจากสถานที่นั้นทันที และรีบเรียกรถให้ไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทันที โดยมีเสียงของวัฒน์เรียกเอาไว้อยู่ด้านหลังเผอิญโชคดีที่ฉันได้ทันขึ้นรถกลับได้ทันที พอขึ้นรถได้น้ำตาฉันเริ่มหลั่งรินไม่ขาดสายและมองไม่เห็นแม้แต่เงาของวัฒน์แม้กระทั่งโทรศัพท์เขาก็ไม่โทรมาอธิบายเรื่องราวต่างๆให้ฉันฟัง
ฉันจึงพยายามคิดอธิบายหาเหตุผล พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนเพื่อจะได้เคลียร์ปัญหาสิ่งที่ค้างคาใจ พร้อมยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กว่าที่ฉันจะเลิกตัดใจได้ ฉันแทบจะไม่กินไม่นอน ผายผอมตรอมใจ จนน้ำหนักหายไปหลายกิโล เพราะวนเวียนคิดหาเหตุผลวนไปวนมาว่า วัฒน์ทิ้งฉันไปมีคนอื่นเพราะอะไร ส่งผลให้ฉัน เครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล
ร้องไห้เดียวดายอยู่ในห้องเป็นเดือนเลยล่ะ แต่ในที่สุดเวลาก็ช่วยให้ฉันเข้มแข็งมากขึ้น ยอมรับได้ว่าเรื่องระหว่างฉันและวัฒน์มันจบแล้ว ไม่ไปคิดหาเหตุผลว่าเขาเลิกกับฉันเพราะสาเหตุใดและฉันได้พยายามพาตัวเองออกจากเงามืดในใจเพื่อรับแสงสว่าง สร้างพลังชีวิต เติมไฟให้หัวใจ เปิดใจเรียนรู้โลกใหม่ต่อไป
โฆษณา