26 ก.พ. เวลา 13:21 • บันเทิง

2 บทเรียนเปลี่ยนชีวิตของ Taylor Swift

1
เมื่อคืนเธมส์ดูสารคดี Miss Americana ทาง Netflix ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตของ #TaylorSwift ครับ ต้องบอกว่าตัวเองเป็นคนที่ก็คงจัดว่าอยู่ในหมวดของ “ผู้ฟังทั่วไป” คือคนที่ฟังและชื่นชอบเพลงของเธอ แต่ไม่ได้ติดตามถึงเบื้องลึกเบื้องหลังขนาดนั้น
.
แต่พอดูจบก็เข้าใจเลยว่า ทำไมโลกถึงบอกว่า “Taylor Swift is the music industry”
2
ทั้งจากความพยายามในการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา การนำ “ความสามารถในการแต่งเพลง” ซึ่งเป็นจุดเด่นของตัวเองมาสร้างความแตกต่าง และการ reinvent ตัวเองในลุคใหม่ แนวเพลงใหม่มา 2-3 ครั้ง ตั้งแต่ country music ไปเป็น pop และไปเป็นแนวผสมผสานจนเรียกแนวที่ชัดเจนได้ยาก
นี่คือพลังของผู้ไม่หยุดนิ่ง ที่ทำให้ไม่ว่าเธอจะไปจัดคอนเสิร์ตที่ไหน ที่นั่นจะมีแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวบนโลกขนาดย่อมๆ, ผลงานของเธอทำให้โลกสั่นสะเทือนได้จริงๆครับ (ที่บอกสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวนี่คือสั่นจริงนะครับ วัดได้ขนาด 2.3 ริกเตอร์ จากผู้ชมกว่า 70,000 คน ที่ไปดูคอนเสริ์ตในซีแอทเทิล ช่วงปี 2023 จนคนเรียกกันว่า Swift Quake เลย)
3
บทเรียนสำคัญหนึ่งในชีวิตของเธอคือ “การยอมรับว่าตัวเองไม่สามารถทำตามความคาดหวังของทุกคนได้” ครับ เธอไม่สามารถทำให้คนใน social เห็นดีเห็นงาม ชื่นชอบได้ ไม่ว่าเธอทำอะไรจะมีคนด่าเธอเสมอ ทั้งจากเรื่องรูปร่าง การแต่งกาย ความสัมพันธ์ เธอเคยกังวลกับเรื่องเหล่านี้มากเลยครับ
บางเคส บางเหตุการณ์ก็เกินเลยไปจนเป็นการแบนเธอ บอกว่าเธอเล่นบทเป็นเหยื่อบ้าง ทำให้ตัวเองดูน่าสงสารบ้าง จากกรณีของพี่ Ye หรืออดีต Kanye West ที่เอาชื่อเธอไปอยู่ในเพลง Famous และบอกเล่าออกมาในทางที่ไม่ดีนักในปี 2016 (ซึ่งเดิมพี่ Ye แกก็เคยมีติดค้างสร้างแผลใจให้กับ Taylor มาก่อน ด้วยการถือวิสาสะขึ้นไปแย่งไมค์ Taylor และพูดเป็นเชิงว่าคนอื่นคู่ควรกว่าเธอ ขณะที่เธอกำลังกล่าวขอบคุณที่ได้รางวัล Best Music Video ในงาน VMA Award ปี 2009)
4
นอกจาก “การยอมรับว่าตัวเองไม่สามารถทำตามความคาดหวังของทุกคนได้” แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันและต้องมาคู่กันคือ “การรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี และมีจุดยืนในสิ่งที่เชื่อ”
.
เธอเริ่มเรียนรู้ที่จะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องการเมือง ซึ่งเดิมเธอเลือกที่จะไม่พูดถึงมัน play safe พยายามทำตัวเป็นคนดีที่ทุกคนอยากให้เป็น ไม่สร้าง conflict ทางความคิดมาโดยตลอด
5
กระทั่งวันที่ตัวเธอเองต้องกลายเป็นเหยื่อของการคุกคามทางเพศจากดีเจคนหนึ่งในช่วงปี 2013 ประสบการณ์ที่เธอได้รับจากกระบวนการไปให้ปากคำ, กระบวนการตัดสินในชั้นศาลที่ดูไม่แฟร์ ดูลดทอนความเป็นคน dehumanizing มาก (โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่เจอเหตุการณ์แย่ๆมา) ทั้งๆที่เธอมีหลักฐานทุกอย่างอย่างชัดเจนมาก การตัดสินยังยากเย็นขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่มีหลักฐานใดๆ คงไม่ต้องคิดเลยว่า ผลการตัดสินจะออกมายังไง
นั่นคือหนึ่งในสาเหตุให้เธอลุกขึ้นมา speak up เกี่ยวกับการเมืองโดยเฉพาะเรื่อง Human right ในช่วงการเลือกตั้งของ US ในรัฐ Tennessee สมัยประธานาธิบดี Trump เพราะมีนโยบายที่มีความชายเป็นใหญ่และไม่สนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ จนกลายเป็นการจุดกระแสให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากมายในช่วงท้าย กระแสนี้มีผลจนถึงขนาดว่า เมื่อนักข่าวไปสัมภาษณ์ Donald Trump เกี่ยวกับ move ของ Taylor, Trump ตอบแบบติดตลกว่า ตอนนี้เขาชอบเพลงของ Taylor ลดลง 25%
6
เล่ามาถึงตรงนี้ น่าจะพอเห็นประสบการณ์ที่สำคัญที่ทำให้ Taylor is the music industry ในวันนี้
.
ไม่นานมานี้ผมอ่านเจอประโยคหนึ่งในหนังสือนิยายเรื่อง #ร้านหนังสือฮยูนัมดงยินดีต้อนรับ แล้วชอบมาก สรุปได้ใจความว่า
.
“เราควรจะใช้ชีวิตแบบที่เราต้องการ ไม่ใช่ใช้ชีวิตเพื่อไม่ทำให้ใครผิดหวัง”
เสริมเติมจากเรื่องของ Taylor คือเราทำตามที่คนอื่นคาดหวังไม่ได้ตลอดครับ การตั้งใจว่าจะไม่ทำให้ใครผิดหวัง จึงเป็นความตั้งใจที่จะทำให้เราผิดหวังเสียเองอยู่แล้ว ดังนั้นโจทย์ของเราคือจะใช้ชีวิตอย่างไรให้เป็นแบบที่เราคิดว่าเหมาะสมกับตัวเอง
.
ทีนี้สิ่งสำคัญเลยกลับมาที่คำว่า “ชีวิตในแบบที่เราต้องการ” หรือเหมาะสม Taylor Swift แสดงให้เห็นผ่านการตั้งต้นมาจาก “การรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี Reinvent ตัวตนใหม่ไปเรื่อยๆ และมีจุดยืนในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ” ครับ
----
นี่คือสิ่งอยากจะเอามาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ครับ ถ้ามีคนมาถามผมว่า คิดยังไงกับผลงานของ Taylor Swift?
ผมคิดว่าผมชอบ Taylor Swift มากขึ้น 25% ครับ : )
#เธมส์thinkต่าง ผู้เขียน #เมื่อการทำงานหนักไม่ใช่คำตอบของความก้าวหน้า หาได้ที่ SE-ED นายอินทร์ Kinokuniya B2S หรือดูใน comment ครับ
โฆษณา