21 ก.พ. เวลา 10:46 • การเมือง

กูรู ก็หนีไม่พ้นอคติการเมืองล่ะนะ ชาวบ้านจะฟังใครได้ล่ะทีนี้ ???….

ตอนนี้มันมีสองเรื่อง ที่ทั่นผู้เชี่ยวชาญเถียงกัน
แล้วชาวบ้านงง สับสน ว่ามันอะไรกันแน่
เรื่องแรกคือหมอกับวัคซีนโควิด กับก้อนลึกลับ
เรื่องที่สองคือพวกนักการเงิน เขาตีกัน วิกฤติไม่วิกฤติ
…ซึ่งไอ้สองเรื่องนี้เนี่ย มันกระทบกับชีวิตชาวบ้านโดยตรง
ตอนนี้คนเลยสับสนกันไปหมด..
…เพราะที่ออกมาพูดกัน ก็ล้วนแต่เป็นบิ๊กเนม
ความน่าเชื่อถือสูงด้วยกันทั้งนั้น …
…แล้วชาวบ้านจะฟังใครดี ?….
เอาเรื่องหมอก่อน เพราะคนกลัวกันมาก
หมอใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า พบสิ่งแปลกประหลาดในคนที่ตาย
และเคยมีประวัติฉีดวัคซีน mRNA
ในขณะที่หมอใหญ่อีกคน และหมอชันสูตร บอกว่า
มันไม่มีอะไรเลย แค่เลือดตกตะกอน ปกติ
มีทั่วไปในคนที่เสียแล้ว
…หมอกับหมอขัดกัน ชาวบ้านเลยไม่รู้จะฟังใคร…
แต่เพราะคนไทยส่วนมากก็ได้รับวัคซีน mRNA
กันแทบทั้งนั้นในช่วงโควิด คนก็กลัวกันหมดสิครับ
แถมมีการใส่สีตีไข่ ด้วยประเด็นการเมือง และทฤษฎีสมคบคิด
เข้าไปด้วย ก็ยิ่งพาให้คนที่เห็นต่างกันอยู่แล้ว แตกตื่น
และโยงมาเป็นเรื่องการเมืองมากขึ้น จนเถียงกัน
อันนี้น่ากลัวนะครับ เพราะเราไม่รู้ว่า มันจะมีโรคใหม่ๆ
มาอีกไหม และถ้ามี มันอาจทำให้คนกลัวจนไม่กล้าไปรับยาได้
เป็นเล่นไป เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วนะครับ บ้านเรานี่ล่ะ
เมื่อมีทฤษฎีสมคบคิด ที่ถูกปล่อยออกมาจากพวกสุดโต่ง
ทางศาสนา แพร่หลายไปในสามจังหวัดชายแดนใต้เรา
จนคนไม่ยอมฉีดวัคซีน
และทำให้โรคที่เคยหายไปจากประเทศ
ไทยแล้ว กลับมาเกิดซ้ำอีกในพื้นที่นั้น
…มันคงดีกว่านะครับ ถ้าจะหาบทสรุปกันให้ได้ก่อนจะพูดอะไรออกมากัน โดยเฉพาะพวกหมอใหญ่ เพราะคำพูดพวกท่านมัน
มีน้ำหนักในใจคนค่อนข้างมาก…
…ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นวิชาชีพควบคุมเหมือนกัน มองว่า
มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก กับการเอาสมมุติฐานเกี่ยวกับ
เทคนิคเฉพาะทางของวิชาชีพมาเผยแพร่ต่อสังคม เพราะ
มันจะส่งผลกระทบในวงกว้างได้….
…ไปคุยกันให้เรียบร้อย แล้วมาบอกชาวบ้านด้วยนะครับ
เพราะมันชักไปกันใหญ่แล้ว ยิ่งอคติการเมืองเข้าแจมด้วย
ยิ่งเริ่มเละขึ้นทุกทีๆ แก่ๆกันแล้วครับ รับผิดชอบคำพูดด้วย….
ต่อมาคือเรื่องเศรษฐกิจ มันวิกฤตจริงไหม?
อันนี้กูรูการเงินก็ฟาดกันอีก
สายธนาคารบอกไม่วิกฤต
ส่วนภาคธุรกิจ และเครดิตบูโร บอกนี่มันโคตรวิกฤตเลยแหละ
ตกลงมันยังไง ?
ทีนี้ ไอ้คำว่าวิกฤตไหมเนี่ย มันดันมีประเด็นการเมืองเข้ามาพัน
เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาแจกเงินดิจิตอลของรัฐบาล
คอการเมืองก็จัดเต็มเลย โดยเฉพาะสายอนุรักษ์นิยม
ที่เอาแบงค์ชาติเป็นเกณฑ์ แล้วบอกว่า มันไม่วิกฤต
การเงินไทยยังดี แค่โตน้อย อย่ามาหาเรื่องแจกเงิน
ซึ่งอันนี้มันไปขัดกับภาคธุรกิจที่ชาวบ้านสัมผัสได้มากกว่า
จนชาวบ้านตั้งคำถามว่า
…แบบนี้ไม่วิกฤต แล้วแบบไหวิกฤตวะ ?….
…เมื่อคนพูด น่าเชื่อถือทั้งคู่ แบบนี้ชาวบ้านจะฟังใครล่ะครับ
ถ้าเอาที่เขาสัมผัสได้ มันก็วิกฤตแหละ แล้วทำไมถึงไม่เชื่อชาวบ้านกันบ้าง ท่านมองแต่ความมั่นคงของธนาคารเหรอ….
ที่จริงแล้ว ทั้งการแพทย์และการเงิน ล้วนมีตรรกะ
ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเป็นกรอบการพิจารณาอยู่แล้ว
เรื่องพวกนี้ ถ้าว่ากันตามปัจจัยตัวแปรต่างๆ
มันเป็นไปได้ยากมากที่ผู้เชี่ยวชาญจะมองไปคนละทาง
มันจึงมีคำถามว่า แล้วมันเป็นไปได้อย่างไรล่ะ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ?
ถ้าเรามองสองเรื่องนี้ จริงๆแล้ว มันมีเรื่องอคติทางการเมือง
เข้ามาประกอบกับการตัดสินใจของคน ที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ
ค่อนข้างมากพอสมควร
คนเชื่อเรื่องวัคซีนสร้างก้อนขาวนั้น ถ้าดูดีๆ เราจะพบว่า
พวกเขามีแนวคิดต่อต้านฝรั่งอยู่แล้ว
และเขื่อในทฤษฎีสมคบคิด ว่าการสร้างโรคและวัคซีน
มีจุดประสงค์เพื่อควบคุมอายุประชากรในโลก
มันไม่ใช่เรื่องใหม่และแปลกอะไรนัก
ในต่างประเทศคนเชื่อก็มีเยอะเหมือนกัน
แต่เมื่อดูต้นทางข่าวนี้จากเมืองนอก
เราก็พบว่ามันไม่ได้น่าเชื่อถืออะไรนัก
คือ มันเริ่มดราม่าจากนักดองศพ แล้วไปแพร่หลาย
ในหมู่ผู้นิยมทฤษฎีสมคบคิด ก่อนที่จะมาถึงเมืองไทย
พวกเขาปั้นเรื่องต่อว่า มันมีการค้นพบมานานแล้ว
แต่ถูกปิดบังโดยสื่อตะวันตก ที่ต้องการรักษาผลประโยชน์
(ตามสูตรทฤษฎีสมคบคิดนั่นแหละ)
…และแม้จะมีผู้เชี่ยวชาญระดับศาสตราจารย์ฝรั่งมา ยืนยัน
แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคนบางกลุ่มได้….
…ส่วนในบ้านเรา คนจุดประเด็นเป็นระดับอาจารย์หมอใหญ่
คนมันก็แตกตื่นสิครับ ระดับนี้พูดเองน่ะนะ …
เช่นเดียวกับเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ
ดูเหมือนว่าความจริงที่ว่าเศรษฐกิจไทยในภาครวมนั้นแย่
จะถูกคนบางกลุ่ม ใช้คำว่า “ความมั่นคงทางการเงิน” ปกปิด
เอาไว้ โดยมีปัจจัย และอคติทางการเมืองมาเป็นเครื่องมือ
เพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง…
เพราะในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่ได้ประโยชน์จากคำว่าไม่วิกฤต
กลับเป็นคนจำนวนน้อยของสังคม
คือ ธนาคาร และคนร่ำรวยแค่หยิบมือเสียมากกว่า
…ในขณะที่ภาคประชาชนจริงๆ กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก
จากปัจจัยต่างๆ ทั้งดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ จนเสียสภาพกันหมด
แบงค์ไทยนั้น ถือว่าเซฟตัวเองได้ดีเกินไป จนไม่ค่อยมองว่า
สิ่งที่ทำอยู่นั้น มันส่งผลกระทบกับการไหลเวียนของระบบ
และคนร่ำรวย มักมีความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์กับธนาคาร
อยู่แล้ว เช่น ถือหุ้น ถือกองทุนอยู่ คนพวกนี้ไม่ได้มองที่ราคาหุ้น หรือระบบเศรษฐกิจอะไรนัก จึงสนับสนุนแนวคิดธนาคาร
…ขอแค่หุ้นธนาคาร หรือกองทุนที่ตัวเองลงไว้ มีปันผลสวยๆ
มาให้ตัวเองเป็นใช้ได้ จึงมองความมั่นคงของธนาคารว่าสำคัญกว่าสภาพโดยรวมทางเศรษฐกิจ
…และถ้ามองมุมการเมืองประกอบ พวกเขาเองก็ทราบว่า
ระบบธนาคารไทยนั้น คือกำลังสำคัญมาก ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ในขณะที่อีกฝ่าย ที่มองเรื่องความเป็นอยู่โดยรวม
หรือสภาพการใช้จ่ายนั้นสำคัญกว่า
…มันจึงแทบหาจุดลงตัวไม่ได้เลย เมื่อเป็นแบบนี้….
ทั้งที่เรื่องทั้งสองเรื่องที่ดราม่ากันอยู่ มันมีจุดสรุปได้
ด้วยหลักเหตุผล และวิทยาศาสตร์
แต่สังคมเรากำลังสับสนเพราะอคติที่มีมากไปใช่หรือไม่ ?
เรื่องนี้ ไม่ใช่มุมมองที่ต่างทางวิชาการอะไรนัก
เพราะผลสรุป มันมีในตัวเองอยู่แล้ว
…เรื่องหมอ ถ้าแลปฝรั่งบอกว่าไม่ผิดปกติ มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นเราไม่น่ารู้ดีกว่าพวกเขา เพราะระดับเทคโนโลยีมันต่างกัน
…และถ้าสมมุติว่ามันผิดปกติจริงๆ ด้วยสื่อออนไลน์ และฝั่งตรงข้ามโลกตะวันตกจริงๆ ก็คงตามขยี้ยับไปแล้ว แต่นี่ค่ายจีน
ค่ายรัสเซียยังเงียบ แสดงว่ามันไม่มีอะไรเลย ในข้อเท็จจริง
…เรื่องเศรษฐกิจ แม้ความมั่นคงของระบบธนาคารจะสำคัญ
แต่หากธนาคารยังไม่แคร์กับระบบโดยรวม สุดท้าย การไหลเวียนของเงินที่แย่ ก็จะต้องย้อนกลับไปทำลายธนาคารอยู่ดี
แล้วมันมีความจำเป็น หรือมีเหตุผลอะไรล่ะ ที่จะต้องมองต่างมุม ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม …
…จะเอากันแค่นี้จริงๆเหรอ ?….
ผมว่านะ
ทั้งสองเรื่องอ่ะ พวกทั่นกูรูทั้งหลายไปสรุปมาให้ชาวบ้านฟังหน่อยเหอะ ไม่ก็ดีเบตกันเลยดีกว่าไหม
…มึงโพสต์ที ดูโพสต์ที เหมือนพวกอินฟลูฯทะเลาะกัน
มันไม่น่าใช่วิธีวางตัวที่ดีของผู้ทรงภูมิเลยนะ….
…เฟสบุ๊คอ่ะ ห่างๆบ้างก็ได้นะครับ ท่านทั้งหลาย….
…ชาวบ้านงงไปหมดแล้ว 😅😅😅…
ปล.
ผู้เขียนอยู่ในภาคธุรกิจ ดังนั้นเรื่องเงินจึงโน้มเอียงไปทาง
ที่เห็นว่า มันวิกฤตจริงๆสำหรับเศรษฐกิจไทยตอนนี้
และมันสัมผัสได้กับตัวเองทุกวัน
ปัจจุบันมีลูกค้าหลายรายที่ต้องเลื่อนโครงการออกไป
เพราะติดขัดที่การปล่อยเงินจากธนาคาร
และตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่มากขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
มันชัดเจน ว่ามีผลจากการไหลเวียนของกระแสเงิน
ในระบบที่ติดขัดจากการเพลย์เซฟของธนาคาร
ผมมองว่าเรื่องนี้ต้องรีบแก้ไข
ยกตัวอย่างอย่างคือจีน ที่เจอปัญหาคล้ายๆกับเรา
พวกเขาลดดอกเบี้ยอสังหาริมทรัพย์ไปเมื่อวาน
และลดดอกเบี้ยมาหลายครั้งแล้ว มันน่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดี
ที่สุดในสภาพปัจจุบัน เพื่อไม่ให้หนี้ประชาชน ล้นมากไปกว่านี้
เพราะสุดท้าย ถ้าชาวบ้านตัดสินใจทิ้งหนี้
ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย แบงค์เองก็ไม่รอดอยู่ดีนะครับ
แบงค์เองก็รู้ดี แล้วจะยื้อไปเพื่ออะไร
ภาคการเงินและภาคธุรกิจ ต้องหาจุดลงตัวให้ได้
ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปกว่านี้
และสุดท้ายผมเห็นว่า ถึงแม้จะวิกฤต
แต่การแจกเงินของรัฐตามที่หาเสียงก็ไม่ควรเกิดขึ้น
มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะทำ มันช่วยไม่ได้หรอก
มีแต่จะสร้างปัญหาในระยะยาวเสียมากกว่า
เอาเงินที่จะแจกเนี่ย ไปดูแลเรื่องอื่นจะดีกว่านะครับ
แล้วรีบแก้ไขให้ด่วนเลย ชาวบ้านเดือดร้อนครับ
สรุปข่าว ดราม่าก้อนขาวจากวัคซีน
ข่าว หนี้ครัวเรือนพุ่งกระฉูดที่แบงค์ชาติออกเลขเอง แต่เฉย 🤣
โฆษณา