6 มี.ค. เวลา 16:02 • สัตว์เลี้ยง

Blog#3 พาสุนัขเดินทางไปต่างประเทศ

#พาสุนัขเดินทางไปต่างประเทศ #พาสุนัขเดินทางไปแคนาดา #ออสเตรเลียนเชพเพิร์ด
เมื่อแม่หมาต้องย้ายไปประเทศแคนาดา และต้องพาลูกชายเดินทางข้ามโลกไปด้วยกัน! 💫
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุด ถึงแม้เราจะเคยพาสุนัขเดินทางจากประเทศอังกฤษมาประเทศไทยแล้ว ก็ยังต้องเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และเนื่องจากลูกชายน้ำหนักเกิน จึงต้องเดินทางโดยการโหลดใต้เครื่องบินค่ะ
จุดหมายปลายทางการเดินทางครั้งนี้คือ Montreal, Canada ค่ะ
หลังจากหาข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง จึงนำมาประกอบรวมกัน เพื่อเป็นแนวทางการเตรียมตัว เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้พ่อๆแม่ๆ บ้านอื่น ได้ดังนี้ค่ะ
1. เตรียมเอกสาร หนังสือเดินทาง สมุดวัคซีน ใบอนุญาต ฝังไมโครชิพ
2. ติดต่อสายการบิน
3. เตรียมของใช้สำหรับเดินทาง
4. พาสุนัขไปตรวจสุขภาพก่อนเดินทาง 3-5 วัน
5. พาสุนัขไปตรวจสุขภาพและออกใบอนุญาตที่ด่านกักกันสัตว์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
6. เดินทางไปสนามบิน เตรียมความพร้อมในการ check-in กับสายการบิน
1. เตรียมเอกสาร
  • พาสปอร์ตของสุนัข
  • ฝังไมโครชิพ สามารถทำได้ที่รพส.ลองถามคุณหมอประจำตัวดูนะคะ
  • สมุดวัคซีน ที่มีประวัติข้อมูลวัคซีนทั้งหมด โดยเฉพาะวัคซีนพิษสุนัขบ้า
  • พาสปอร์ตของเจ้าของสุนัข และสำเนา
  • ใบรับรองวัคซีนพิษสุนัขบ้า Rabies Vaccination Certificate ใช้ยื่นที่ประเทศแคนาดา (สามารถทำที่รพส.ได้ล่วงหน้า แนะนำว่าไม่ควรเกิน 1 สัปดาห์ก่อนเดินทาง แต่ต้องเช็คดูดีๆ นะคะ เพราะไม่ใช่ทุกรพส.ที่รับทำ บางแห่งเค้าให้เหตุผลว่าไม่ได้ฉีดที่เค้าไม่สามารถออกให้ได้ ถึงแม้เราจะฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าถูกต้องทุกอย่าง)
  • ใบรับรองสุขภาพ Health Certificate ใช้ยื่นที่ประเทศแคนาดา (ทำที่ด่านกักกันสัตว์ สนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 3 วันล่วงหน้า)
  • ใบนำออก Export certificate (ทำที่ด่านกักกันสัตว์ สนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 3 วันล่วงหน้า)
📌หมายเหตุการนำสุนัขเข้าประเทศแคนาดา
  • เมื่อปีที่แล้ว ทางแคนาดาเพิ่งเปลี่ยนกฎการนำเข้าสุนัขนะคะว่าห้ามนำเข้าสุนัขจากประเทศต้องห้าม เพื่อนำไปให้ผู้อื่น เพื่อการอุปถัมป์รับเลี้ยง หรือเพื่อการขยายพันธุ์ใดๆ ที่ไม่ใช่การนำไปเลี้ยงเอง เนื่องจากโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศต้องห้ามนั้นค่ะ
  • การนำสุนัขไปประเทศแคนาดา (ปี 2023) จะไม่ได้ขอ Rabies Titre Test (ผลการตรวจเลือดค่าพิษสุนัขบ้า) แต่ฮอปเปอร์ก็ทำไว้ค่ะ เพราะตอนนั้นวางแผนว่าอาจจะไปพักที่ประเทศฝรั่งเศสก่อน เพราะถ้าจะเข้าที่ยุโรปต้องใช้เทสต์ตัวนี้
ในเอกสาร Rabies Titre Test จะบอกว่าค่าพิษสุนัขบ้าของสุนัขเราผ่านเกณฑ์มาตรฐานของประเทศนั้นๆ หรือไม่ ถ้าไม่ผ่านก็ไม่สามารถนำเข้าประเทศได้ค่ะ ซึ่งจะต้องทำล่วงหน้านานเป็นเดือนๆ เลย เราไปทำที่รพส.ในโคราช ซึ่งคุณหมอจะเป็นคนจัดการส่งตัวอย่างและเอกสารให้เองทั้งหมด เราแค่พาหมาไปเจาะเลือดและรอรับเอกสารกลับมา ค่าใช้จ่ายประมาณ 12,xxx บาทค่ะ
2. เตรียมของใช้
  • กรงสำหรับเดินทาง ขนาดตามมาตรฐานและกฎของ IATAhttps://www.iata.org/en/programs/cargo/live-animals/pets/ (เมื่อได้กรงแล้ว เตรียมวัดขนาดและชั่งน้ำหนักเพื่อทำการจองตั๋วในขั้นต่อไปค่ะ)
  • ขวดน้ำติดกรง (ซื้อได้ตามเว็ปส้มเลยค่ะ ราคาไม่แพง)
  • อาหารเม็ด (ควรซื้อแบบถุงเล็ก ประมาณ 1-2 kg. และห้ามเปิดถุง ไม่แบ่งเองออกมาเอง เพราะบางประเทศจะไม่ให้นำอาหารเข้า ถ้าอาหารถูกแกะออกมาค่ะ)
  • สติ๊กเกอร์ Live Animals ติดรอบกรง,ใบรายละเอียดสุนัข ชื่อ พันธุ์ น้ำหนัก วิธีการให้อาหารและน้ำ, ใบรายละเอียดเส้นทางการเดินทาง จากไหนไปไหน รวมถึงไฟลท์บินของเราทั้งหมด
  • สายจูง ปลอกคอ (เราต้องเอาออกจากตัวน้อง แต่ใส่ถุงติดไปกับกรงได้ค่ะ เผื่อในกรณีเครื่องดีเลย์ และจนท ต้องนำน้องออกมาเดินเพื่อขับถ่าย หรือกรณีน้องไม่สบาย ซึ่งแล้วแต่สายการบินว่าจะนำน้องออกมามั้ยนะคะ จากประสบการณ์ฮอปเปอร์ไม่ได้ออก อาหารก็ไม่ถูกให้ ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิมเป๊ะ)
  • ผ้าปูนอน
  • เราไม่ใส่ของเล่น ขนมขัดฟัน หรือของเคี้ยวต่างๆ ไปในกรงค่ะ เพราะเรากลัวเค้าแทะระหว่างเดินทางแล้วถ้าเกิดติดคอเราจะไม่เห็นหรือช่วยได้เลย เวลาเดินทางเลยไม่ใส่อะไรพวกนี้ให้ไปเลยค่ะ
3. ติดต่อสายการบิน
รายละเอียดวสยการบิน Turkish Airlines ที่กทม.
การเดินทางของเราครั้งนี้งานหินเลยค่ะ เพราะรูทเดินทางค่อนข้างไกล รวมระยะเวลาบิน เช็คอิน เปลี่ยนเครื่องต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 25-26 ชั่วโมงเลยค่ะ เพราะฉะนั้นการเลือกสายการบินและระยะเวลาการบินรวมเปลี่ยนเครื่องมีความสำคัญมาก เพราะจาก Bkk-Montreal ไม่มีบินตรง อีกทั้งหลายสายการบินก็มีเงื่อนไขในการนำสุนัขเดินทางไปด้วย เช่น สายพันธุ์สุนัขที่ไม่สามารถเดินทางได้ สายการบิน Emirates ไม่รับสุนัขสำหรับรูทบินที่เกิน 17 ชั่วโมง สายการบิน Austria ไม่รับสุนัขถ้ามีระยะเวลาพักเครื่องนานเกิน 5 ชั่วโมง
บางสายการบินไม่รับถ้าเป็น code share คือการจองการบินไทย แต่ขึ้นว่า Operated by Air Canada ก็ไม่สามารถนำสุนัขไปได้ (ป.ล. อันนี้จากที่เราทำการค้นคว้านะคะ ท่านอื่นๆ อาจมีประสบการณ์ที่ต่างออกไปค่ะ) เราโทรคุยกับหลายสายการบินมากๆๆๆ แล้วก็ได้ข้อมูลที่สับสนปนเปมากๆ ค่ะ บางสายการบินก็โยนกันไปมา จนสรุปมาได้สายการบิน Turkish Airlines (ซึ่งเราคิดว่าค่อนข้างดีเลยและทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยค่ะ โทรติดง่าย ได้คุยกับมนุษย์ค่ะ)
อีกสายการบินนึงที่สามารภเดินทางได้ คือ Qatar Airways แต่เวลาไม่ได้ เราเลยเลือกไปกับ Turkish Airlines ค่ะ
ก่อนอื่นเราต้องหาวันเวลาที่เราจะบินให้ได้ก่อน แล้วทำจองแบบ 24 ชั่วโมงไว้ แล้วโทรไปที่ออฟฟิศของ TK ในกทม แจ้งเค้าว่าเราจะมีสุนัขเดินทางไปด้วย ให้เจ้าหน้าที่เช็คว่ามีที่ว่างพอมั้ย แจ้งขนาดกรง สายพันธุ์สุนัข น้ำหนักรวม เจ้าหน้าที่จะขออีเมล์และติดต่อมาอีกทีเพื่อยืนยันค่ะ หลังจากได้รับการยืนยันแล้วเราจึงทำการจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินของเรา (ส่วนของสุนัขไปจ่ายวันเดินทาง)
เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แนะนำว่าให้โหลดแอพของสายการบินมาเพื่อทำการจองก็สะดวกดีนะคะ เพราะข้อมูลทุกอย่างจะขึ้นในแอพเลย รวมทั้งข้อมูลการจองของสุนัขด้วย
4. พาสุนัขไปตรวจสุขภาพก่อนเดินทาง 3-5 วัน🩺
พาสุนัขไปตรวจสุขภาพกับ รพส.เพื่อขอใบรับรองการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccination Certificate)
อย่าลืมเอาพาสปอร์ตสุนัขและสมุดวัคซีนไปให้คุณหมอตรวจสอบด้วยนะคะ ค่าออกใบรับรองขึ้นอยู่กับแต่ละ รพส.นะคะ ก็จะประมาณ 3xx-1xxx ค่ะ
5. พาสุนัขไปตรวจสุขภาพและออกใบอนุญาตที่ด่านกักกันสัตว์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปักหมุดใน Google Map ว่าด่านกักกันสัตว์ สุวรรณภูมิได้เลยค่ะ)
แนะนำว่าให้ไปช่วงเช้า ให้เสร็จสิ้นก่อนเที่ยง จะได้ไม่ติดช่วงพักกลางวัน ขั้นตอนก็คือ
  • เข้าไปหยับบัตรคิวด้านในสุด (เราแอบอยากแนะนำว่าให้ไปกัน 2 คนเพื่อที่จะได้มีคนช่วยดูแลสุนัข ตอนที่ต้องเดินเข้าไปหยิบบัตรคิว เข้าไปตรวจ (ทางเดียวกัน) จะมีเจ้าของสุนัขและสุนัขนั่งรอที่เก้าอี้ ซึ่งทางเข้าแคบมาก ต้องพาสุนัขเดินผ่านสุนัข ซึ่งเราว่ามันค่อนข้างเสี่ยง เพราะกรณีถ้าหมาเครียด (ทั้งหมาเค้าและหมาเรา)
  • การพาสุนัขเดินผ่านที่แคบๆ ที่เต็มไปด้วยสุนัขมันสุ่มเสี่ยงมากค่ะ อีกทั้งช่วงนี้หมาจะยังไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปด้วยเลย จริงๆ พาเค้าเดินรอบๆ และเข้าไปรอในรถยังได้เลยค่ะ เพราะค่อนข้างร้อนและรอนานด้วย
  • กรอกรายละเอียดในใบขออณุญาตนำสัตว์ออก (ร.9) ทางด่านฯ มีเตรียมไว้ให้ตรงที่รับบัตรคิวเลยค่ะ (อย่าลืมเตรียมปากกาไปด้วยนะคะ)
  • กรอกรายละเอียดเสร็จก็รอเรียกคิว ตรงนี้คุณพ่อหรือคุณแม่ซักคนนึงอาจต้องรออยู่ตรงด้านในตรงประตูเลยค่ะ เพราะถ้าออกมาจะไม่ได้ยินเสียงเรียก การเรียกครั้งแรกจะเป็นการตรวจเอกสารและชำระเงิน (ยังไม่ต้องพาสุนัขเข้า) พอเสร็จสิ้นก็เตรียมรอเรียกอีกครั้ง (ใช้เลขคิวเดิม) คราวนี้จะเป็นการตรวจสุขภาพค่ะ
  • ตรวจสุขภาพ มาถึงตอนนี้ก็เตรียมตัวสุนัขของเราให้พร้อม พอเรียกถึงคิวเราก็จะเข้าไปในห้องตรวจพร้อมสุนัขค่ะ คุณหมอก็จะตรวจร่างกาย ตรวจไมโครชิพ ต่างๆ พอเสร็จสิ้นก็รอรับเอกสารค่ะ
  • เมื่อได้รับเอกสารทั้งหมดก็อย่าลืมตรวจสอบความถูกต้องให้เรียบร้อย และก็กลับบ้านได้ค่ะ
  • มีค่าธรรมเนียมประมาณ 2xx บาทค่ะ
6. เดินทางไปสนามบิน เตรียมความพร้อมในการ check-in กับสายการบิน
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
เราไปก่อนเวลา 4-5 ชั่วโมงเลยค่ะ เพราะเผื่อเวลาไปเยอะๆ ไหนจะเตรียมอาหาร น้ำดื่ม กรง อุปกรณ์ เอกสารต่างๆ ให้เข้าที่ ยังต้องวางแผนให้น้องทานอาหารก่อนขึ้นเครื่องอย่างน้อยซัก 1 ชั่วโมง พาไปเดินขับถ่าย ออกกำลังกายเบาๆ ก่อนที่จะอยู่ในกรงอีกนานนนเป็นยี่สิบชั่วโมง ที่สนามบินสุวรรณภูมิสามารถพาน้องเดินไปเดินมาได้ ส่วนที่ขับถ่ายก็ข้ามสะพานเชื่อมไปยังอาคารจอดรถ ด้านล่างชั้น 1 จะมีสนามหญ้าที่กว้างและยาวมากให้วิ่งเล่นค่ะ
เมื่อทำธุระเตรียมความพร้อมเรียบร้อยก็พาไปเช็คอินได้เลยค่ะ เจ้าหน้าที่เช็คอินก็จะขอเอกสารเราและเอกสารสุนัขทั้งหมด ก็ให้เค้าจัดการไปได้เลยค่ะ ขั้นตอนสุดท้ายก็คือชั่งน้ำหนักหมาพร้อมกรง และจ่ายเงินค่ะ น้ำหนักฮอปเปอร์+กรง = 30kg. หมดไปทั้งสิ้น 30,500 บาท ประมาณนี้ค่ะ ขึ้นอยู่กับ currency exchange และขอแต่ละสายการบินค่ะ
จริงๆ เราเช็คอินเสร็จ ก็ยังสามารถพาน้องออกมาเดินเล่นได้อยู่นะคะ จนถึงนาทีสุดท้ายจริงๆ ค่อยส่งน้องเข้าไปทางช่องOversized bag จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ค่ะ พ่อๆแม่ๆ ดูความเรียบร้อยของกรงอีกที พอน้องเข้าไปในกรงแล้วให้ใช้สายเคเปิ้ลไทร์ล็อคประตู และรอบๆ กรงให้แน่นหนา ติดสติ้กเกอร์ให้เรียบร้อย เขียนวันเวลาที่เราให้อาหารล่าสุด เพื่อเป็นข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ประเทศที่เราไปต่อเครื่อง เผื่อเกิดการดีเลย์ขึ้นค่ะ
สุดท้ายแล้วก็ตรงนี้แหละที่เราจะได้จากกันชั่วคราว มองลูกเข้าลิฟต์และประตูลิฟท์ปิด มันบีบหัวใจจริงๆ ค่ะ ฮือออ พิธีกรรมการอำลาทั้งหมาและคนก็เป็นอันเสร็จสิ้น ขึ้นบันไดเลื่อนวัดใจเข้าไปเลยค่า
ข้อแนะนำ
  • ควรเริ่มเตรียมการตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 5-6 เดือน เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา โดยเฉพาะเรื่องสายการบินค่ะ
  • สามารถปรึกษาเอเจนซี่เพื่อช่วยดำเนินการเหล่านี้ได้ หากมีความจำเป็นหรือต้องการความสะดวกและถูกต้อง
  • ศึกษาข้อมูลการนำสุนัขออก จากเว็บไซต์ด่านกักกันสัตว์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และศึกษาการนำสุนัขเข้าประเทศต่างๆ จากเว็บไซต์ทางการของประเทศนั้นๆ อย่างละเอียด
  • เริ่มฝึกสุนัขเพื่อเตรียมความพร้อมในการเดินทาง เช่น ฝึกเข้ากรง ฝึกป้องกัน Separation Anxiety
โฆษณา