48 ข้อ ที่ทำให้ชีวิตคุณงดงาม
1. อยู่ท่ามกลางคนคิดบวก
2. เปลี่ยนภาษากาย : ถ้าแสดงเป็นคนที่รู้สึกดีได้ สถานะภายในของคุณจะเปลี่ยน เช่น ฝืนยิ้มสดใสอยู่ได้แม้อะไรจะแย่ไปหมด เป็นการแสวงหาความพึงพอใจ
3. พักผ่อนบ้าง : ใช้เวลากับธรรมชาติ
4. ค้นหาแรงบันดาลใจ : อ่านหรือดูหนังเกี่ยวกับคนสู้ชีวิตแล้วประสบความสำเร็จบางคนที่คุณชอบ
5. อยู่ให้ห่างคำนินทาหรือเรื่องดราม่า : ดราม่ามีไว้สำหรับทีวี ไม่ใช่เรื่องดราม่าในชีวิตจริง อยาเล่นบทของคนอื่นในตอนที่พวกเขาเป็นตัวเอก
: อีโก้ของเราอยากรู้สึกสำคัญและเป็นที่รักอยู่เสมอ มันแสวงหาความพึงพอใจแบบเร่งด่วนและอยากมีอำนาจเหนือคนอื่น
อีโก้คือภาพลักษณ์เกี่ยวกับตัวคุณเองที่สร้างจากความคิด เวลารู้สึกแย่เพราะบางคนไม่ชอบคุณ นั่นเป็นเพราะอีโก้กำลังทำงาน คุณมองว่าคุณค่าของคุณอยู่ที่การยอมรับของอีกฝ่าย พอเขาไม่ยอมรับ คุณก็รู้สึกไม่ดีกับตัวเองอีกต่อไป
: ลงทุนเวลาอย่างชาญฉลาดด้วยการทำสิ่งสร้างสรรค์ที่จะทำให้ชีวิตคุณดีกว่าเดิม แทนที่จะมัวนินทาหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องดราม่า
6. กินอาหารดีต่อสุขภาพและดื่มน้ำเยอะๆ : สิ่งที่คุณกินจะกลืนกินคุณ สิ่งที่กลืนกินคุณจะควบคุมชีวิตคุณ
7. แสดงความขอบคุณ : ก่อนจะบ่นเรื่องรร.จำไว้ว่าบางคนไม่มีแม้โอกาสเล่าเรียน
ก่อนจะบ่นเรื่องทำความสะอาดบ้าน จำไว้ว่าบางคนไม่มีแม้ที่พักอาศัย
ก่อนจะบ่นว่าอ้วนขึ้น จำไว้ว่าบางคนไม่มีอาหารใดๆกิน
ก่อนจะบ่นเรื่องงาน จำไว้ว่าบางคนไม่มีแม้กระทั่งเงิน
ก่อนจะบ่นเรื่องล้างจาน จำไว้ว่าบางคนไม่มีแม้กระทั่งน้ำ
8. ศึกษาอารมณ์ของคุณ : การเมินอารมณ์ด้านลบก็เหมือนกับการเก็บพิษไว้ในระบบของเรา เรียนรู้ที่จะเข้าใจทุกอย่างที่รู้สึก
เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การบังคับให้เกิดความคิดเชิงบวก แต่เป็นการแปรความคิดเชิงลบ ไปยังสิ่งที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า เพื่อจะได้รู้สึกดีขึ้น
วิธีเปลี่ยนอารมณ์เชิงลบ 1 . ระบุ - ระบุอารมณ์ที่กำลังรู้สึกเสียก่อน
2. ท้าทาย- ถามตัวเองว่าทำไมคุณรู้สึกอย่างนี้
3. เข้าใจ - เล็งเห็นความหมายเบื้องหลังอารมณ์นั้นให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
4. แทนที่ - แทนที่ด้วยความคิดที่ให้กำลังใจ
5. นึกภาพ - นึกภาพตัวเองจัดการอารมณ์ที่กำลังรู้สึก ช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับอารมณ์นั้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้สมองจัดการได้ง่ายดายในอนาคต
9. ใส่ใจปัจจุบัน - อย่ามัวแต่เล่นเกม อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ ถ้าไม่สนใจปัจจุบันจะยิ่งวิตกกังวล กลัวและเครียด
อนาคตมาในรูปของปัจจุบันโดยที่บางคนไม่ได้สังเกต ไม่มีอะไรมีคุณค่ามากกว่าปัจจุบันอีกแล้ว เพราะคุณไม่อาจเอากลับมาได้อีก
การใช้ชีวิตในอนาคตคือการผัดวันประกันพรุ่งที่จะทำให้คนอื่นแย่งชิงความสำเร็จของเราไปล่วงหน้า ดังนั้นจงฝึกฝนที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆเดี๋ยวนี้ให้เชี่ยวชาญหากอยากเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่ามีธุรกิจส่วนตัวหรือไม่มีก็ตาม เพราะคนขี้เกียจคือคนที่ยุ่งที่สุดเพราะจะไม่มีอิสระเสรีทางเวลาที่จะได้ใช้เวลาทำสิ่งต่างๆตามใจปรารถนาขณะที่ให้เงินทำงานแทนเรา
10. สวดอ้อนวอนเสมอ
11. ตรวจสอบความประพฤติตนเอง : สำรวจว่านิสัยใดเป็นพิษร้ายต่อคนอื่นหรือต่อตัวเอง คอยย้อนกลับมาดูความประพฤติและพยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นพิษต่อตัวเองและคนอื่น
นี่ไม่เพียงเป็นวิธีที่คุณจะเติบโต แต่ยังเป็นการแสดงความรักตัวเอง โดยแสดงให้ตัวเองเห็นว่าคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่าพฤติกรรมที่รั้งความก้าวหน้าของคุณ
12. พลังแห่งคู่รักที่ดี : พูดคุยปัญหากันได้อย่างเปิดอก
: คุณไม่อาจเปลี่ยนคนที่ไม่พร้อมจะเปลี่ยน
13. เลือกมิตรแท้: จงมีกลุ่มเพื่อนฝูงที่สบายใจ รักษาคนที่เพิ่มคุณค่าให้ชีวิตคุณ เอาคนที่ไม่ใช่ออกไป เมื่อการมีน้อยลง หมายถึง ได้สิ่งที่ดีกว่า
14. เผชิญหน้ากับครอบครัวด้วยเหตุผลที่ดีมากและเพียงพอให้เขาสนับสนุนคุณ
15. อยู่เคียงข้างคนอื่น
16. จัดการกับคนคิดลบ : ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจคุณ ยอมรับคุณหรือกระทั่งพยายามจะเข้าใจคุณ บางคนก็ไม่อาจรับพลังงานของคุณได้ดีพอ จงอยู่ร่วมกันอย่างสันติและเดินหน้าต่อไปสู่สิ่งที่ทำให้เกิดปิติ
: ไม่มีใครทำร้ายฉันได้ ถ้าฉันไม่อนุญาต
: ความทุกข์ชอบมีเพื่อน
: คนคิดลบชอบต่อต้านความก้าวหน้าของคนอื่น
: ทำให้คนหนึ่งเจ็บ เท่ากับทำให้คนอื่นเจ็บด้วย
: คนเราไม่ชอบความต่าง
: ทำสิ่งใดได้สิ่งนั้น เมื่อมีคนทำเรื่องแย่ๆกับเรา ให้เราให้อภัยและรอดูความยุติธรรมทำงานกับพวกเขา
: คนเหงาและเบื่อ โหยหาความสนใจ
: สิ่งที่คนอื่นพูดถึงคุณบ่งบอกถึงตัวพวกเขาเองมากกว่าคุณเสียอีก
17. อย่าพยายามทำให้ทุกคนพอใจ จงรักตัวเอง
18. ให้ความรู้สึกดีปกป้องคุณ
: คนมองโลกแง่ลบเป็นภูมิแพ้ต่อการมองโลกแง่บวก ขอให้มองโลกแง่บวกเสียจนพวกเขาไม่กล้าอยู่ใกล้คุณ
: เวลาเจอคนหยาบคายใส่ ให้ใช้ความอ่อนโยนโต้กลับไป
19. กล้าที่จะออกจากงานแย่ๆ : ค้นหางานที่เราสามารถทำด้วยความรัก เป็นงานที่เรารักยิ่งดี เพราะเราจะสนุกกับงาน แม้ในบางเวลางานนั้นจะทำให้เรารู้สึกเบื่อได้ในบางครั้ง แต่เราจะมีแรงจูงใจทำงานนั้นจนสำเร็จได้และกลายเป็นมืออาชีพในงานนั้น
20. ให้ความสำคัญกับตัวเอง เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองอย่างมีความสุข ดูแลตัวเอง คุยเรื่องบวก และเป็นที่พึ่งตัวเอง ความต้องการของคุณนั้นสำคัญ จงเริ่มทำตามความต้องการของคุณด้วยตัวเอง อย่าหวังพึ่งคนอื่น
: ไม่จำเป็นต้องคอยสร้างความประทับให้คนอื่นและตนเองอยู่เสมอ
21. ชื่นชมความงามในรูปลักษณ์ตัวเอง : อย่าปล่อยให้แนวคิดเกี่ยวกับความงามที่สังคมสร้างขึ้น ลดทอนความนับถือตัวเอง ความงามเป็นสิ่งไร้กฏเกณฑ์ ยอมรับและรักตัวเองอย่างที่เป็น อ้าแขนรับข้อบกพร่องและสบายใจที่จะเป็นตัวของตัวเอง ปล่อยความไม่สมบูรณ์แบบของคุณไว้อย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องไล่ตามแฟชั่นประจำฤดูกาล
: ตำหนิบนใบหน้าไม่ได้กำหนดคุณค่าของคุณ ความคาดหวังต่างๆนานาไม่ได้กำหนดคุณค่าคุณ ความคิดเห็นต่างๆนานาไม่ได้กำหนดคุณค่าคุณ ขนาดของยีนที่ใส่ไม่ได้กำหนดคุณค่าของคุณ
22. เปรียบเทียบเฉพาะกับตัวเอง : ให้สนใจชีวิตคุณ นั่นแหละจะทำให้คุณได้เริ่มออกเดินทาง
: การมองดูคนอื่นเพื่อแรงบันดาลใจเป็นเรื่องดี แต่แรงบันดาลใจกับความอิจฉาเป็นคนละเรื่องกัน
: การแข่งขันกับคนอื่นส่งเสริมความขมขื่น ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น แข่งกับตัวเองดีกว่า ว่าจะสามารถพัฒนาศักยภาพได้มากถึงขีดสุดเท่าใด
23. ให้คุณค่ากับความงดงามภายใน : มีแต่คนที่ดีจริง ถึงจะทำให้คนอื่นประทับใจในจิตใจ ความคิด และจิตวิญญาณได้
24. ฉลองความสำเร็จของคุณ : ให้กำลังใจตัวเอง แต่ไม่ใช่การเฉลิมฉลองที่ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย
25. เคารพเอกลักษณ์ของคุณ : บุคลิกเฉพาะเป็นสิ่งประเสริฐ ไม่ใช่ภาระ ถ้าจะพยายามเป็นเหมือนคนอื่น ให้เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์
26. ไม่ว่าจะใช้ชีวิตตามใจตัวเองหรือคนอื่น คุณก็จะถูกตัดสินอยู่ดี
27. อ่อนโยนและให้อภัยตัวเอง จะช่วยให้อภัยผู้อื่นได้ง่าย : เวลาทำผิดพลาดอย่าใส่คำพูดลบตำหนิตัวเอง แต่ให้ใส่คำพูดที่เสริมสร้างกำลังใจและอ่อนโยน เพราะเสียงภายในหัวมักเต็มไปด้วยอคติ เราต้องหัดมีสติและฝึกควบคุมความคิด
: แทนที่จะบอกว่าตัวเองโง่ที่ทำพลาด ให้เปลี่ยนเป็นบอกว่าคุณก็เป็นแค่คนหนึ่ง และกลับใจ เราจะสบายใจขึ้น
การทำตามพระกิตติคุณและการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยให้ชีวิตเราอยู่แต่ในสภาพบวก
: การทำร้ายตัวเองจะไม่เปลี่ยนสถานการณ์ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณมุ่งมั่นอย่างไรต่อไปต่างหาก
: การให้อภัยไม่ใช่การยกโทษให้กับพฤติกรรมย่ำแย่ของคนอื่น แต่หมายความว่าคุณจะไม่ปล่อยให้เขามีอำนาจและควบคุมสภาวะอารมณ์ของคุณ
28. อำนาจจิตของคุณคือความจริงของคุณ : ถ้าเชื่อสิ่งที่ลบจะเจอแต่สิ่งที่เป็นลบ จงเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้า
29. เข้าใจจิตใต้สำนึก : จงพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ตลอดเวลา ฟังการกระตุ้นเตือน ถ้าฟังเสียงนกเสียงกาจะพาให้คุณออกห่างจากเป้าหมายที่แท้จริง
30. ไปให้ไกลเกินความคิด : ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้ ให้เปลี่ยนมุมมอง นั่นแหละพลังที่คุณมี อยู่ที่ว่าจะถูกควบคุม หรือจะควบคุมมัน
: ฝึกใช้ชีวิตอย่างมีสติ แทนที่จะควบคุมเหตุการณ์ภายนอก ให้ใส่ใจที่การควบคุมวิธีที่ใจคุณตอบรับกับสิ่งนั้น แล้วคุณจะนำพลังกลับมา นำชีวิตไปสู่ความสุข
31.หนึ่งความคิดคือทั้งหมดที่ต้องการ
: คุณอยู่ห่างจากผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจกว่า (ไม่ใช่ดีที่สุด) เพียงความคิดบวกหนึ่งความคิดเท่านั้น
: เราไม่อาจพึ่งพาสิ่งแวดล้อมให้สร้างผลลัพธ์ใหม่ๆได้ เพราะมันมักไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา ขอเพียงเปลี่ยนความคิดเท่านั้น ทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณแล้ว
32. เปลี่ยนความเชื่อด้านลบให้เป็นด้านบวก : เราอาจเปลี่ยนความคิดว่า "เราเปลี่ยนอนาคตตัวเองไม่ได้ จึงไม่มีวันจะประสบความสำเร็จใหญ่โต" เป็น "เราจะประสบความสำเร็จแน่นอนในชีวิตนี้และยิ่งใหญ่ด้วย!"
33. พูดให้กำลังใจตัวเองบ่อยๆโดยการออกเสียงสักสองสามนาทีเช่น ฉันไม่ใช้ไอ้ขี้แพ้!
34. ตั้งความมุ่งมั่น : ถ้าไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องการอะไร คุณก็จะจมอยู่กับสิ่งต่างๆมากมายที่ไม่แน่ใจ
: เป้าหมายควรสะท้อนตัวตนของคุณ และเป็นสิ่งที่คุณปรารถนาลึกซึ้งในใจ
35. จดเป้าหมายไว้
: เขียนด้วยดินสอ , จริงใจต่อตัวเอง , ต้องเป็นแง่บวก , เขียนด้วยรูปประโยคปัจจุบันเช่น ฉันเป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยและเปี่ยมไปด้วยจิตกุศล , เขียนด้วยถ้อยคำของคุณที่เรียบง่าย , เจาะจง - เริ่มจากเป้าหมายเล็กก่อน พอทำสำเร็จ ค่อยไปยังเป้าหมายที่ใหญ่กว่าขึ้นเรื่อยๆ
36. จินตนาการชีวิตที่อยากมี : สร้างภาพชีวิตในฝันซึ่งจะสร้างแรงจูงใจให้ทำทุกสิ่งบรรลุความฝันนี้
37. การเปลี่ยนแปลงอาศัยการลงมือทำ
38. เราต้องทำบางสิ่งด้วยวิธีที่ "ยาก" ถึงจะบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จ
39. ความต่อเนื่องนำไปสู่ผลลัพธ์ : เราต้องมีความต่อเนื่องในการฝ่าฟันไปให้ถึงเป้าหมาย
40.คนที่ไม่ธรรมดาจะกระทำการใดๆเสร็จสิ้นแม้ไม่อยากทำ เพราะพวกเขาเอาจริงกับเป้าหมายอย่างเต็มที่
41. การผัดวันประกันพรุ่งทำให้ความฝันของคุณเนิ่นช้า
: กำจัดสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจออกไปให้หมดเท่าที่จะทำได้
: ให้รางวัลตัวเองที่ทำงานสำเร็จ
: พักทำสิ่งที่เพลิดเพลิน
: สร้างสรรค์
: หาตัวช่วยที่จำเป็น ไม่อายที่จะขอความช่วยเหลือ คุยกับคนที่มีเป้าหมายคล้ายกันและเพิ่งทำสำเร็จเมื่อเร็วๆนี้ จะสร้างแรงบันดาลใจ
: ลงโทษตัวเองเมื่อไม่ลงมือทำ
: ประกาศความตั้งใจให้เพื่อนที่ไว้ใจรับรู้
การผัดวันประกันพรุ่งโดยเลือกทำแต่สิ่งที่ไร้ประโยชน์ ใช้ชีวิตอยู่กับอนาคต คือรอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยลงมือทำ จะทำให้เราพลาดท่าคนที่ลงมือทำในสิ่งที่เราคิดไว้ และเขาจะฉวยความสำเร็จที่ควรเป็นของเราไปไว้กับตัวเขาเอง นี่คือข้อเสียของการใช้เวลากับอนาคตหรือผัดวันประกันพรุ่ง
42 จงอดทน รอคอยความสำเร็จอย่างใจเย็น อย่ารีบร้อนและมุ่งกระทำให้สำเร็จอย่างเร่งด่วนเพราะจะไม่เกิดผลงานที่ดี
43. แลกความสุขชั่วครู่กับผลประโยชน์ระยยาว
: คุณจะไม่พลาดสิ่งดีงามใดๆ ถ้าคุณเอาเวลานั่นไปทำให้ชีวิตดีขึ้น
44. ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและชาญฉลาด ราวกับว่าวันพรุ่งนี้เราก็จะตาย
45. เหยียบความกระวนกระวาย ความกลัวและความวิตกกังวลเอาไว้ใต้ฝ่าเท้า จงเชื่อมั่นในตนเองและความสามารถของตนเอง
: ความเชื่อมั่นไม่ได้ทำให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้น แต่ทำให้สิ่งต่างๆเป็นไปได้
:บางคราวความเชื่อมั่นก็เป็นทุกสิ่งที่เรามี เป็นความเชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆจะดีขึ้นกว่าเดิม เกาะไว้ เชื่อมั่นต่อไป แม้ว่าจะมีคุณคนเดียวที่เชื่อก็ตาม
46. ชีวิตไม่ได้สู้กับคุณเพราะคุณอ่อนแอ มันสู้กับคุณเพราะคุณเข้มแข็ง มันรู้ว่าถ้าให้ความเจ็บปวดแก่คุณ คุณจะรู้ซึ้งถึงพลังที่ตัวเองมี
: ชีวิตจะทดสอบคุณ ก่อนจะให้สิ่งดีๆแก่คุณ
: ความเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดในชีวิตบางอย่างเป็นผลมาจากประสบการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด
: การนำบทเรียนที่ได้มาใช้ในระหว่างทางจะทำให้เราเลือกทางที่ดีกว่าเพื่อก้าวไปข้างหน้า
: ชีวิตควบคุมคุณ ทั้งจะเหวี่ยงคุณ เตะตอนคุณล้ม แล้วยังกระทืบ แต่คุณก็ยังรอดชีวิตและเดินเหินอยู่ได้ ในรูปแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิม เพราะคุณผ่านความท้าทายที่บางคนรู้สึกว่ายากเย็นมาได้แล้ว
47. จุดมุ่งหมายที่สูงขึ้นของคุณ
: คุณเกิดมาพร้อมกับความเป็นไปได้ ความสามารถ พรสวรรค์ สติปัญญา ความรักและความเฉลียวฉลาดที่จะแบ่งปันให้กับโลกใบนี้ คุณเกิดมาเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้น คุณมีจุดมุ่งหมาย และจนกว่าจะเริ่มใช้ชีวิต ดังนั้น คุณจะเจอความว่างเปล่าภายในตัวคุณ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ยากอธิบาย แต่มันรู้ว่าคุณมีดีกว่านี้
: ชีวิตจะดีขึ้นถ้ามีจุดมุ่งหมาย เมื่อพบเหตุผลอันเปี่ยมด้วยความหมายในสิ่งที่ทำอยู่ คุณจะรู้สึกเติมเต็ม
: จงทำสิ่งที่ชอบอย่างเต็มที่ แต่จงอย่าลืมว่าต้องให้พระเจ้ามาก่อน การทำทุกอย่างด้วยดวงตาที่เห็นแก่รัศมีภาพของพระองค์ จะดึงดูดความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาให้ตามที่เราปรารถนา
48. เงินเป็นเพียงพลังงาน ไม่ได้ดีหรือเลว และมีไม่จำกัด อุดมสมบูรณ์และไม่มีที่สิ้นสุด ให้เงินช่วยคุณไม่ใช่เติมเต็มคุณ
: เงินไหลมาหาคนที่เชื่อว่าตัวเองสมควรและสามารถได้รับ
: เมื่อสะสมเงินไว้มากมาย ต้องมีความปรารถนาที่จะสร้างความแตกต่างให้กับโลกใบนี้และให้คุณค่าแก่โลก
สรุป...
การมีความสุขที่ยั่งยืนคือต้องรู้จักควบคุมตัวเอง นี่คือการเดินทางภายในใจที่ต้องอาศัยการเติบโตทางจิตวิญญาณอย่างเป็นรูปธรรม การเลือกความคิดที่ให้กำลังใจแทนความคิดที่จำกัด ควรเป็นวิธีคิดโดยธรรมชาติของคุณ คุณต้องสร้างนิสัยที่จะมองด้านดีของสิ่งต่างๆและปล่อยอดีตให้ผ่านไป เลิกใช้ชีวิตในอนาคต และยินดีในจุดที่อยู่และในสิ่งที่มีตอนนี้ ถอนตัวออกจากการเปรียบเทียบ และรักทุกสิ่งในโลกอย่างไร้เงื่อนไข โอบกอดสิ่งที่ "เป็นอยู่" มีความสุขเข้าไว้
Happiness 😊😊
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
