7 มี.ค. เวลา 03:31 • การเมือง

ชะตากรรมของทรัมป์หากได้เข้ามาสมัยที่สองกับ “ลัทธิโดดเดี่ยว 2.0”

กลุ่มร็อคกี้เฟลเลอร์ได้ทำนายไว้แล้ว
ได้มีการวิเคราะห์เชิงทำนายเกี่ยวกับ “ความอ่อนแอเชิงกลยุทธ์” ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอนาคต (หมายถึง ‘ทรัมป์’ สมัยสอง) ในบทความที่เขียนโดยกิเดียน โรส ชื่อว่า “Isolationism 2.0: Donald Trump and the future of the liberal order” แปลเป็นไทยก็คือ “ลัทธิโดดเดี่ยว 2.0: โดนัลด์ ทรัมป์และอนาคตของระเบียบเสรีนิยม” ในนิตยสาร The National Interest (NI)
“กิเดียน โรส” เป็นผู้ช่วยอาวุโสของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (CFR) ซึ่งเป็นองค์กรด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ก่อตั้งโดยตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ โดยก่อนหน้านี้โรสเคยเป็นบรรณาธิการของนิตยสาร Foreign Affairs ตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2021
ตลอดทั้งบทความของ NI โรสบ่นอย่างหนักหน่วงว่าหาก “พ่อใหญ่ทรัมป์” ชนะเลือกตั้งมาเป็น ปธน. สมัยสอง สหรัฐอเมริกาก็จะถอยหลังลงคลองเข้าสู่ “นโยบายแบบลัทธิโดดเดี่ยว” และเลิกแทรกแซงกิจการระหว่างประเทศเหมือนเมื่อ 90 ปีที่แล้วอีกครั้ง แต่เขาเชื่ออย่างหนักแน่นว่าในขณะนี้อเมริกามีความจำเป็นที่ต้องมีการแทรกแซง ท่ามกลางความท้าทายที่ “รัสเซีย” และ “จีน” ส่งสัญญาณถึงผู้นำอเมริกันจากต่างประเทศ
เครดิตภาพ: Shutterstock
“อันตรายที่แท้จริงที่เรา (อเมริกา) ต้องกังวลในวันนี้ไม่ใช่การรุกรานจากต่างประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้นสู่ระดับสงครามโลกครั้งที่สาม แต่มันเป็นการเกิดขึ้นของการบ่อนทำลายระเบียบโลกเสรีนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากความไร้หนทางของชาวอเมริกันที่ปลูกฝังในบ้านเราเอง” ผู้เขียนบทความดังกล่าวระบุ
4
“การไร้ซึ่งหนทาง” ที่โรสวิเคราะห์ไว้คือ การที่ทรัมป์ขู่ว่าจะทำลายขอบเขตอิทธิพลของอเมริกาทั้งหมดในโลก ซึ่งสร้างขึ้นบนพื้นฐานผ่านกลุ่มนาโต แผนมาร์แชล นโยบายของทรูแมน (Truman Doctrine) ระบบการเงินเบรตตันวูดส์ (IMF กับ World Bank) และการมีอยู่ของฐานทัพสหรัฐฯ อย่างถาวรในต่างประเทศ ซึ่งมันแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งหมดตั้งแต่ปี 1945 ตรงที่ทรัมป์ปฏิเสธรากฐานนโยบายหลังสงครามโลกของอเมริกา
1
แต่โรสกล่าวว่าอันตรายสำคัญยังอยู่ที่ประเด็นอื่นอีก
นโยบายหลังสงครามโลกมีพื้นฐานอยู่บนความเข้าใจพื้นฐานประการหนึ่งที่ผู้กำหนดนโยบายเรียนรู้จากความล้มเหลวในช่วงระหว่างสงครามโลก ในโลกสมัยใหม่นโยบายต่างประเทศได้เปรียบเหมือนกีฬาประเภททีมมากกว่าเป็นกีฬาประเภทบุคคล [แต่] ทรัมป์ไม่มีความอยากเล่นเกมที่มีผลลัพธ์เป็นบวก เพราะเขาอาศัยอยู่ในโลกที่ผลรวมเป็นศูนย์ (Zero Sum) [หากทรัมป์ชนะ] จะเกิดการเมืองแบบที่เห็นแก่ตัว และความรู้สึกของการทำงานเป็นทีมหรือการเป็นหุ้นส่วนกับผู้อื่นด้วยเงื่อนไขที่เท่าเทียมกันในกลุ่มจะหายไป
กิเดียน โรส (The National Interest)
1
ดังนั้นโรสจึงมีความกังวลว่า ภายใต้การนำของทรัมป์ “เครือข่ายความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศของอเมริกาจะเริ่มขาดหาย” และ “ความไว้วางใจที่อยู่ภายใต้ความรู้สึกของประชาคมโลกจะถูกทำลาย”
เครดิตภาพ: The Economist
ตีความจากบทความนี้คือ ปัญหาของทรัมป์ในสายตาของกลุ่มร็อคกี้เฟลเลอร์ (CFR) ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนชอบสันโดษโดดเดี่ยว แต่เขาพร้อมที่จะรุกล้ำระบบการตัดสินใจทั้งหมดของกลุ่มที่มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังโลกาภิวัตน์ “Deep State” ซึ่งเป็นเจ้าของทำเนียบขาวตัวจริง ทรัมป์ก็เพียงแสดงรับบทเป็นพ่อบ้านที่ถูกคุมอำนาจอยู่เบื้องหลัง
1
โรสเขียนว่า “สมัยแรกของทรัมป์ถือเป็นเรื่องบังเอิญ ทั้งเขาและใครก็ตามคาดไม่ถึงว่าเขาจะชนะ และไม่มีการเตรียมตัวอย่างแท้จริงสำหรับข้อเท็จจริงที่ว่าจะทำอย่างไรหากสิ่งนี้เกิดขึ้น” เห็นได้ชัดว่าหากทรัมป์กลับเข้ามาในทำเนียบขาวอีกครั้ง ทุกอย่างจะแตกต่างออกไป “การเตรียมการที่แท้จริง” กำลังดำเนินการอยู่หรือได้ดำเนินการไปแล้ว Deep State จะไม่อนุญาตให้เขากระทำตามอำเภอใจ
เครดิตภาพ: Illustrated by Aïda Amer/Axios. Photos: WPA Pool/Getty Pool, Drew Angerer/Getty Staff
หากทรัมป์ชนะเลือกตั้งมาเป็น ปธน. อีกสมัย เขาจะเป็นอัมพาตทันทีจากการรณรงค์ถอดถอนเขา (Impeachment) อย่างต่อเนื่องและเกิดความขัดแย้งกับวุฒิสภา การตัดสินใจทั้งหมดของเขาในการลดความสำคัญกับนาโต และการมีอยู่ของสหรัฐฯ ในยุโรปจะถูกทำลายโดย Deep State ของอเมริกา
1
ไม่น่าเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์จะสามารถลดความขัดแย้งในยูเครนและออกไปจากที่นั่นได้ทันที ตามที่ “พ่อใหญ่ทรัมป์” กำลังพูดอยู่ตอนนี้ ผู้สนับสนุนของพรรคเดโมแครตอย่างบริษัทข้ามชาติทางการเงินระดับโลกจะไม่อนุญาตให้เขาทำเช่นนี้เป็นอันขาด ยืนยันว่าชนชั้นสูงในอเมริกาจะทำทุกอย่างเพื่อควบคุมทรัมป์
บทความต้นเรื่องอ้างอิงตามลิงก์ด้านล่างนี้
เรียบเรียงโดย Right Style
7th Mar 2024
  • แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: The Economist>
โฆษณา