Hedy Lamarr นักประดิษฐ์ในคราบนางเอก สตรีผู้วางรากฐานเครือข่ายไร้สาย
เชื่อว่าในยุคปัจจุบันนี้ ใคร ๆ ก็ล้วนแต่ใช้งานเครือข่ายไร้สายสารพัดในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น Wi-Fi, Bluetooth ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของชีวิตเลยทีเดียว แต่ทุก ๆ ท่านทราบหรือไม่ว่า สิ่งที่เราได้กล่าวไปข้างต้นนั้นถูกวางรากฐานขึ้นมาโดยผู้หญิงคนหนึ่ง และไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ๆ ด้วย หากแต่เป็นถึงนางเอกชื่อดังแห่งวงการฮอลลีวูดในช่วงยุคทองแห่งโลกภาพยนตร์เลยทีเดียว
เนื่องในเดือนแห่งวันสตรีสากลนี้ Bnomics จะขอพาทุกท่านไปรู้จักกับเหล่าสุภาพสตรีที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับโลก โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของ “เฮดี ลามาร์” นางเอกสาวสวยแห่งทศวรรษ 40s ผู้กลายมาเป็นนักประดิษฐ์คนสำคัญที่วางรากฐานให้กับเครือข่ายไร้สายต่าง ๆ ที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันกัน
[โฉมงามแห่งออสเตรีย]
เฮดี ลามาร์ (Hedy Lamarr) เกิดในกรุงเวียนนาเมื่อราวปี 1914 ในครอบครัวชาวยิวที่อบอุ่นและหล่อหลอมความสามารถต่าง ๆ ให้กับเธอ พ่อของเธอเป็นนายธนาคารระดับสูงของธนาคารเวียนนา ในขณะที่แม่ของเธอเป็นนักเปียโนจากบูดาเปสต์
เฮดีเรียนรู้และหลงใหลในศาสตร์ของศิลปะการแสดงจากแม่ของเธอ ความสวยของหนูน้อยเฮดีได้ทำให้เธอชนะการประกวดความงามเมื่อมีอายุได้ 12 ปีเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็พัฒนาความสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและเครื่องจักร พ่อของเธอมักจะพาเธอออกไปเดินเล่นพร้อมกับอธิบายกลไกการทำงานของสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเขาพบเจออยู่บ่อยครั้ง
เฮดีได้เรียนในสถาบันการแสดงโดยตรงและได้มีโอกาสทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ไต่เต้าจากเด็กเขียนสคริปต์ มาสู่นักแสดงตัวประกอบและมีผลงานเรื่องแรกในปี 1930 ก่อนที่จะโลดแล่นในวงการภาพยนตร์ทั้งในออสเตรียและเยอรมัน ก่อนที่จะมีชื่อเสียงจากเรื่อง Ecstasy (1933) ซึ่งเป็นหนังที่ได้รับรางวัลในการประกวดภาพยนตร์เมืองเวนิส
เธอใช้ชีวิตในยุโรปและแต่งงานกับพ่อค้าอาวุธชาวออสเตรียผู้หึงหวงในตัวเธออย่างมาก เธอจึงตัดสินใจเลิกราจากเขา และเดินทางมาแสวงโชคในดินแดนใหม่ที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์กำลังเป็นที่น่าจับตามองในยุคนั้นอย่าง “ฮอลลีวูด”
[จากยุโรปสู่ฮอลลีวูด]
เมื่อเฮดีเดินทางมาถึงฮอลลีวูด เธอก็ได้เป็นนักแสดงในสังกัดของ “MGM” (ทุกคนน่าจะคุ้นเคยจากภาพจำของโลโก้ที่เป็นสิงโตคำราม) และมีผลงานออกมาอีกหลายเรื่อง อย่างไรก็ตามยังคงเป็นนักแสดงสมทบเสียส่วนมาก เธอจึงตัดสินใจออกจาก MGM มาตั้งบริษัทของตัวเอง และได้เป็นนางเอกหลายเรื่องซึ่งหนึ่งในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดก็คือแซมซันกับเดไลลาห์(1949) ที่ทำรายได้สูงสุดในปี 1950
[นักประดิษฐ์ในคราบนางเอก]
นอกเหนือจากความสามารถในฐานะนักแสดงแล้ว เธอยังมีความสามารถในฐานะนักประดิษฐ์ด้วย โดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นักแสดงสาวคนนี้ได้ร่วมมือกับคีตกวีชื่อดังนาม จอร์จ แอนธีล ในการประดิษฐ์อุปกรณ์ควบคุมตอร์ปิโดของเรือ ซึ่งเฮดีค้นพบว่าคลื่นวิทยุที่ใช้ในการควบคุมตอร์ปิโดนั้นสามารถถูกรบกวนโดยฝั่งนาซีเยอรมันได้
เธอและจอร์จจึงช่วยกันคิดค้นระบบโทรคมนาคมที่ใช้วิธีการกระจายคลื่นและความถี่หลายระดับที่มีคำเรียกว่า FHSS ขึ้นมาเพื่อทำให้สัญญาณวิทยุนั้นไม่สามารถถูกรบกวนหรือตรวจจับได้โดยง่าย โดยสามารถปล่อยสัญญาณแบบหลายระดับมากถึง 88 ระดับตามจำนวนโน้ตบนเปียโน ซึ่งการคิดค้นดังกล่าวนี้ก็ถูกในไปใช้ในกองทัพอย่างยาวนาน จนถึงราวปี 1981
[ผู้วางรากฐานเครือข่ายไร้สาย]
ในขณะที่ FHSS ถูกใช้ในกองทัพ ระบบเครือข่ายไร้สายของข้างนอกเองก็มีการคิดค้นพัฒนามาเหมือนกันผ่านการกระจายคลื่นและความถี่แบบ DSSS ที่เป็นการส่งแบบตรง ๆ ไม่ได้กระโดดไปมาระหว่างความถี่แบบ FHSS โดยในยุคแรกเริ่มของระบบ Wi-Fi นั้นได้ใช้การส่งคลื่นความถี่ทั้งสองรูปแบบ ทว่าในปัจจุบันนี้การส่งคลื่นแบบ DSSS กลับเป็นที่นิยมมากกว่า
แต่อย่างไรก็ดีการส่งคลื่นความถี่แบบ FHSS ก็ยังถูกใช้อยู่ ยกตัวอย่างเช่น กรณีของบลูทูธ เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เฮดีกับจอร์จคิดค้นขึ้นมานั้นเป็นหนึ่งในการสร้างรากฐานให้กับเครือข่ายไร้สายจวบจนปัจจุบัน
เฮดี ลามาร์จากไปอย่างสงบเมื่อปี 2000 ในวัย 85 ปี เรื่องราวของเธอเป็นเรื่องราวหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักที่คน ๆ หนึ่งจะมีความสามารถหลากหลายมากขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยได้รับการยอมรับมากมายในสมัยนั้น อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้ว เกียรติคุณของนางเอกนักประดิษฐ์ก็ได้รับการกล่าวถึง โดยเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศนักประดิษฐ์ของอเมริกา และได้รับการยกย่องให้เป็นนักประดิษฐ์ผู้มีคุณูปการต่อวงการเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีอิทธิพลต่อโลกนี้เรื่อยมา
“นักสร้างสรรค์ล้วนแต่ปรารถนา
ที่จะทำในสิ่งที่ไม่คาดฝัน”
-Hedy Lamarr
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
